ลูกในครรภ์ได้รับยาที่เป็นอันตราย จากการที่พยาบาลผสมยาผิดโดยสลับกับผู้ป่วยอีกคน ขอปรึกษาค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า ตอนท้อง เราไม่สบายเป็นหลอดลมอักเสบ ต้อง admit ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับยาปฎิชีวนะทางสายน้ำเกลือทุก 4 ชั่วโมง

มีอยู่ Dose หนึ่งพยาบาลมาให้ยาตอนที่เราหลับอยู่ พอตื่นขึ้นมาพบว่า ยาที่ให้เป็นชื่อคนอื่น แต่ยาได้ส่งผ่านมาที่ตัวเราจนหมดขวดแล้ว เราก็เรียกพยาบาลมาหยุดยา และพยาบาลก็ได้ไปหยุดยาของผู้ป่วยคนที่มีชื่อสลับกับของเราด้วย

จากนั้นก็เจาะเลือดเรา นำเลือดไปตรวจว่าเลือดเรามียาที่ผสมผิดจริงหรือไม่ ผลออกมาปรากฏว่า ผสมยาผิดจริงค่ะ และยาที่เราได้รับเป็นยา Category D ซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกในท้องของเรา (ยาประเภทนี้ ควรให้หญิงมีครรภ์ต่อเมื่อพิจารณาแล้วเสี่ยงต่อการที่หญิงมีครรภ์จะเสียชีวิตเท่านั้น)

หลังจากเหตุการณ์ สามีปลอบให้เราคิดบวกว่า อาจไม่ได้ผสมยาผิด เป็นแค่การติดชื่อผิด แต่เราก็ยังเครียดค่ะ หลังจากที่ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งผลว่าผิดจริง เราเข่าอ่อนไปเลย เครียดมาก นอนไม่หลับ ร้องไห้ตลอดเวลา กังวลสารพัดว่า ลูกในท้องจะเป็นยังไงบ้าง พยายามลืมเรื่องนี้ แต่มันก็กลับมาอีก เป็นอย่างนี้อยู่ 2 เดือนจนกระทั่งคลอด ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด แน่นอนว่าลูกต้องได้รับสารเครียดจากเราไปมากมายนัก

จากเหตุการณ์นี้
พอลูกคลอดออกมา ก็เป็นผื่นภูมิแพ้เยอะมาก ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เราเคยเป็นตอนที่เครียดมาก ๆ สมัยที่ทำงาน

เราเลือกโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ซึ่งได้มาตรฐาน JCI ซึ่งเป็นมาตรฐานที่โรงพยาบาลชั้นนำได้รับ เพราะคาดหวังว่า จะได้รับการรักษาที่ดี มีมาตรฐาน

(ลืมแจ้งว่า ยาดังกล่าว มีผลต่อหูและไตของลูกและแม่ค่ะ ส่วนผลข้างเคียงจากความเครียดมากจากแม่ที่ส่งถึงลูก ทำให้ลูกคนนี้แพ้นมวัว เรากินอะไรแทบไม่ค่อยได้เลย ต้องระวังมากกลัวว่าอาหารที่กินเข้าไปจะส่งผ่านน้ำนม วันรุ่งขึ้นผื่นก็จะขึ้นเต็มตัวเลยค่ะ ในขณะที่ลูกคนอื่น ๆ ไม่เป็น เรากินทุกอย่างได้)

ตอนนี้ได้ทนายความมาแล้วค่ะ เป็นทนายมีฝีมือ เหลือแค่ว่าเราจะตัดสินใจว่าควรจะดำเนินการต่อหรือไม่ เป็นเรื่องของจิตใจล้วน ๆ ค่ะ
อยากทราบความเห็นของหัวอกแม่ทั้งหลายว่ารู้สึกยังไงกันค่ะ

คำถามคือ

ถ้าเป็นแม่ ๆ จะดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดมั๊ยคะ

หรือ เราควรจะอโหสิกับความสะเพร่าของพยาบาลคนนั้น ถือว่าเป็นกรรมของลูก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
เอาเรื่องไห้ถึงที่สุดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่