เมื่อวันที่ผ่านมา โมโตโรล่า ได้เปิดตัว Moto E โทรฯมือถือแอนดรอยด์ที่จะมีราคาขายถูกที่สุดเท่าที่เคยทำมา หลังประสบความสำเร็จจาก Moto G โดยวางแผนเจาะกลุ่มตลาดล่าง หรือ ตลาดเกิดใหม่
โดย Moto E จะมาพร้อมจอ qHD ขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียด 960x540 พิกเซล หรือ มีความหนาแน่นของพิกเซล 256ppi (ต่ำกว่า Moto G ที่มีความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 326ppi) แบตเตอรี่ขนาด 1,980 mAh และชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 200 SoC (ซีพียู dual-core 1.2 GHz กับ จีพียู Adreno 302) ซึ่งถึงแม้ตัวชิปจะไม่ได้มีพลังมหาศาล แต่สามารถทำงานเข้ากันได้ดีกับแรม LPDDR2 ขนาด 1 GB
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความจำภายในขนาด 4GB ที่สามารถขยายพื้นที่ได้ด้วยช่องเสียบการ์ด microSD, กล้องหลังมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, รองรับสองซิม, มีระบบกันน้ำ และรองรับคลื่นความถี่วิทยุมาตรฐาน 3G/HSPA โดยจะรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat ที่โมโตโรล่าได้ให้สัญญาว่า จะได้รับการปรับปรุงในอนาคตเมื่อถึงเวลาเหมาะสม
ควบคู่ไปกับการเปิดตัว Moto E โมโตโรล่ายังได้ทำการเปิดตัว Moto G รุ่นเวอร์ชั่น LTE พร้อมรองรับการ์ด microSD ซึ่งเป็นคุณสมบัติจำเป็นที่ยังขาดอยู่ โดยทั้งสองรุ่นจะเปิดวางจำหน่ายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าใน 40 ประเทศทั่วโลก (กว่า 80 ผู้ให้บริการเครือข่าย) โดยที่ Moto E จะมีราคาขายอยู่ที่ 129เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รุ่น Moto G เวอร์ชั่น 4G จะมีราคาขายในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 149 ยูโร (ประมาณ 210เหรียญสหรัฐฯ)
ที่มา TechSpot
โมโตโรล่า เปิดตัว Moto E โทรฯมือถือรุ่นราคาย่อมเยาว์ พร้อมส่ง Moto G รุ่นเวอร์ชั่น LTE
เมื่อวันที่ผ่านมา โมโตโรล่า ได้เปิดตัว Moto E โทรฯมือถือแอนดรอยด์ที่จะมีราคาขายถูกที่สุดเท่าที่เคยทำมา หลังประสบความสำเร็จจาก Moto G โดยวางแผนเจาะกลุ่มตลาดล่าง หรือ ตลาดเกิดใหม่
โดย Moto E จะมาพร้อมจอ qHD ขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียด 960x540 พิกเซล หรือ มีความหนาแน่นของพิกเซล 256ppi (ต่ำกว่า Moto G ที่มีความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 326ppi) แบตเตอรี่ขนาด 1,980 mAh และชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 200 SoC (ซีพียู dual-core 1.2 GHz กับ จีพียู Adreno 302) ซึ่งถึงแม้ตัวชิปจะไม่ได้มีพลังมหาศาล แต่สามารถทำงานเข้ากันได้ดีกับแรม LPDDR2 ขนาด 1 GB
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความจำภายในขนาด 4GB ที่สามารถขยายพื้นที่ได้ด้วยช่องเสียบการ์ด microSD, กล้องหลังมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, รองรับสองซิม, มีระบบกันน้ำ และรองรับคลื่นความถี่วิทยุมาตรฐาน 3G/HSPA โดยจะรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat ที่โมโตโรล่าได้ให้สัญญาว่า จะได้รับการปรับปรุงในอนาคตเมื่อถึงเวลาเหมาะสม
ควบคู่ไปกับการเปิดตัว Moto E โมโตโรล่ายังได้ทำการเปิดตัว Moto G รุ่นเวอร์ชั่น LTE พร้อมรองรับการ์ด microSD ซึ่งเป็นคุณสมบัติจำเป็นที่ยังขาดอยู่ โดยทั้งสองรุ่นจะเปิดวางจำหน่ายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าใน 40 ประเทศทั่วโลก (กว่า 80 ผู้ให้บริการเครือข่าย) โดยที่ Moto E จะมีราคาขายอยู่ที่ 129เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รุ่น Moto G เวอร์ชั่น 4G จะมีราคาขายในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 149 ยูโร (ประมาณ 210เหรียญสหรัฐฯ)
ที่มา TechSpot