สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
สวัสดีครับคุณฮุไซนี:
ผมติดตามข่าวนี้มาตลอด ในประเทศไนจีเรีย ประชากรมุสลิม/คริสเตียน ใกล้กับ จำนวน 50/50 % คือ ประชากรมุสลิม/คริสเตียน มีจำนวนเกือบเท่าๆกัน
แต่ว่าคริสเตียนเขา เผยแพร่ศาสนาเขาด้วยการศึกษา ให้ประชาชนมีความรู้ และการเข้าใจหลักการของศาสนาไปพร้อมๆกัน ซึ่งต่างจากสังคมมุสลิมเกือบทุกๆประเทศในภาคตะวันออกกลางและในอาฟริกา ที่สอนความรุนแรงและการแก้แค้น ก่อนที่จะให้ความรู้แก่มุสลิมอย่างเพียงพอที่จะเข้าใจสภาพสังคมมนุษย์ได้ และขาดความเข้าใจหลักการที่แท้จริงของศาสนาอิสลามที่จะนำไปสู่ความสงบสุขของมวลมนุษย์ ตามวัตถุประสงค์ของอิสลามที่แท้จริง
การที่มุสลิมกลุ่มนี้ ปฏิบัติการเลวเช่นนี้ ผมว่าเนื่องมากจากการขาดความเข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง, มุสลิมจะแก้ตัวปัดความรับผิดชอบตามหน้าที่ของมุสลิม "ว่าพวกนี้เป็นมุสลิมที่เลวคงจะไม่ได้" เนื่องจากว่าพวกเขาเชื่อตามคำสอนของครูอาจารย์มาเช่นนั้น และ ว่าอิสลามสอนเช่นนั้น ทั้งนี้เนื่องจากการสอนศาสนาถูกบิดเบือนไปจากหลักการที่แท้จริงของศาสนาอิสลาม, สอนในเรื่องการใช้ ความรุนแรงเป็นหลัก สอนว่า บัญญัติที่เกี่ยวกับความเมตตากรุณาปราณีถุกยกเลิกไป สนับสนุนในเรื่องการทำจิฮาด
ผมว่าสังคมมุสลิมควรจะสำรวจตัวเองนานมาแล้วว่าทำไมเหตุการณ์เช่นนี้ จึงเกิดขึ้นได้ การไปโทษมุสลิมกลุ่มนี้ว่าเป็นผู้รับผิดชอบ การกระทำความชั่วเช่นนี้แต้เพียงกลุ่มเดียวไม่ได้ มันเป็นความรับผิดชอบของมุสลิมทุกๆสังคม ที่ไม่มีการสอนที่มีบรรทัดฐานที่ถุกต้องในรูปเดียวกันหมด ถ้าไปตำหนิมุสลิมกลุ่มนี้แต่เพียงผู้เดียว ก็ไม่ต่างจาก การสอนลูกให้เป็นโจร และมาตำหนิลูกในภายหลัง....การสอนเช่นนี้มีอยู่จริงถึงแม้ในสังคมไทยมุสลิมก็ตาม....
.......
โดยสอนว่า:
เชื่อว่าเป้าหมายและงานศาสนาอันดับ 1 ของรอซูลคือต่อสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามหักล้างความเท็จ ซึ่งสอดคล้องกับความจริงที่ว่าในอิสลามเรื่องเตาฮีดคือเรื่องอันดับหนึ่ง ดังนั้นการทำงานของกลุ่มจึงยึดนโยบายว่าปลดปล่อยมนุษย์จากความทุกข์ยากสู่การศรัทธาพระเจ้า
หะดีษที่ทางกลุ่มยึดถือเป็นหัวใจ หลัก
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ أُمِرْتُ أنْ أُقَاتِلَ النَاسَ حَتَّى يَقُوْلُوا لاَ اِلهَ اِلاَّ اللهُ
ท่าน รอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า “ฉันถูกใช้ให้ต่อสู้(ด้วยดาบ)กับผู้ที่เป็นภัย จนกว่าเขาจะกล่าว ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์
บันทึก โดยท่านอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 1312
มนุษย์นั้นถูกสร้างมาเพื่อต่อสู้กับความเท็จและรับใช้พระเจ้า เสมือนใบมีดที่ต้องใช้งานฟาดฟันสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นการมุ่งแต่ทำงานเพื่อสร้างอีมานกันถ่ายเดียวแต่ทอดทิ้งการต่อสู้ให้มนุษย์รับอิสลาม จึงเปรียบเสมือนการลับมีดการดูแลมีดอย่างเดียวโดยไม่เคยเอามีดมาใช้งาน ดังนั้นกลุ่มจึงไม่เคยมองว่าการทำงานศาสนาสำหรับชาวมุสลิมนั้นเป้าหมายของมันคือทำงานเพื่อสร้างกระบวนการอีมาน แก่มุสลิมกันเอง หากแต่เป้าหมายหลักของการมีญะมาอะฮฺคือสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามตามอย่างท่านนบี แต่กระบวนการตัรบียะฮฺนั้นคือกระบวนการพื้นฐานของกลุ่มเท่านั้นไม่ใช่งานหลักของศาสนา แต่เป็นงานประจำพื้นฐานของญะมาอะฮฺเสมือนการลับใบมีดแต่มิใช่ลับใบมีดกันทั้งปีชาติ ดังนั้นทางกลุ่มจึงมองว่าปัญหาของโลกมุสลิมคือการทิ้งการต่อสู้เพื่อเตาฮีด.
(ที่ขีดเส้นใต้ไว้..เป็นการสอนที่ผิดที่เห็นว่าการมีอีมานต่อพระเจ้าไม่ใช่หลักสำคัญของมุสลิม, สังคมมุสลิมไม่ต้องการปริมาณมุสลิมที่ขาดคุณภาพแต่ต้องเกิดจากความศรัทธาโดยสมัคใจ ไม่ใช่เกิดจากการล่อลวงให้เป็นมุสลิมด้วยการโกหกและเล่ห์กล, แต่ต้องสอนและแสดงให้เห็นว่าอิสลามสามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้มีคุณภาพทางคุณธรรมและคุณภาพทางชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้)
เชื่อว่าบุคลิกภาพท่านนบี ศ็อลฯ มีสองด้านเสมอ มีทั้งด้านที่สุภาพและด้านบู๊ ปัญหาของสังคมมุสลิมคือเน้นด้านสุภาพของท่านนบีด้านเดียวจนเลยเถิดเป็นความหน่อมแน้มจนพวกเขาไม่สามารถที่จะกล้าหาญตอบโต้กับ ศัตรูอิสลามดังนั้น สมาชิกกลุ่มจะต้องมีความบู๊และ พร้อมกล้าหาญตอบโต้ศัตรูเสมอ.
ดังนั้นอุดมการณ์หลัก คือการหักล้างขัดแย้งต่อสู้ถล่มความเท็จในสังคม เช่น ชีอะฮฺ คริสต์ พุทธ ประชาธิปไตย มาร์กซิสต์ เฟมินิสม์ ฯลฯ ซึ่งเรายึดถือทฤษฎีของกลุ่มที่เรียกว่า วิวรณ์ธรรมปฏิพากย์ (Dialectical Revelationism)
......
นี่เพียงตัวอย่างที่ผมนำมาชี้ให้เห็นว่า การสอนเยาวชนมุสลิมว่า ความสุภาพ สุขุม และ ความอดทนของท่านรอ ซูล คือความอ่อนแอ และมุสลิมจะต้อง ตอบโต้ด้วยวิธี อันธพาลและรุนแรง สอนให้เป็นศัตรูต่อทุกๆกลุ่มที่ไม่ใช่มุสลิม โดยไม่ใช้วิธีการที่ท่านรอซูล ใช้ในการ ปกครองและการอยู่ร่วมกันกับผู้ที่มีความคิดเห็นและความศรัทธาที่ต่างกันภายใต้สังคมเดียวกันอย่างสงบ.
ผมเข้าใจว่า มุสลิมกลุ่มนี้ ใช้อุดมการณ์เดียวกับ อุดมการณ์ที่ผมยกตัวอย่างให้เห็นข้างบนนี้ รวมทั้งรัฐบาลมุสลิม ก็ไม่อาจจะให้ความยุติธรรมได้ และต้องรอขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น, ซึ่งไม่ใช่หลักการของศาสนาอิสลาม
ผมติดตามข่าวนี้มาตลอด ในประเทศไนจีเรีย ประชากรมุสลิม/คริสเตียน ใกล้กับ จำนวน 50/50 % คือ ประชากรมุสลิม/คริสเตียน มีจำนวนเกือบเท่าๆกัน
แต่ว่าคริสเตียนเขา เผยแพร่ศาสนาเขาด้วยการศึกษา ให้ประชาชนมีความรู้ และการเข้าใจหลักการของศาสนาไปพร้อมๆกัน ซึ่งต่างจากสังคมมุสลิมเกือบทุกๆประเทศในภาคตะวันออกกลางและในอาฟริกา ที่สอนความรุนแรงและการแก้แค้น ก่อนที่จะให้ความรู้แก่มุสลิมอย่างเพียงพอที่จะเข้าใจสภาพสังคมมนุษย์ได้ และขาดความเข้าใจหลักการที่แท้จริงของศาสนาอิสลามที่จะนำไปสู่ความสงบสุขของมวลมนุษย์ ตามวัตถุประสงค์ของอิสลามที่แท้จริง
การที่มุสลิมกลุ่มนี้ ปฏิบัติการเลวเช่นนี้ ผมว่าเนื่องมากจากการขาดความเข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง, มุสลิมจะแก้ตัวปัดความรับผิดชอบตามหน้าที่ของมุสลิม "ว่าพวกนี้เป็นมุสลิมที่เลวคงจะไม่ได้" เนื่องจากว่าพวกเขาเชื่อตามคำสอนของครูอาจารย์มาเช่นนั้น และ ว่าอิสลามสอนเช่นนั้น ทั้งนี้เนื่องจากการสอนศาสนาถูกบิดเบือนไปจากหลักการที่แท้จริงของศาสนาอิสลาม, สอนในเรื่องการใช้ ความรุนแรงเป็นหลัก สอนว่า บัญญัติที่เกี่ยวกับความเมตตากรุณาปราณีถุกยกเลิกไป สนับสนุนในเรื่องการทำจิฮาด
ผมว่าสังคมมุสลิมควรจะสำรวจตัวเองนานมาแล้วว่าทำไมเหตุการณ์เช่นนี้ จึงเกิดขึ้นได้ การไปโทษมุสลิมกลุ่มนี้ว่าเป็นผู้รับผิดชอบ การกระทำความชั่วเช่นนี้แต้เพียงกลุ่มเดียวไม่ได้ มันเป็นความรับผิดชอบของมุสลิมทุกๆสังคม ที่ไม่มีการสอนที่มีบรรทัดฐานที่ถุกต้องในรูปเดียวกันหมด ถ้าไปตำหนิมุสลิมกลุ่มนี้แต่เพียงผู้เดียว ก็ไม่ต่างจาก การสอนลูกให้เป็นโจร และมาตำหนิลูกในภายหลัง....การสอนเช่นนี้มีอยู่จริงถึงแม้ในสังคมไทยมุสลิมก็ตาม....
.......
โดยสอนว่า:
เชื่อว่าเป้าหมายและงานศาสนาอันดับ 1 ของรอซูลคือต่อสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามหักล้างความเท็จ ซึ่งสอดคล้องกับความจริงที่ว่าในอิสลามเรื่องเตาฮีดคือเรื่องอันดับหนึ่ง ดังนั้นการทำงานของกลุ่มจึงยึดนโยบายว่าปลดปล่อยมนุษย์จากความทุกข์ยากสู่การศรัทธาพระเจ้า
หะดีษที่ทางกลุ่มยึดถือเป็นหัวใจ หลัก
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ أُمِرْتُ أنْ أُقَاتِلَ النَاسَ حَتَّى يَقُوْلُوا لاَ اِلهَ اِلاَّ اللهُ
ท่าน รอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า “ฉันถูกใช้ให้ต่อสู้(ด้วยดาบ)กับผู้ที่เป็นภัย จนกว่าเขาจะกล่าว ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์
บันทึก โดยท่านอิหม่ามบุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 1312
มนุษย์นั้นถูกสร้างมาเพื่อต่อสู้กับความเท็จและรับใช้พระเจ้า เสมือนใบมีดที่ต้องใช้งานฟาดฟันสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นการมุ่งแต่ทำงานเพื่อสร้างอีมานกันถ่ายเดียวแต่ทอดทิ้งการต่อสู้ให้มนุษย์รับอิสลาม จึงเปรียบเสมือนการลับมีดการดูแลมีดอย่างเดียวโดยไม่เคยเอามีดมาใช้งาน ดังนั้นกลุ่มจึงไม่เคยมองว่าการทำงานศาสนาสำหรับชาวมุสลิมนั้นเป้าหมายของมันคือทำงานเพื่อสร้างกระบวนการอีมาน แก่มุสลิมกันเอง หากแต่เป้าหมายหลักของการมีญะมาอะฮฺคือสู้เพื่อให้มนุษย์รับอิสลามตามอย่างท่านนบี แต่กระบวนการตัรบียะฮฺนั้นคือกระบวนการพื้นฐานของกลุ่มเท่านั้นไม่ใช่งานหลักของศาสนา แต่เป็นงานประจำพื้นฐานของญะมาอะฮฺเสมือนการลับใบมีดแต่มิใช่ลับใบมีดกันทั้งปีชาติ ดังนั้นทางกลุ่มจึงมองว่าปัญหาของโลกมุสลิมคือการทิ้งการต่อสู้เพื่อเตาฮีด.
(ที่ขีดเส้นใต้ไว้..เป็นการสอนที่ผิดที่เห็นว่าการมีอีมานต่อพระเจ้าไม่ใช่หลักสำคัญของมุสลิม, สังคมมุสลิมไม่ต้องการปริมาณมุสลิมที่ขาดคุณภาพแต่ต้องเกิดจากความศรัทธาโดยสมัคใจ ไม่ใช่เกิดจากการล่อลวงให้เป็นมุสลิมด้วยการโกหกและเล่ห์กล, แต่ต้องสอนและแสดงให้เห็นว่าอิสลามสามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้มีคุณภาพทางคุณธรรมและคุณภาพทางชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้)
เชื่อว่าบุคลิกภาพท่านนบี ศ็อลฯ มีสองด้านเสมอ มีทั้งด้านที่สุภาพและด้านบู๊ ปัญหาของสังคมมุสลิมคือเน้นด้านสุภาพของท่านนบีด้านเดียวจนเลยเถิดเป็นความหน่อมแน้มจนพวกเขาไม่สามารถที่จะกล้าหาญตอบโต้กับ ศัตรูอิสลามดังนั้น สมาชิกกลุ่มจะต้องมีความบู๊และ พร้อมกล้าหาญตอบโต้ศัตรูเสมอ.
ดังนั้นอุดมการณ์หลัก คือการหักล้างขัดแย้งต่อสู้ถล่มความเท็จในสังคม เช่น ชีอะฮฺ คริสต์ พุทธ ประชาธิปไตย มาร์กซิสต์ เฟมินิสม์ ฯลฯ ซึ่งเรายึดถือทฤษฎีของกลุ่มที่เรียกว่า วิวรณ์ธรรมปฏิพากย์ (Dialectical Revelationism)
......
นี่เพียงตัวอย่างที่ผมนำมาชี้ให้เห็นว่า การสอนเยาวชนมุสลิมว่า ความสุภาพ สุขุม และ ความอดทนของท่านรอ ซูล คือความอ่อนแอ และมุสลิมจะต้อง ตอบโต้ด้วยวิธี อันธพาลและรุนแรง สอนให้เป็นศัตรูต่อทุกๆกลุ่มที่ไม่ใช่มุสลิม โดยไม่ใช้วิธีการที่ท่านรอซูล ใช้ในการ ปกครองและการอยู่ร่วมกันกับผู้ที่มีความคิดเห็นและความศรัทธาที่ต่างกันภายใต้สังคมเดียวกันอย่างสงบ.
ผมเข้าใจว่า มุสลิมกลุ่มนี้ ใช้อุดมการณ์เดียวกับ อุดมการณ์ที่ผมยกตัวอย่างให้เห็นข้างบนนี้ รวมทั้งรัฐบาลมุสลิม ก็ไม่อาจจะให้ความยุติธรรมได้ และต้องรอขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น, ซึ่งไม่ใช่หลักการของศาสนาอิสลาม
แสดงความคิดเห็น
เด็กสาวที่ถูกโบโกฮารามลักพาตัว เปลี่ยนศาสนาไปนับถืออิสลาม
ที่พวกเขาลักพาตัวมาจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองชีบอค ในรัฐบอร์โน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
โดยยื่นข้อเสนอปล่อยตัวเด็กนักเรียนหญิงมากกว่า 200 คนที่จับกุมไว้เป็นตัวประกันแลกกับพวกนักรบอิสลามิสต์ซึ่งถูกคุมขัง
ในคลิปได้ปรากฎภาพของเด็กหญิงที่ถูกลักพาตัวไปประมาณ 100 คนจาก 276 คน
สวมฮิญาบยาวจรดข้อเท้าเปล่งเสียงสวดภาวนาในพื้นที่ซึ่งไม่เปิดเผย
หัวหน้ากลุ่มโบโกฮารามกล่าวว่า เด็กสาวเหล่านี้เปลี่ยนศาสนาจากคริสต์เป็นอิสลามเรียบร้อยแล้ว
เหตุโจมตีครั้งนี้ได้กระตุ้นให้ทั่วโลกออกมาแสดงความโกรธเคือง และความกังวลในชะตากรรมของเด็กหญิงอย่างรุนแรง เมื่อเชเกา ข่มขู่ในวีดีโอคลิปเผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้ว่า จะนำเด็กหญิงเหล่านี้ไปขาย “ในตลาด”
กลุ่มเด็กสาวที่ปรากฎในคลิปวีดีโอของโบโกฮาราม
ตัวแทนกลุ่มโบโกฮารามกล่าวว่าเด็กสาวจะถูกขายถ้าทางการไนจีเรียไม่ปล่อยตัวนักรบอิสลามิสต์
เด็กสาวที่ถูกเปลี่ยนศาสนาคนหนึ่งพูดหน้ากล้องด้วยท่าทีที่แสดงความหวาดกลัว
ชายถืออาวุธคนหนึ่งถือปืนคุม กลุ่มเด็กสาวที่ถูกลักพาตัว
แผนที่แสดงจุดก่อการร้ายของกลุ่มโบโกฮาราม
มิเชล โอบามา สตรีหายเลข 1 ของสหรัฐ ชูป้ายสนับสนุนแคมเปญ #Bring back our Girl
เดวิด คาเมรอน และนักข่าว CNN ชูป้ายสนับสนุนแคมเปญ #Bring back our Girl
มาลาลา ยูซาฟไซ ตัวเต็งรางวัลโนเบลสันติภาพ ชูป้ายสนับสนุนแคมเปญ #Bring back our Girl
ฮิลลารี คลินตัน ทวีตข้อความสนับสนุนแคมเปญ #Bring back our Girl
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000052736
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000052466
http://www.dailymail.co.uk/news/article-2626019/We-know-Nigerian-governor-claims-intelligence-missing-schoolgirls-leader-Anglican-church-says-talks-need-start-Boko-Haram-back.html