คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
มาตอบเองก็ยังไง เพราะล็อคอินเราแทบจะแปะมาคู่โลโก้ดงบังด้วยซ้ำ
อาจตอบตามที่ว่าเป็นแฟนสายเจไม่ได้ แต่ตอบจากมุมมองของคนญี่ปุ่นในวงการค่ายเพลงกับคนญี่ปุ่นบางส่วนได้
เพราะมาจากข้อมูลจากการทำงานของเราที่ต้องดิวกับ entertainment ฝั่งญี่ปุ่นเอง ฝั่งญี่ปุ่นที่เราชอบมีทักกี้คนเดียว นอกนั้นสายนักแสดงญี่ปุ่น อย่าง มาซาโตะ ซากาอิ กับนางแบบหมด
แรกๆ ก็อย่างที่คุณ naj บอกค่ะ ค่าย สือ อวยเว่อร์ ตีมันเข้าไปกับข่าวโอริกอนรายวัน รายสัปดาห์นะ
ตอนนั้นเราตามแต่ดงบังชินกิ ยังคิดในใจเลยออกมาจะสิบกว่าซิงแหละ โทโฮชินกิ ไม่ดังสักที เพลีย อยากให้กลับไปทำตลาดเกาหลี เอเชียใจจะขาด อยู่เกา ยังกับราชา มาอยู่ญี่ปุ่นนี่มันวงพลเมืองชั้นสองชัดๆ
ต้องไปรอคิวชาวบ้านเค้า สั่งไรมาต้องทำ ด่วนแค่ไหนต้องไป แต่ที่เกา ชั้นเล่นตัวได้ บลาๆๆ เพราะค่ายจะอวยยังไงไม่มีผลเท่ากับสิ่งที่เราเห็นจริงๆ อยู่แล้ว จะโม้ยังไง ตรูรู้แกวหมดล่ะ ที่มะชอบคือ ทรงผมกับยูนิฟอร์ม จากหล่อเท่แบบเกาหลี กลายมาเน้น curl ลอนสวยแบบเป็ดเลยจร้า ช่างแต่งหน้าทำผม ชาวยุ่น เค้าชอบให้โทโฮแต่งแนวนี้ไงชุดก็หางเครื่องมาก แล้วพอมาเปรียบกับดงบัง เวอรเกา ที่หล่อเท่ มันคืออาราย
เราตามประหนึ่งคนละวงกัน แถมอวยฝั่งดงบังสุดๆ เป๊ะกว่า เต้นจัดหนักกว่า ด้วยความที่เราดูตลาดบันเทิงรวมๆ ฝั่งญี่ปุ่นเป็นหลัก เลยรู้ว่าช่วงต้นโทโฮก็ไม่เท่าไหร่จริง ถ้าเทียบซิงแรก stay with me tonight การใช้เสียง อารมณ์ เทคนิคช่วงแรกยังสู้สายอารติส ฝั่งญี่ปุ่นไม่ได้เลย ทั้งที่โปรโมตมาแบบไอดอลแนวอารติสนะ ฝีมือ
ตอนนั้นคือ ระดับไอดอลทั่วไป
ปัญหาคือภาษายังไม่ได้ มันเลยยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ มาทึ่งเอาก็ตอนช่วงโดชิเตะนี่แหละ ที่รู้ว่าพัฒนาไปเยอะ แถมยังช่วยให้เทคนิคการใช้เสียงฝั่งดงบังดีขึ้นไปด้วย
งานฝั่งโทโฮเราก็ตามบ้าง ไม่ตามบ้าง แต่ก็รู้แหละว่าเริ่มทะยอยอัดโปรโมตมาเรื่อยๆ ที่ญี่ปุ่น น้องมาถ่ายแมกกาซีนญี่ปุ่นที่เราทำอยู่ทุกเดือนสมัยนั้น ฟี้ดแบคดีขึ้น
เรื่อยๆ มีคนเรียกร้องให้ขยายหน้า เพิ่มกิจกรรมที่เกี่ยวกับวง จากที่ต้องมาทุกวีค กลายเป็นต้องถ่ายเก็บไว้แทน เพราะคิวงานเริ่มยุ่งขึ้นทุกที ขอคิวยากขึ้นแบบเห็นได้
ชัด และค่าตัวที่สูงแบบก้าวกระโดด ล่าสุดนี่หนักกว่ามาแบบโฟโต้ช็อปเลย เจ้าตัวมาไม่ได้ ใช้โปรแกรมเอาแระกัน
จุดที่ทำให้แฟนบางส่วนสนใจคือ summer dream
Turning point คือ โดชิเตะ ที่ได้แฟนวงกว้าง จากนั้นก็ไปพีคสุดที่ได้ขึ้นโตเกียวโดม ช่วงนั้นเป็นช่วงฟีเวอร์ทีเดียว พอวงแตกยิ่งไปกันใหญ่ เพราะแฟนๆ ช็อค ตอน
นั้นเราไปทำธุระที่ญี่ปุ่นช่วงปี 2009 เดินถือนิตยสารที่ถ่ายรวมเล่มกันครั้งสุดท้าย ยังมีผู้ชายญี่ปุ่นเดินมาถามเลยว่าหาซื้อที่ไหน เพราะตอนนั้นของขาดตลาดมาก และเป็นช่วงที่สัมผัสได้เองเลยว่าดังที่ญี่ปุ่นจริงๆ เนื่องจากต้องขอจากสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นให้เก็บให้ แต่ข่าวที่ออกช่วงนั้นจะเป็นการแยกวง วงมีปัญหาซะเยอะ
ส่วนตัวศิลปินเองรู้จักกับนักร้องญี่ปุ่นระดับท็อปหลายคน เพราะจากการไปทำตลาด จะได้เจอคนดังเหล่านี้ตามงานและนอกงานอยู่แล้ว ส่วนนึงเพราะโดนทางค่าย
ปล่อยเกาะไว้ให้เรียนรู้ที่จะใช้วิถีชีวิตแบบคนญี่ปุ่นจริงๆ เป็นเวลาหลายปี กับความที่เป็นคนรักดนตรีเหมือนกัน เลยจูนกันได้ง่าย เพราะพวกที่ดังแบบท็อปสตาร์ของญี่ปุ่นก็ผ่านอะไรไม่น้อยเหมือนกัน คนแบบเดียวกันเจออะไรเหมือนกันมันเลยคลิกง่ายไง
ถ้าเป็นวงเกาสมัยใหม่ ค่าย
ดูแลดีทุกอย่าง คุยกันเองในหมู่ทีมงานและล่าม เท่านี้ก็ต่างแล้ว โอกาสฝึกภาษาน้อยลง สังเกตได้ว่าวงเการุ่นใหม่จะไม่ใช้ภาษาแสลงเลย แต่พูดตามตำรา มินนะ นืฮงโกะแบบนั้นน่ะ ขายความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ทำตัวสบายๆ เป็นธรรมชาติ คำพูดแต่ละคำ
ของโทโฮชินกิ นี่แทบจะสกรีนแล้วสกรีนอีก แฟนบางคนเลยชอบบอกว่าโทโฮดูเครียด ไม่บ้าบอ ดูไม่เป็นธรรมชาติ น่าเบื่อ แต่สถานการณ์ที่น้องอยู่ต่างกับวงเด็กๆ มากค่ะ เพราะไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนจะรักในสิ่งที่คุณเป็น อย่างน้อยการทำตัวเรียบร้อย ศึกษาวัฒนธรรมเค้าไปมันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ให้เค้ามารู้จักคุณก่อน หรือให้เค้าสนใจเรียนภาษาเกาหลี ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเคป็อป
นักร้องหน้าใหม่แบบโทโฮ ถูกโปรแกรมมาจากค่ายตลอดว่าคุณคือวงที่เป็นตัวแทนของเกาหลี ต้องเป๊ะทุกด้าน เหมือนขายของอ้ะค่ะ จะเอาไรไปเสนอ ยิ่งเป็นผลิตภัณท์ตัวแรก ก็ต้อง จัดเต็มหน่อย
แต่สมัยนี้ทำยังไงก็ได้ให้วงเป็นที่นิยมก็พอแล้ว เหมือนคนยอมรับแล้วจะปรับไงก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แค่ปรับสูตร
แต่ต้องบอกด้วยว่าช่วงปี 2000 -2008 เคป็อป เข้าไปเจาะตลาดไม่ได้ง่ายๆ ด้วยล่ะ ต้องอาศัยการทำดนตรีที่ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นค่อนข้างมาก และเป็นข้อยืนยันได้ว่าตลาดญี่ปุ่นตีได้ยากแค่ไหน
จริงๆ โทโฮไม่ใช่วงเดียวที่ไปทำตลาดที่นั่นช่วงนั้น มีหลายวงมากมาย
แต่ โทโฮเป็นวงเดียวที่ประสบความสำเร็จแบบเห็นได้ชัดในหมู่วงต่างชาติด้วยกัน
ความแตกต่างของวงรุ่นหลังคือ ช่วงปี 2009 ช่วงที่ดงบังหายไปจากวงการ จิงๆ มันเป็นช่วงที่โทโฮจุดกระแสให้แล้ว แต่พอวงมีปัญหา มันเลยค้างอยู่แบบนั้นประกอบกับกระแสเคป็อปก็บูมขึ้นมา จากการซัพพอรตของภาครัฐ ตัวค่าย แม้แต่คาร่า ที่ได้ชื่อว่า ลงไปทำตลาดญี่ปุ่นจริงจัง รองมาจากโทโฮ แต่เพลงที่ทำให้พวกเธอ เป็นที่สนใจคือ mister กับท่าเต้นส่ายสะโพก หรือ snsd จาก gee หลังจากนั้นก็มีรุ่นน้องมากมายเดินพาเหรดเข้ามา จากกระแสเคป็อปทียังหลงเหลือ ก็ทำให้มีแฟนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบกระแสเกาหลีอยู่ ยอดขายแต่ละวงเลยออกมาค่อนข้างใช้ได้ในส่วนซิงเกิ้ลและก็เหมา venue ใหญ่ๆ เพื่อสร้างกระแส แต่ต่างกันที่ชอบเล่นระบบอีเว้นต์ ทำให้ยอดขายและความนิยมจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทางค่ายโหมโปรโมต ส่วนตัวเราว่ามันเป็นการโปรโมตที่ไม่ยั่งยืนควรลดลงได้แล้ว
กลับมาส่วนโทโฮชินกิเอง
น้องจะไม่ค่อยพูดคำว่า ไอชิเตรุ อย่างน้อยเราก็ไม่เคยได้ยิน เพราะคนญี่ปุ่นไม่ใช้คำนี้กันพร่ำเพรือ มันต้องสำคัญมาก แล้วส่วนตัวดูเชยด้วยมั้ง 555 เค้าไม่ใช้กันบ่อยอ้ะ นอกจากนี้ยัง เคยคุยกับพวกคนญี่ปุ่นที่ทำงานวงการบันเทิง หลายคนจะตอบประมาณว่า ชอบโทโฮชินกิเพราะสู้ไม่ถอย คำเดียวเลยสั้นๆ แต่อธิบายทุกอย่างได้ครบ สู้กับวงต่างๆ ในเกาหลีเพื่อมาเป็นที่ 1 ของเอเชียในยุคนั้น
สู้เพื่อชนะใจคนญี่ปุ่น สู้เพื่อค่าย เบิกทางให้รุ่นน้องทั้งหมด สู้เพื่อศักดิศรีตัวเองและสำคัญสุดคือ สู้เพื่อความหวังของแฟนๆ ที่รอคอยการกลับมา
ถ้าเทียบในปัจจุบัน ที่ค่ายเปลี่ยนนโยบายการโปรโมทแบบไม่ไปฝังตัว ไม่ต้องเช่าบ้านให้ไปอยู่แบบเดิมๆ แล้วทำตลาดนานๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เสียดายแค่หลังๆ โปรโมตวงกว้างลำบากขึ้น แต่ไม่มีผลไรต่อทัวร์มากนัก
จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แม้จะมีเรื่องเกิดขึ้น คนใน sm เองก็ยอมรับว่าดงบังชินกิ/โทโฮชินกิ เป็นศิลปินที่ดีสุดเท่าที่ค่ายเคยปั้นมา ในแง่ผู้บุกเบิกตลาดที่ยากเป็นอันดับสองของโลกได้สำเร็จ และเป็นวงที่คุณลีซูมานภูมิใจมากที่สุด
ถ้าโทโฮชินกิเป็นวงที่ถ่อมตัวที่สุดในเคป็อปแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า บิ๊กอีสต์หรือแคสเป็นแฟนคลับที่ขี้อวดที่สุดในโลกแล้วล่ะค่ะ ด้วยความที่น้องของเราไม่ค่อยพูด แฟนๆ เลยต้องเป็นกระบอกเสียงแทน ^^ เพราะค่ายเองก็ชอบให้น้องปิดทองหลังพระตลอด แฟนๆ เลยยิ่งเก็บกด บอกเบรยย
ขอบคุณ จขกท ที่ตั้งกระทู้นี้มาด้วยนะคะ
มาตอบเองก็ยังไง เพราะล็อคอินเราแทบจะแปะมาคู่โลโก้ดงบังด้วยซ้ำ
อาจตอบตามที่ว่าเป็นแฟนสายเจไม่ได้ แต่ตอบจากมุมมองของคนญี่ปุ่นในวงการค่ายเพลงกับคนญี่ปุ่นบางส่วนได้
เพราะมาจากข้อมูลจากการทำงานของเราที่ต้องดิวกับ entertainment ฝั่งญี่ปุ่นเอง ฝั่งญี่ปุ่นที่เราชอบมีทักกี้คนเดียว นอกนั้นสายนักแสดงญี่ปุ่น อย่าง มาซาโตะ ซากาอิ กับนางแบบหมด
แรกๆ ก็อย่างที่คุณ naj บอกค่ะ ค่าย สือ อวยเว่อร์ ตีมันเข้าไปกับข่าวโอริกอนรายวัน รายสัปดาห์นะ
ตอนนั้นเราตามแต่ดงบังชินกิ ยังคิดในใจเลยออกมาจะสิบกว่าซิงแหละ โทโฮชินกิ ไม่ดังสักที เพลีย อยากให้กลับไปทำตลาดเกาหลี เอเชียใจจะขาด อยู่เกา ยังกับราชา มาอยู่ญี่ปุ่นนี่มันวงพลเมืองชั้นสองชัดๆ
ต้องไปรอคิวชาวบ้านเค้า สั่งไรมาต้องทำ ด่วนแค่ไหนต้องไป แต่ที่เกา ชั้นเล่นตัวได้ บลาๆๆ เพราะค่ายจะอวยยังไงไม่มีผลเท่ากับสิ่งที่เราเห็นจริงๆ อยู่แล้ว จะโม้ยังไง ตรูรู้แกวหมดล่ะ ที่มะชอบคือ ทรงผมกับยูนิฟอร์ม จากหล่อเท่แบบเกาหลี กลายมาเน้น curl ลอนสวยแบบเป็ดเลยจร้า ช่างแต่งหน้าทำผม ชาวยุ่น เค้าชอบให้โทโฮแต่งแนวนี้ไงชุดก็หางเครื่องมาก แล้วพอมาเปรียบกับดงบัง เวอรเกา ที่หล่อเท่ มันคืออาราย
เราตามประหนึ่งคนละวงกัน แถมอวยฝั่งดงบังสุดๆ เป๊ะกว่า เต้นจัดหนักกว่า ด้วยความที่เราดูตลาดบันเทิงรวมๆ ฝั่งญี่ปุ่นเป็นหลัก เลยรู้ว่าช่วงต้นโทโฮก็ไม่เท่าไหร่จริง ถ้าเทียบซิงแรก stay with me tonight การใช้เสียง อารมณ์ เทคนิคช่วงแรกยังสู้สายอารติส ฝั่งญี่ปุ่นไม่ได้เลย ทั้งที่โปรโมตมาแบบไอดอลแนวอารติสนะ ฝีมือ
ตอนนั้นคือ ระดับไอดอลทั่วไป
ปัญหาคือภาษายังไม่ได้ มันเลยยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ มาทึ่งเอาก็ตอนช่วงโดชิเตะนี่แหละ ที่รู้ว่าพัฒนาไปเยอะ แถมยังช่วยให้เทคนิคการใช้เสียงฝั่งดงบังดีขึ้นไปด้วย
งานฝั่งโทโฮเราก็ตามบ้าง ไม่ตามบ้าง แต่ก็รู้แหละว่าเริ่มทะยอยอัดโปรโมตมาเรื่อยๆ ที่ญี่ปุ่น น้องมาถ่ายแมกกาซีนญี่ปุ่นที่เราทำอยู่ทุกเดือนสมัยนั้น ฟี้ดแบคดีขึ้น
เรื่อยๆ มีคนเรียกร้องให้ขยายหน้า เพิ่มกิจกรรมที่เกี่ยวกับวง จากที่ต้องมาทุกวีค กลายเป็นต้องถ่ายเก็บไว้แทน เพราะคิวงานเริ่มยุ่งขึ้นทุกที ขอคิวยากขึ้นแบบเห็นได้
ชัด และค่าตัวที่สูงแบบก้าวกระโดด ล่าสุดนี่หนักกว่ามาแบบโฟโต้ช็อปเลย เจ้าตัวมาไม่ได้ ใช้โปรแกรมเอาแระกัน
จุดที่ทำให้แฟนบางส่วนสนใจคือ summer dream
Turning point คือ โดชิเตะ ที่ได้แฟนวงกว้าง จากนั้นก็ไปพีคสุดที่ได้ขึ้นโตเกียวโดม ช่วงนั้นเป็นช่วงฟีเวอร์ทีเดียว พอวงแตกยิ่งไปกันใหญ่ เพราะแฟนๆ ช็อค ตอน
นั้นเราไปทำธุระที่ญี่ปุ่นช่วงปี 2009 เดินถือนิตยสารที่ถ่ายรวมเล่มกันครั้งสุดท้าย ยังมีผู้ชายญี่ปุ่นเดินมาถามเลยว่าหาซื้อที่ไหน เพราะตอนนั้นของขาดตลาดมาก และเป็นช่วงที่สัมผัสได้เองเลยว่าดังที่ญี่ปุ่นจริงๆ เนื่องจากต้องขอจากสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นให้เก็บให้ แต่ข่าวที่ออกช่วงนั้นจะเป็นการแยกวง วงมีปัญหาซะเยอะ
ส่วนตัวศิลปินเองรู้จักกับนักร้องญี่ปุ่นระดับท็อปหลายคน เพราะจากการไปทำตลาด จะได้เจอคนดังเหล่านี้ตามงานและนอกงานอยู่แล้ว ส่วนนึงเพราะโดนทางค่าย
ปล่อยเกาะไว้ให้เรียนรู้ที่จะใช้วิถีชีวิตแบบคนญี่ปุ่นจริงๆ เป็นเวลาหลายปี กับความที่เป็นคนรักดนตรีเหมือนกัน เลยจูนกันได้ง่าย เพราะพวกที่ดังแบบท็อปสตาร์ของญี่ปุ่นก็ผ่านอะไรไม่น้อยเหมือนกัน คนแบบเดียวกันเจออะไรเหมือนกันมันเลยคลิกง่ายไง
ถ้าเป็นวงเกาสมัยใหม่ ค่าย
ดูแลดีทุกอย่าง คุยกันเองในหมู่ทีมงานและล่าม เท่านี้ก็ต่างแล้ว โอกาสฝึกภาษาน้อยลง สังเกตได้ว่าวงเการุ่นใหม่จะไม่ใช้ภาษาแสลงเลย แต่พูดตามตำรา มินนะ นืฮงโกะแบบนั้นน่ะ ขายความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ทำตัวสบายๆ เป็นธรรมชาติ คำพูดแต่ละคำ
ของโทโฮชินกิ นี่แทบจะสกรีนแล้วสกรีนอีก แฟนบางคนเลยชอบบอกว่าโทโฮดูเครียด ไม่บ้าบอ ดูไม่เป็นธรรมชาติ น่าเบื่อ แต่สถานการณ์ที่น้องอยู่ต่างกับวงเด็กๆ มากค่ะ เพราะไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนจะรักในสิ่งที่คุณเป็น อย่างน้อยการทำตัวเรียบร้อย ศึกษาวัฒนธรรมเค้าไปมันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ให้เค้ามารู้จักคุณก่อน หรือให้เค้าสนใจเรียนภาษาเกาหลี ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเคป็อป
นักร้องหน้าใหม่แบบโทโฮ ถูกโปรแกรมมาจากค่ายตลอดว่าคุณคือวงที่เป็นตัวแทนของเกาหลี ต้องเป๊ะทุกด้าน เหมือนขายของอ้ะค่ะ จะเอาไรไปเสนอ ยิ่งเป็นผลิตภัณท์ตัวแรก ก็ต้อง จัดเต็มหน่อย
แต่สมัยนี้ทำยังไงก็ได้ให้วงเป็นที่นิยมก็พอแล้ว เหมือนคนยอมรับแล้วจะปรับไงก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แค่ปรับสูตร
แต่ต้องบอกด้วยว่าช่วงปี 2000 -2008 เคป็อป เข้าไปเจาะตลาดไม่ได้ง่ายๆ ด้วยล่ะ ต้องอาศัยการทำดนตรีที่ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นค่อนข้างมาก และเป็นข้อยืนยันได้ว่าตลาดญี่ปุ่นตีได้ยากแค่ไหน
จริงๆ โทโฮไม่ใช่วงเดียวที่ไปทำตลาดที่นั่นช่วงนั้น มีหลายวงมากมาย
แต่ โทโฮเป็นวงเดียวที่ประสบความสำเร็จแบบเห็นได้ชัดในหมู่วงต่างชาติด้วยกัน
ความแตกต่างของวงรุ่นหลังคือ ช่วงปี 2009 ช่วงที่ดงบังหายไปจากวงการ จิงๆ มันเป็นช่วงที่โทโฮจุดกระแสให้แล้ว แต่พอวงมีปัญหา มันเลยค้างอยู่แบบนั้นประกอบกับกระแสเคป็อปก็บูมขึ้นมา จากการซัพพอรตของภาครัฐ ตัวค่าย แม้แต่คาร่า ที่ได้ชื่อว่า ลงไปทำตลาดญี่ปุ่นจริงจัง รองมาจากโทโฮ แต่เพลงที่ทำให้พวกเธอ เป็นที่สนใจคือ mister กับท่าเต้นส่ายสะโพก หรือ snsd จาก gee หลังจากนั้นก็มีรุ่นน้องมากมายเดินพาเหรดเข้ามา จากกระแสเคป็อปทียังหลงเหลือ ก็ทำให้มีแฟนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบกระแสเกาหลีอยู่ ยอดขายแต่ละวงเลยออกมาค่อนข้างใช้ได้ในส่วนซิงเกิ้ลและก็เหมา venue ใหญ่ๆ เพื่อสร้างกระแส แต่ต่างกันที่ชอบเล่นระบบอีเว้นต์ ทำให้ยอดขายและความนิยมจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทางค่ายโหมโปรโมต ส่วนตัวเราว่ามันเป็นการโปรโมตที่ไม่ยั่งยืนควรลดลงได้แล้ว
กลับมาส่วนโทโฮชินกิเอง
น้องจะไม่ค่อยพูดคำว่า ไอชิเตรุ อย่างน้อยเราก็ไม่เคยได้ยิน เพราะคนญี่ปุ่นไม่ใช้คำนี้กันพร่ำเพรือ มันต้องสำคัญมาก แล้วส่วนตัวดูเชยด้วยมั้ง 555 เค้าไม่ใช้กันบ่อยอ้ะ นอกจากนี้ยัง เคยคุยกับพวกคนญี่ปุ่นที่ทำงานวงการบันเทิง หลายคนจะตอบประมาณว่า ชอบโทโฮชินกิเพราะสู้ไม่ถอย คำเดียวเลยสั้นๆ แต่อธิบายทุกอย่างได้ครบ สู้กับวงต่างๆ ในเกาหลีเพื่อมาเป็นที่ 1 ของเอเชียในยุคนั้น
สู้เพื่อชนะใจคนญี่ปุ่น สู้เพื่อค่าย เบิกทางให้รุ่นน้องทั้งหมด สู้เพื่อศักดิศรีตัวเองและสำคัญสุดคือ สู้เพื่อความหวังของแฟนๆ ที่รอคอยการกลับมา
ถ้าเทียบในปัจจุบัน ที่ค่ายเปลี่ยนนโยบายการโปรโมทแบบไม่ไปฝังตัว ไม่ต้องเช่าบ้านให้ไปอยู่แบบเดิมๆ แล้วทำตลาดนานๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เสียดายแค่หลังๆ โปรโมตวงกว้างลำบากขึ้น แต่ไม่มีผลไรต่อทัวร์มากนัก
จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แม้จะมีเรื่องเกิดขึ้น คนใน sm เองก็ยอมรับว่าดงบังชินกิ/โทโฮชินกิ เป็นศิลปินที่ดีสุดเท่าที่ค่ายเคยปั้นมา ในแง่ผู้บุกเบิกตลาดที่ยากเป็นอันดับสองของโลกได้สำเร็จ และเป็นวงที่คุณลีซูมานภูมิใจมากที่สุด
ถ้าโทโฮชินกิเป็นวงที่ถ่อมตัวที่สุดในเคป็อปแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า บิ๊กอีสต์หรือแคสเป็นแฟนคลับที่ขี้อวดที่สุดในโลกแล้วล่ะค่ะ ด้วยความที่น้องของเราไม่ค่อยพูด แฟนๆ เลยต้องเป็นกระบอกเสียงแทน ^^ เพราะค่ายเองก็ชอบให้น้องปิดทองหลังพระตลอด แฟนๆ เลยยิ่งเก็บกด บอกเบรยย
ขอบคุณ จขกท ที่ตั้งกระทู้นี้มาด้วยนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
จากสายตาคนไทยที่ตามวงการฝั่งเจนะคะ
เราว่าตอนแรกโปรโมทว่าดังเวอร์เกินความเป็นจริง
แต่สุดท้ายเพราะความพยายาม ฝีมือและจังหวะที่ลงตัว
ก็ดังได้จริงๆในระดับที่สื่อฝั่งเกาหลีเคยอวยเวอร์เอาไว้
เป็นคนนึงที่เคยรำคาญข่าวอวยเวอร์จากฝั่งเกาหลีของวงนี้มาก
แต่เวลาผ่านไปก็เห็นว่าเค้ามีฝีมือมีความพยายามกันจริงๆ
จะไปหมั่นไส้เพราะสื่อและค่ายที่โปรโมทอวยเวอร์มันก็ไม่ถูก
ดูไปดูมาเห็นออกรายการเยอะขึ้น เลยเริ่มจะชิน
และวงญี่ปุ่นที่เราตามอยู่ดูเหมือนจะเอ็นดูโทโฮชินกิอยู่ไม่น้อย
ความที่เป็นติ่งผู้ซื่อสัตย์ วงที่เรารักเค้ารักใคร เรารักด้วย
เลยแอบเอาใจช่วยอยู่ แม้จะไม่ค่อยชอบเพลงแนวๆโทโฮนัก
(แจจุงเสียงดีนะ เก่งมากแต่รสนิยมส่วนตัวเราไม่ชอบวิธีใช้เสียงแบบนี้)
ส่วนตัวคิดว่าโทโฮชินกิคือวงเกาหลีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในญี่ปุ่น
แฟนคลับเหนียวแน่น รักจริงและรักนาน คนทั่วไปก็รู้จักแยกหน้าออกจากวงเกาหลีอื่นๆ
แม้จะแยกออกมาเป็นสองวงแล้ว ในสายตาเราก็ยังเหนือกว่าวงเกาหลีอื่นๆขั้นนึงทั้งคู่
ทุกวันนี้ยังใจหายทุกครั้งที่ดู Stand By You ที่ร้องด้วยกันห้าคนครั้งสุดท้ายบนโคฮาขุ
ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแคสไม่ได้เป็นบิ๊กอีส แต่คงเพราะเถียงกับแคสบ่อย(555)อ่านมาเยอะเลยอิน
เราว่าตอนแรกโปรโมทว่าดังเวอร์เกินความเป็นจริง
แต่สุดท้ายเพราะความพยายาม ฝีมือและจังหวะที่ลงตัว
ก็ดังได้จริงๆในระดับที่สื่อฝั่งเกาหลีเคยอวยเวอร์เอาไว้
เป็นคนนึงที่เคยรำคาญข่าวอวยเวอร์จากฝั่งเกาหลีของวงนี้มาก
แต่เวลาผ่านไปก็เห็นว่าเค้ามีฝีมือมีความพยายามกันจริงๆ
จะไปหมั่นไส้เพราะสื่อและค่ายที่โปรโมทอวยเวอร์มันก็ไม่ถูก
ดูไปดูมาเห็นออกรายการเยอะขึ้น เลยเริ่มจะชิน
และวงญี่ปุ่นที่เราตามอยู่ดูเหมือนจะเอ็นดูโทโฮชินกิอยู่ไม่น้อย
ความที่เป็นติ่งผู้ซื่อสัตย์ วงที่เรารักเค้ารักใคร เรารักด้วย
เลยแอบเอาใจช่วยอยู่ แม้จะไม่ค่อยชอบเพลงแนวๆโทโฮนัก
(แจจุงเสียงดีนะ เก่งมากแต่รสนิยมส่วนตัวเราไม่ชอบวิธีใช้เสียงแบบนี้)
ส่วนตัวคิดว่าโทโฮชินกิคือวงเกาหลีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในญี่ปุ่น
แฟนคลับเหนียวแน่น รักจริงและรักนาน คนทั่วไปก็รู้จักแยกหน้าออกจากวงเกาหลีอื่นๆ
แม้จะแยกออกมาเป็นสองวงแล้ว ในสายตาเราก็ยังเหนือกว่าวงเกาหลีอื่นๆขั้นนึงทั้งคู่
ทุกวันนี้ยังใจหายทุกครั้งที่ดู Stand By You ที่ร้องด้วยกันห้าคนครั้งสุดท้ายบนโคฮาขุ
ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแคสไม่ได้เป็นบิ๊กอีส แต่คงเพราะเถียงกับแคสบ่อย(555)อ่านมาเยอะเลยอิน
ความคิดเห็นที่ 4
ถือว่าดังมากค่ะ
และเป็นวงที่ชาวญปยอมรับอย่างทั่วถึง เทียบกับวงเกาหลีวงอื่น อย่างเอสเจ ฟคก็เยอะถึงขั้นเปิดคอนในโตเกียวโดมได้ แต่ถ้าไปถามคนเดินถนนทั่วๆไป ก็ไม่มีใครรู้จักทั่วถึงเหมือนดงบัง (เท่าที่ถามเพื่อนญปมาและจากประสบการณ์ที่อยู่ญปมานะ) คือเค้าตีตลาดญปมานานแล้วค่ะ พูดญปได้คล่องมาก ดังนั้นเราว่าชาวญปเค้ายอมรับในeffortตรงนี้ไม่เหมือนวงเกาหลีอื่นๆที่พูดได้แบบงูๆปลาๆ ทักทายแบบง่อยๆ ที่ดูไม่จริงใจ
ดงบังใช้เวลานานกว่า พยายามมากกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ที่คนยอมรับได้
พูดได้ว่าเค้าได้รับการยอมรับมากกว่าวงเกาหลีวงอื่นมาก อย่างชางมินนี่ก็ได้ข่าวว่าสนิทกับนิโนะวงอาราชิด้วยนะ
ปล.เดี๋ยวหาว่ามาอวยเราไม่ได้เปนฟคดงบัง เปนฟคเอสเจกะอาราชิค่ะ
และเป็นวงที่ชาวญปยอมรับอย่างทั่วถึง เทียบกับวงเกาหลีวงอื่น อย่างเอสเจ ฟคก็เยอะถึงขั้นเปิดคอนในโตเกียวโดมได้ แต่ถ้าไปถามคนเดินถนนทั่วๆไป ก็ไม่มีใครรู้จักทั่วถึงเหมือนดงบัง (เท่าที่ถามเพื่อนญปมาและจากประสบการณ์ที่อยู่ญปมานะ) คือเค้าตีตลาดญปมานานแล้วค่ะ พูดญปได้คล่องมาก ดังนั้นเราว่าชาวญปเค้ายอมรับในeffortตรงนี้ไม่เหมือนวงเกาหลีอื่นๆที่พูดได้แบบงูๆปลาๆ ทักทายแบบง่อยๆ ที่ดูไม่จริงใจ
ดงบังใช้เวลานานกว่า พยายามมากกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ที่คนยอมรับได้
พูดได้ว่าเค้าได้รับการยอมรับมากกว่าวงเกาหลีวงอื่นมาก อย่างชางมินนี่ก็ได้ข่าวว่าสนิทกับนิโนะวงอาราชิด้วยนะ
ปล.เดี๋ยวหาว่ามาอวยเราไม่ได้เปนฟคดงบัง เปนฟคเอสเจกะอาราชิค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นของแฟนฝั่ง J ต่อโทโฮชินกิเป็นอย่างไรหรอคะ?
ไม่ได้ตั้งใจตั้งกระทู้ล่อเป้าหรืออย่างไรนะคะ
ปกติก็ได้ยินเรื่องราวจากปากแฟนๆบ่อยๆ เราเห็นแล้วก็ชื่นชมค่ะ
แต่อีกแง่นึงก็คิดว่าเป็นการอวยไปเองของแฟนๆเองหรือเปล่า
จึงอยากทราบว่า "กระแสโทโฮชินกิในญี่ปุ่น 'จริงๆแล้ว' เป็นอย่างไรหรอคะ?"
อารมณ์ประมาณว่า ความคิดที่คนทั่วไปมีต่อวงนี้?
ความคิดของแฟนๆต่อการที่ศิลปินเป็นคนสัญชาติเกาหลี?
และอื่นๆตามที่แต่ละท่านมองเห็นค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆคำตอบเลยนะคะ