Overview มาดูภาพรวมคร่าวๆของโรงเรียนภาษาในประเทศสหรัฐอเมริกากันค่ะ

สวัสดีคะ ยิ้ม

แนะนำตัวกันก่อนคะ เจ้าของกระทู้ตอนนี้อายุ 24 ปี กำลังเรียนภาษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาคะ
ช่วงก่อนที่จะเดินทางมาเรียน ก็ไม่ได้มีโอกาสเลือกโรงเรียนด้วยตัวเอง เพราะว่าคุณน้าที่อยู่อเมริกาเป็นคนแนะนำให้ ก็มาแบบมึนๆเลยคะ แต่หลังจากที่มาเรียนแล้วก็พึ่งได้รู้ว่า โรงเรียนภาษาที่นี่ มีอยู่หลายรูปแบบ เลยอยากจะรวบรวมเอามาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เก็บเป็นข้อมูลไว้ตัดสินใจก่อนเดินทางมาต่างประเทศคะ จะได้ถูกใจ ตรงประเด็นกับจุดประสงค์ของการเดินทางมา

ในโอกาสต่อๆไป จขกทจะรวบรวมข้อมูลจากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ที่ได้รับประสบการณ์จริงจากสถาบันภาษาต่างๆเอาไว้ ซึ่งอาจใช้เวลาในการรวบรวมซักหน่อย ก็อดทนรอกันหน่อยนะค้า

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าคะ อย่างที่บอกไว้ว่า โรงเรียนภาษาที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ (แบ่งเอง ไม่มีเกณฑ์มาตรฐานนะคะ)
1. Academic English School
2. Specific English School
3. Working English School

มาลงรายละเอียดกันคะ
ประเภทแรก Academic English School ชื่อก็บอกยี่ห้อวิชาการมาก่อนเลยนะคะ โรงเรียนประเภทนี้มักฝังตัวเป็นสถาบันภาษาอยู่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆคะ อาทิ Maryland English Institute (MEI) ของ University of Maryland และ American Language Institute (ALI) ของ New York University

จุดประสงค์เน้นๆก็คือ การเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียนในห้องเรียนจริงคะ
ดังนั้น การสอนจึงมาเต็มทั้ง Reading, Writing, Speaking, Listening และ Grammar คะ แต่จะเน้นไปในทาง writing เป็นส่วนใหญ่ เพราะถือว่าเป็นส่วนที่ยากและใช้เยอะในชีวิตมหาวิทยาลัย
เวลาในการเรียน ก็จะมากเหมือนกัน คือเลยกำหนดขั้นต่ำของ I20 (18 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์) ไปค่อนข้างเยอะ

++ ข้อดี ของการเรียนสถาบันประเภทนี้ก็คือ เรามีเอกสิทธิ์ประหนึ่งนักเรียนของมหาวิทยาลัยนั้นๆ สามารถเข้านอกออกใน ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกประการได้ (ห้องสมุด, ยิม, โรงอาหาร ฯลฯ) รวมทั้งได้พบปะบรรดานักเรียนตัวจริงเสียงจริงของมหาวิทยาลัย ซึ่งหากเราเป็นคนเปิดและกล้าที่จะพูดคุย ก็จะได้อะไรไปเยอะจากการมาเรียนคะ
- -  ข้อเสีย ค่าเรียนแพงคะ! แพงกว่าโรงเรียนอื่นๆประมาณ 1 ถึง 2 เท่ากันเลยทีเดียว และโรงเรียนนี้จะไม่ได้เน้นการสอบมหาโหดทั้งหลาย (TOEFL, GRE, IELTS, GMAT, LSAT, etc) ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวเองไปควบคู่กับการเรียนในห้องคะ

โรงเรียนแบบต่อมาคือ Specific English School
ที่ใช้คำว่า เฉพาะเจาะจง ก็เพราะว่า โรงเรียนแบบนี้ จะเน้นการ "สอบ" เป็นหลัก นักเรียนสามารถที่จะเลือกเรียนได้ว่าเราจะเน้นการสอบวิชาอะไร โรงเรียนประเภทนี้คือ Kaplan, Princeton, etc. ในโรงเรียนประเภทนี้หากเราเลือกวิชาเช่น GMAT, GRE, LSAT ซึ่งเป็นวิชาที่อเมริกันชนก็ต้องสอบเช่นกัน เราก็จะได้เพื่อนๆเป็นฝรั่งตัวจริงเสียงจริงด้วยคะ
ดังนั้น รูปแบบการเรียนจึงเน้นทำโจทย์ ทริคการทำคะแนน และฝึกฝนให้เราคุ้นเคยกับการสอบนั้นๆ
+ + ข้อดี ไม่ต้องเตรียมตัวเองนอกห้อง เพราะอาจารย์จะเน้นการทำข้อสอบของเราอยู่แล้ว
-  -   ข้อเสีย โรงเรียนจะไม่ปูพื้นฐานให้ เพราะเราต้องสอบจนผ่านระดับที่เค้าต้องการก่อนจึงจะให้เข้าห้องเรียน หากคนที่พื้นฐานไม่แน่น ก็อาจจะเฟลและไม่มีความสุขได้ เศร้า

โรงเรียนแบบสุดท้าย ได้แก่ Working English School
จุดประสงค์คือ การยืด I20 ออกไปปปปปป ให้ยาววววว นานนนนน ขึ้น
ดังนั้น โรงเรียนนี้จะไม่เน้นความเป็นวิชาการ นักเรียนส่วนใหญ่จะทำงานควบคู่ไปกับการเรียน (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นงานผิดกฏหมายแน่นอน ฮ่าๆๆ) ชั่วโมงเรียนจะน้อย และเน้นการสื่อสารในชีวิตจริง (listening and speaking) ที่เคยได้ยินมาก็จะมี Lado, Zoni, etc.
+ + ข้อดี ราคาถูก ไม่แพง เวลาเรียนยืดหยุ่น บางคอร์สเรียนแค่เสาร์อาทิตย์ก็มี!
- -    ข้อเสีย สำหรับคนที่อยากจะพัฒนาภาษาอังกฤษมากๆ อาจจะไม่ถูกใจเพราะเวลาเรียนน้อย และเพื่อนส่วนใหญ่ก็มีงานทำ ไม่ค่อยมีเวลาไปแฮงค์เอ้าท์เพื่อพูดคุยฝึกภาษากันมาก



ท้ายที่สุด สำหรับทุกๆคนที่กำลังวางแผนจะมาเรียนภาษาที่อเมริกาเพราะหวังว่าภาษาจะพัฒนาอย่างพุ่งกระฉูดนั้น สิ่งที่ทุกคนหวังอาจจะเป็นจริงๆได้ แต่ต้องอย่าลืมพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ด้วยนะคะ
1. มาพักกับใคร?
ถ้าหากเลือกมาเรียนอเมริกา แต่แพลนว่าจะไปพักกับญาติคนไทย พี่คนไทย หมู่คนไทย ความหวังที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษอาจจะไม่ได้มากเท่าที่ควร เพราะวันๆหนึ่งเราไปเรียนเต็มที่ 6 ชั่วโมงที่โรงเรียน แต่กลับมาอยู่ท่ามกลางภาษาไทยอีก 10 ชั่วโมง อาจจะไม่เวิร์คคะ!
แนะนำว่า หากพอมีเงินซักนิด ไปอยู่กับโฮส จะดีที่สุดคะ เห็นพี่ๆหลายคนมาอยู่กับโฮส ผ่านไป 3 เดือนแรก การพูดจาก รูปแบบประโยคดูธรรมชาติมากกก

2. การจำกัดสิ่งแวดล้อมของตัวเรา
ในยุคสมัยที่การสื่อสารมัน worldwide โยงใยทั่วโลกขนาดนี้ บางคนมาอเมริกา ไม่ได้พักกับคนชาติเดียวกันจริง แต่เล่นสไกป์ข้ามโลกคุยกับแฟนวันละ 3 ชั่วโมง (ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่ได้เว้าอิงลิชกันแน่ๆ) หรือบางคนมาอยู่ที่อเมริกาจริง แต่ดูละครไทย ฟังเพลงไทย กันตลอดเวลา ภาษาอังกฤษที่ควรได้กลับไม่ได้ แต่แตกฉานภาษาไทยและวงการกอซซิบเมืองไทยมากขึ้นแทนนะคะ

3. อย่าลืมหาโอกาสให้กับตัวเอง
สำหรับท่านๆที่ตัดปัญหาสองประการแรกออกไป โดยการหลีกเลี่ยงคนชาติเดียวกันและหันหลังให้กับสื่อไทยแล้ว ก็อย่าลืมที่จะพบปะสังสรรค์กับเพื่อนต่างชาติให้บ่อยๆคะ ฝรั่งเค้าก็ไม่ได้ว่างและอัธยาศัยดีขนาดที่จะมาทักทายปราศัยกับเราตลอดเวลา หากเราอยากที่จะ Speak English like a Native Speaker ละก็ ก็ต้องหาเวลาไปฟุดฟิดกับเค้าบ่อยๆ ไปเข้าชมรม หางานอาสามัครทำ นอกจากที่เราจะได้ฝึกภาษาแล้วยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆด้วยคะ



เป็นยังไงบ้างคะ ข้อมูลต่างๆโอเคและเป็นประโยชน์มั้ย? ยิ้ม)
หวังว่าทุกท่านจะได้ข้อมูลที่ต้องการไม่มากก็น้อย
หากมีข้อสงสัยประการใด สอบถามมาได้นะคะ
และถ้ามีข้อมูลตรงไหนผิดพลาด เชิญท้วงติงได้ตามสบายเลยคะ จขกทจะพยายามเข้ามาแก้ไขให้ข้อมูลถูกต้องอย่างเร็วที่สุดคะ

สุดท้ายก็ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยมชมกระทู้นี้กันนะคะ

ปล. หากท่านใดก็กำลังเรียนภาษาอยู่ และอยากร่วมแชร์ข้อมูล ติดต่อมาหลังไมค์ได้นะคะ จขกทจะได้พูดคุยเรื่องข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน

สวัสดีคะ ยิ้ม)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่