Speakeasy bar (20+)
อยู่ที่นี่ เรามีเพื่อนที่ชอบชวนไป Bar hopping บ่อยมาก เอาไว้จะมาเล่าให้ฟัง
แต่วันนี้ขอพูดถึง Speakeasy bar ก่อน ซึ่งเราสามารถเพิ่มบาร์ประเภทนี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ bar hopping ได้เหมือนกัน
คำเตือน อย่าปล่อยให้เมามากก่อนไป Speakeasy เพราะส่วนใหญ่เค้าขายแต่ cocktail hiso แก้วละ 18 เหรียญ ++ ไม่รวมติ๊บ ถ้าเมาก็จะไม่ได้ซึมซับทั้งรสชาติ และบรรยากาศในการร่ำสุรา อย่างที่โกวเล้งได้เคยกล่าวไว้
เข้าช่วงสาระ ขอเล่าประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของ Speakeasy bar นิดนึง เวลาไปคุยกะใคร จะได้ดูมีความรู้ โม้ได้ ว่างั้น
Speakeasy bar จริงๆ เป็นบาร์ที่แอบเปิดกันสมัยที่ประเทศอเมริกาห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงปี 1920 – 1933 ด้วยสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ เรื่องสงคราม, หลักศาสนา ไปจนถึงเรื่องสุขภาพ ว่าซื่อ ๆ ถ้าขายก็ผิดกฎหมายนั่นเอง แต่ก็นั่นแหละ อบายมุขห้ามยาก เค้าก็ลักลอบขายกันดิ นักดื่มทั้งหลายก็จะรู้กันเองว่าเค้าขายที่ไหน ที่มืด ๆ ดูโกดังๆ ไม่น่าจะมีเหล้าขายก็มีขาย แต่เค้าจะไม่โฉ่งฉ่างกันนะ (อารมณ์เหมือนบ่อนแถวบ้านลำยอง) เข้าไปในร้านไม่ต้องสั่ง นั่งเงียบๆ มีเหล้าอะไรก็กินอันนั้น บาร์เทนเดอร์เค้าจะเสริฟเลย มีให้กินก็บุญละ โอเคนะ เข้าใจตรงกัน พอเข้าปี 1925 แค่นิวยอร์กรัฐเดียวก็มีอิ Speakeasy bar กระจายอยู่ประมาณ 3 หมื่นถึง 1 แสนบาร์เลยทีเดียว (บอกตัวเลขแน่นอนไม่ได้ เพราะมันซ่อนอยู่ นับไม่ถูกเลย)
ยุคสมัยเปลี่ยน ... 100 ปีต่อมา พ่อค้าแม่ขายคงเห็นเป็นช่องทางทำมาหากิน เลยเปิด speakeasy รูปแบบใหม่ที่คงบรรยากาศการดื่ม หลบ ๆ ซ่อนๆ และที่ตั้งร้านลึกลับไม่มีป้ายชื่อร้าน มองข้างนอกเหมือน office ที่เปิดกลางวัน พอกลางคืนก็เอาม่านดำ ๆ มารูดปิดไว้ แต่ขอโทษเถอะหย่ะพวกหล่อนปิดชั้นไม่มิดหรอก เสียงหัวเราะต่อกะซิกนี่ดังออกมาถึงหน้าปากซอย ถ้าเป็นแต่ก่อนพวกหล่อนคงโดนรวบยกแก๊งไปกะฝาโออิชิละ
ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Bar เป็นแบบ Full bar ค่ะ กล่าวคือ มีเหล้าทุกขนาน ทุกยี่ห้อจากทั่วมุมโลก Bartender หล่อ ๆ กล้ามใหญ่ ๆ ลีลาการเชคสะบัดต้นแขนล่ำๆ กรี๊ด ... เมนูและชื่อเครื่องดื่มที่ยากต่อการอ่านออกเสียงของกระเหรี่ยงอย่างอิชั้น บอกส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยอโรมาเธอราพี ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด (แต่เราต้องมีความพยายามค่ะ) บอกเค้าไปว่า หนูเอาอันไหนก็ได้ที่เปรี้ยว ๆ แก้วนึงพี่ ส่วนเพื่อนฝรั่งสั่ง เบอร์เบิ้น (bourbon) อบควันเทียนกลิ่นเลม่อนหอมชื่นใจ เฮ้ยยยย หร่อยอ่ะ หมดไป 2 แก้วไม่ไหวละ เลิก hop กลับบ้านกันเหอะ อิฝรั่งถาม ทำไมอ่ะ เมาเหรอ ... เปล่าตังค์หมดแล้ว อิชั้นตอบ
พิกัด Speakeasy ในดวงใจ
1. Angel's share speakeasy วิธีเข้าไปก็ เปิด emergency exit ชั้น 2 ของร้าน Village Yokocho ก็จะเจอบันไดหนีไฟ เอ้ย ร้านเหล้าในดวงใจ
2. Please Don't Tell - East Village วิธีไปเปิดประตูร้าน Crif dogs (ร้านขาย hotdog) จะมีประตูร้านอยู่ซ้ายมือซึ่งไม่ใช้ห้องน้ำ แต่ต้องโทรไปจองก่อนนะคะ ได้ข่าวว่ารับจองทุกบ่าย 3 โมง วันก่อนเราเดินเข้าไป น้องพนักงานต้อนรับบอกรอ 2 ชั่วโมงคะเจ๊ ... อดเลย
ปล. อยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ Drink responsible ดูแลตัวเองนะ เค้าเป็นห่วง จุ๊บ ๆ
ปล2. ไม่ดื่มเองแต่ตามคุณผู้ชายไปนั่งสวย ๆ ก็ยังคุ้มนะคะ ลองดู
สวัสดีค่ะ
นิวยอร์ก บอกไรให้ ตอน Speakeasy bar (20+)
อยู่ที่นี่ เรามีเพื่อนที่ชอบชวนไป Bar hopping บ่อยมาก เอาไว้จะมาเล่าให้ฟัง
แต่วันนี้ขอพูดถึง Speakeasy bar ก่อน ซึ่งเราสามารถเพิ่มบาร์ประเภทนี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงจรอุบาทว์ bar hopping ได้เหมือนกัน
คำเตือน อย่าปล่อยให้เมามากก่อนไป Speakeasy เพราะส่วนใหญ่เค้าขายแต่ cocktail hiso แก้วละ 18 เหรียญ ++ ไม่รวมติ๊บ ถ้าเมาก็จะไม่ได้ซึมซับทั้งรสชาติ และบรรยากาศในการร่ำสุรา อย่างที่โกวเล้งได้เคยกล่าวไว้
เข้าช่วงสาระ ขอเล่าประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของ Speakeasy bar นิดนึง เวลาไปคุยกะใคร จะได้ดูมีความรู้ โม้ได้ ว่างั้น
Speakeasy bar จริงๆ เป็นบาร์ที่แอบเปิดกันสมัยที่ประเทศอเมริกาห้ามไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงปี 1920 – 1933 ด้วยสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ เรื่องสงคราม, หลักศาสนา ไปจนถึงเรื่องสุขภาพ ว่าซื่อ ๆ ถ้าขายก็ผิดกฎหมายนั่นเอง แต่ก็นั่นแหละ อบายมุขห้ามยาก เค้าก็ลักลอบขายกันดิ นักดื่มทั้งหลายก็จะรู้กันเองว่าเค้าขายที่ไหน ที่มืด ๆ ดูโกดังๆ ไม่น่าจะมีเหล้าขายก็มีขาย แต่เค้าจะไม่โฉ่งฉ่างกันนะ (อารมณ์เหมือนบ่อนแถวบ้านลำยอง) เข้าไปในร้านไม่ต้องสั่ง นั่งเงียบๆ มีเหล้าอะไรก็กินอันนั้น บาร์เทนเดอร์เค้าจะเสริฟเลย มีให้กินก็บุญละ โอเคนะ เข้าใจตรงกัน พอเข้าปี 1925 แค่นิวยอร์กรัฐเดียวก็มีอิ Speakeasy bar กระจายอยู่ประมาณ 3 หมื่นถึง 1 แสนบาร์เลยทีเดียว (บอกตัวเลขแน่นอนไม่ได้ เพราะมันซ่อนอยู่ นับไม่ถูกเลย)
ยุคสมัยเปลี่ยน ... 100 ปีต่อมา พ่อค้าแม่ขายคงเห็นเป็นช่องทางทำมาหากิน เลยเปิด speakeasy รูปแบบใหม่ที่คงบรรยากาศการดื่ม หลบ ๆ ซ่อนๆ และที่ตั้งร้านลึกลับไม่มีป้ายชื่อร้าน มองข้างนอกเหมือน office ที่เปิดกลางวัน พอกลางคืนก็เอาม่านดำ ๆ มารูดปิดไว้ แต่ขอโทษเถอะหย่ะพวกหล่อนปิดชั้นไม่มิดหรอก เสียงหัวเราะต่อกะซิกนี่ดังออกมาถึงหน้าปากซอย ถ้าเป็นแต่ก่อนพวกหล่อนคงโดนรวบยกแก๊งไปกะฝาโออิชิละ
ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Bar เป็นแบบ Full bar ค่ะ กล่าวคือ มีเหล้าทุกขนาน ทุกยี่ห้อจากทั่วมุมโลก Bartender หล่อ ๆ กล้ามใหญ่ ๆ ลีลาการเชคสะบัดต้นแขนล่ำๆ กรี๊ด ... เมนูและชื่อเครื่องดื่มที่ยากต่อการอ่านออกเสียงของกระเหรี่ยงอย่างอิชั้น บอกส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยอโรมาเธอราพี ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด (แต่เราต้องมีความพยายามค่ะ) บอกเค้าไปว่า หนูเอาอันไหนก็ได้ที่เปรี้ยว ๆ แก้วนึงพี่ ส่วนเพื่อนฝรั่งสั่ง เบอร์เบิ้น (bourbon) อบควันเทียนกลิ่นเลม่อนหอมชื่นใจ เฮ้ยยยย หร่อยอ่ะ หมดไป 2 แก้วไม่ไหวละ เลิก hop กลับบ้านกันเหอะ อิฝรั่งถาม ทำไมอ่ะ เมาเหรอ ... เปล่าตังค์หมดแล้ว อิชั้นตอบ
พิกัด Speakeasy ในดวงใจ
1. Angel's share speakeasy วิธีเข้าไปก็ เปิด emergency exit ชั้น 2 ของร้าน Village Yokocho ก็จะเจอบันไดหนีไฟ เอ้ย ร้านเหล้าในดวงใจ
2. Please Don't Tell - East Village วิธีไปเปิดประตูร้าน Crif dogs (ร้านขาย hotdog) จะมีประตูร้านอยู่ซ้ายมือซึ่งไม่ใช้ห้องน้ำ แต่ต้องโทรไปจองก่อนนะคะ ได้ข่าวว่ารับจองทุกบ่าย 3 โมง วันก่อนเราเดินเข้าไป น้องพนักงานต้อนรับบอกรอ 2 ชั่วโมงคะเจ๊ ... อดเลย
ปล. อยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ Drink responsible ดูแลตัวเองนะ เค้าเป็นห่วง จุ๊บ ๆ
ปล2. ไม่ดื่มเองแต่ตามคุณผู้ชายไปนั่งสวย ๆ ก็ยังคุ้มนะคะ ลองดู
สวัสดีค่ะ