บุกฮ่องกง กินแมว กินเป็ด !!!

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นเบื้องต้นนะครับ ว่าเป็นกระทู้แรกที่ได้ฤกธิ์ รีวิวในพันทิป ยังไงติชมได้นะครับ การรีวิวนี้เกิดขึ้นจากมุมมองของผมเองครับ การนำเสนอ ภาพนิ่งและไม่นิ่งต่างๆอาจจะไม่โปร กล้องหลักเป็นไอโฟนสี่ รุ่นแรก กล้องเสริมเป็น Sony A5000 (ไม่ค่อยได้ยกมาถ่าย 5 5 5) แต่หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่ดีสำหรับเพื่อนๆที่อยากจะไปกินนกฟินิกส์กินแมวกินเป็ดที่ฮ่องกงนะครับ


เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รับโชคจากทางบางกอกแอร์เวย์ 45 Anniversary บิน 45 ไฟล์ท 45 บาท ด้วยความกังวลว่าต้องใช้ให้หมดภายในหนึ่งปี ผมได้จองตั๋วบินภายในประเทศเป็นระยะ เป็นระยะ  มองเห็นปฏิทินเห็นช่วงวันหยุดยาว ในวันที่ 1 - 5 พฤษภาคม เลยทดลองการบินเส้นทางระหว่างประเทศครับ ตัวผมเองทำงานอยู่โซนเกาะสมุย เกาะพะงัน เลยหาเที่ยวบินตรงจากสมุย การจองตั๋วรางวัลนี้จะจองได้เฉพาะ Class S (Staff หรือ Special fare นี่ละครับ) คือถ้าไฟล์ทไหนคนบินเยอะๆ ผมหมดสิทธิ์ครับ การจองเลยค่อนข้างน่าปวดหัวเพราะต้องเผื่อเวลา ต้องมีแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม แผนสี่ อยู่ครับ ตอนแรกเล็งบิน ฮ่องกง กับ สิงคโปร์ ครับ แต่บังเอิญ เส้นทางสิงคโปร์ ฮอตอยู่ครับ ไม่สามารถลงช่วงได้


ฮ่องกง เป็นอีกหนึ่งเส้นทางบินตรงจากเกาะสมุยครับ รวมภาษีสนามบิน ภาษีน้ำมัน ค่าตั๋ว 45 บาท ไปกลับอยู่ที่ สามพันกว่าบาทครับ  สามารถจองได้ แต่ ฮ่องกง-กรุงเทพ หมดสิทธิ์ครับ เที่ยวบินฮอต เลยต้องอาศัยมาจอดสมุยก่อนต่อเครื่องไปลงกรุงเทพและต่อเครื่องอีกกลับบ้านที่เชียงใหม่ ลำบากหน่อยแต่ผมโอเคนะ ประหยัดค่าเครื่องได้หลายหมื่นครับ ทริปนี้  ตั้งใจแรงกล้ามากว่าจะไปกินแมวตามคำร่ำลือให้ได้ ส่วนเป็ดจากสวรรค์ที่ได้จากโพยลับอีกต่างหาก แค่นี้ฟินแล้วครับ


สิ่งที่เรียนรู้ 1 - วันที่ 1 พฤษภาคม ไม่ได้เป็นวันหยุดประจำชาติของไทยที่เดียว ข้าน้อยไม่รู้ จองไปเต็มๆ จัดไปหนักๆ เงิบยาวๆ หมดกัน วันธรรมดาที่เงียบๆของเรากลายเ ป็นวันที่ประชาชนฮ่องกงเบิกบานออกเที่ยว T_T



มาเริ่มกันเถอะ มาเริ่มกันเถอะ

ภาพระหว่างการเดินทางจากเกาะพะงันมาขึ้นเครื่องที่เกาะสมุย (หาดบางรัก)




สำหรับใครที่มาจากเกาะพะงันและหารถจากท่าเรือที่แล่นมาจากหาดริ้น (หาดฟูลมูน) ปกติจะมีบริการรถตู้แชร์กันอยู่ครับ ยืนชูป้าย หัวละร้อย รถเต็มหรือหมดรอบเรือแต่ละรอบ รถก็จะวิ่งไปส่งเราตามจุดที่เราบอกเลยครับ ไปสนามบิน/หาดเฉวง หัวละร้อย  ไปหาดละไม หัวละสองร้อยครับ ใครไม่อยากรอก็เหมารถแท๊กซี่ไปครับ สี่ร้อย ห้าร้อย ตามแต่ศิลปะการเจรจาเลยครับ อยากชิวหัวโต้ลม มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มีบริการครับ


เอาละครับ มาถึงที่สนามบินเกาะสมุย สนามบินแอร์ธรรมชาติครับ สำหรับใครที่ชอบเดินทาง ผมแนะนำให้ใช้โทรศัพท์มือถือ (ไอโฟน) ทำเวบเชคอินแล้วจะมีปุ่มให้กดแอด Passbook ผมใช้ตลอดครับ สะดวกมากมาย แต่ที่สนามบินสมุยยังคงต้องเดินเข้าไปปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาสอยู่ครับ สนามบินเชียงใหม่ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ สุราษ ไม่ต้องปริ้นท์ครับ มีโค้ดถือบัตรไปติ้ดหน้าเกตได้เลย สบายยยไร้คิวสำหรับคนไม่ชอบโหลดกระเป๋าครับ แถมลดโลกร้อนจากการปริ้นท์ขยะด้วยครับ


หน้าตาของ PassBook ครับ



พอมาถึงหน้าสนามบินเราก้อไม่ต้องไปต่อคิวครับ ปกติสายการบินจะมีช่องสำหรับ Baggage drop ส่งสัมภาระขึ้นเครื่องสำหรับผู้ที่ทำเวบเชคอินแล้วครับ



นั่นไงเที่ยวบินของเรา สู่ฮ่องกง ออกจากสมุย ห้าโมงครึ่ง ถึงฮ่องกง เกือบสี่ทุ่มครับ เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าบ้านเราหนึ่งชั่วโมงครับ เลยได้ฟิวบินไปสู่อนาคตอันสดใส แต่พยากรณ์อากาศ เขียนไว้ชัดว่าฝนฟ้าคะนองกระจายยยยยยย พายุเข้า ปวดใจ ..



สิ่งที่เรียนรู้ 2 - ควรเช็คสภาพอากาศที่หมายปลายทางก่อนทุกครั้ง ข้าน้อยทราบแล้วแต่ไม่สน 5 5 5 พกเสื้อกันฝนไปแต่ไม่ไว้วางใจเลยซื้อร่มบนเครื่องบินเพิ่มครับ

บรรยากาศของสนามบินสมุยครับ หลังจากเชคอินแล้ว อย่าเพลิดเพลินเกินใจกับร้านค้าตามรายทางนะครับ เกตต้องเดินไกลพอสมควรนะครับ


หรือใครที่ขี้เกียจเดินนะครับ มีรถรับส่งบริการ แต่ต้องหาตัวคนขับ (ซึ่งนั่งแถวนั้น) ให้เจอก่อนนะครับ 5 5 5 พี่แกจะเนียนนั่งสูบบุหรี่อยู่แถวๆนั้นละครับ



สำหรับท่านที่ไม่รีบร้อนขึ้นเครื่อง มีบริการเบียร์ หรือจะอาบแดด ก็ได้นะครับ เปรี้ยงๆฝรั่งชอบนักแล



เดินทอดน่องมาเรื่อยๆจะเจอกับไปรษณีย์ครับ ครับ ย้ำอีกที ไปรษณีย์ครับ หน้าเกตเลย เผื่อสำหรับท่านที่ช้อปมาเยอะ หรือ ลืมแยกของเหลวเกิน 100 มิล ก้อจ่าหน้าส่งได้ครับ ในรูปจะอยู่ด้านขวามือจากทางเข้าภายในประเทศครับ (หลังตู้รับบริจาคเลยครับ)



ส่วนเกตระหว่างประเทศ ยังคงต้องเดินน่องเกรียมไปอีกครับ แทบจะเดินไปครึ่งทางฮ่องกง (เว่อเกิ้นนนน)




เดินเข้าไปจะเจอเคาน์เตอร์รถบริการต่างๆมากมายครับ แจ้งความประสงค์กับพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่าจะไปฮ่องกงครับ เจ้าหน้าที่จะเงยหน้ามามองเราด้วยสายตาแซ่บๆ 5 5 5 อ่ะ ล้อเล่งง เล็งตรงรถเข็นเยอะๆ เดินเข้าไปสแกนกระเป๋า สแกนตัว เตรียมตีตราลงพาสปอร์ตได้เลยครับ



พอหลุดดินแดนสนธยา ห้ามใส่หมวก ห้ามใส่แว่น ห้ามตด ห้ามเรอ ห้ามกระดุกกระดิกวิ่งเล่น ห้ามลุกลี้ลุกลน ห้ามเขินกล้อง ทำได้ผ่านครับ ทำได้ดีเจ้าหน้าที่จะยิ้มให้ครับ พอหลุดเข้ามาเจอกับเล้าจ์เบอร์หกโอเพ่นแอร์ และป้ายแจ้งไฟล์ทดีเลย์สิบนาที..... เขินอ่ะ..ถ่ายรูปก้อเอียง


และ เล้าจ์เบอร์เจ็ดมีแอร์ครับ  กั้นระหว่างกันด้วย Duty Free ซึ่งออกแนวโอทอปมากกว่านะครับ มีของโปรดผมด้วย



ภายในเล้าจ์เบอร์เจ็ด จะมีซุ้มบริการเต็มรูปแบบครับ แต่ร้านค้าข้างๆนั่นขายเอาตังค์นะครับ ไม่ฟรี อย่าเผลอไปหยิบเชียว ส่วนเล้าจ์เบอร์หกนี่ของเซตนึกว่าของไหว้เจ้าครับ ผมว่ายุบมารวมกันเหอะนะ ถ้าจะเซตแบบนั้น แล้วก้อปลั๊กไฟสำหรับท่านที่อยากชาร์จพลังมือถือ อยู่ตามเสาแนวที่นั่งบาร์ริมหน้าต่างเล้าจ์เบอร์เจ็ดนะครับ ปลั๊กตรงกลางไม่มีไฟครับ มีสี่ตัว ผมลองเดินเสียบทั้งสี่จุดเลยครับ 5 5 5



พอนั่งเล่นแทปเลตอ่านรีวิวต่างๆรวมทั้งเซฟแผนที่ต่างๆในฮ่องกงไว้ ชาร์จแบตไปด้วย ได้ฤกษ์ขึ้นเครื่องครับ ที่เกตโอเพ่นแอร์เบอร์หกครับ ขึ้นตามโซนครับ ถ้าโซนสองได้ขึ้นก่อนครับ โซนหนึ่งรอก่อน แต่ใครที่มาสมุย โซนสองสามารถเดินออกท้ายลำได้ครับ ไม่ต้องรอออกจากเครื่องทีหลังครับ



แล้วเราก้อจะเดินขึ้นมานั่งรถรางที่ไม่วิ่งบนรางเก๋ๆ ครับ ชมบรรยากาศก่อนขึ้นเครื่องบิน โชคดีมีเครื่องบินกำลังขึ้นพอดีครับ




ในที่สุดเราก็ได้ยลโฉมเครื่องที่จะนำเราไปกินแมวและกินเป็ดสักทีนะ!



เล่ามาตั้งนาน ไม่ถึงฮ่องกงสักที เกือบเจ็ดพันตัวอักษรแล้วนะ กลุ้มตัวเองจริงๆ  ต่อครับ บนเที่ยวบินนี้ ฉายหนังเรื่อง เทพเจ้าสายฟ้า Thor2 ครับ ขอสารภาพว่าเพิ่งเคยได้เจอหูฟังแบบใหม่ เช้ยเชย ใส่ไม่เป็น ใส่แล้วหนีบหูตัวเองซะงั้น 5 5 5 แนะนำให้เริ่มจากการมองว่าข้างไหนข้างซ้ายข้างขวา แล้วท่านจะอ้ออออ เหมือนผมครับ ขากลับฉายเรื่อง Frozen ครับ เพลินอีกแบบ ลุ้นเหมือนกันกลัวเจอหนังซ้ำ



ลงเครื่องมาสี่ทุ่มนิดๆเจอกับอุณหภูมิยี่สิบหกองศา เย็นสบายดีจัง รีบโกยไปเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองครับ โอ้ว.. คนเยอะมาก นึกว่าต่อแถวเล่นเครื่องเล่นดีสนีย์ครับ



ผ่านด่านออกมาเจอหน่วยศุลกากร ว่าแล้ววววว มันต้องเรียก ชายผิวดำร่างใหญ่ท่ามกลางอาตี๋อาหมวย โดนอยู่แล้ว เรียกเข้าช่องสำแดงด้วยหน้าตาขึงขัง ไม่ต้องงงครับ เดินไปให้เค้าแสกนกระเป๋าให้รู้ว่า กุพร้อมนะ มีทั้งร่มทั้งเสื้อกันฝนเลยเนี่ย 5 5 5  เอาละครับ ไม่ได้แลกตังค์มา เดินออกมาจะเจอกับเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วรถไฟครับ แต่เมื่อเราไม่มีตังค์ฮ่องกงสักกะบาท เราก้อเดินออกจากเกต ตรงไปที่แบงค์ครับ ไม่ได้ดูค่าเงินมาก่อน วางไปเลยหมื่นนึง เค้ากดเครื่องคิดเลขกลับมา เฮ้ย เยอะไป ดึงกลับมาห้าพัน เที่ยวแค่วันเดียว (ซึ่งตอนหลัง กินเยอะไป ไม่พอ 5 5 5) ค่าเงินอยู่ประมาณ 4.2 บาท บวกลบ .50 ครับ


เมื่อแลกตังค์เสร็จก็ออกมาตามป้าย Airport Express ครับ ผมมาถึงดึกและไม่ต้องการชิวบนรถบัส ต้องการความเร็วเนื่องจากค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลที่ ลานไคฟง ซื้อบัตร Octopus ครับ 150 เหรียญ เป็นเงินในบัตร 100 เหรียญ ค่าบัตรคืนให้หัก 9 เหรียญ ภายในสามเดือนครับ บัตรนี้สมควรมีครับ เพราะมันใช้ได้ตามเซเว่น ตามร้านอาหารทูโก ไม่ต้องพกเหรียญให้วุ่นวายครับ เคาน์เตอร์กลมๆเห็นเด่นเป็นสง่าครับ สำหรับใครที่มีเวลาสามวันเต็มๆ แนะนำ 3 day pass ครับ คุ้มกว่าถ้าจะตะลอนๆเหมือนผม



เมื่อได้แล้ว เราก้อตรงมาตามทางด้านนี้เลยครับ ผมจองที่พักไว้สุดสาย Airport Express ต่ออีกหนึ่งป้าย MRT ครับ พักฝั่งฮ่องกงครับ โชคดีครับ เข้าไปอีกสามนาทีรถไฟมาแล้ว ตื่นเต้ลลล  ค่าโดยสาร 100 เหรียญไปสถานี Central ครับ



ที่พักผมติดกับทางออกของสถานี Sheung wan สุดสาย Island Line ครับ ต้องเดินเปลี่ยนสถานีที่ Central ครับ สถานีนี้มีบริการเชคอินด้วยนะครับ มีเกือบทุกสายการบิน ยกเว้นสายการบินที่ผมบิน 5 5 5



พอลงจาก Airport Express ปั้ป .. เห็นละครับ แม่นางชุดแดงกำลังจะกลับ ใช่แล้วววว บรรเจิดมาก ตามเลยครับ ขี้เกียจดู เพราะรู้อยู่แล้วว่าแม่นางจะต้องเข้าเมือง นี่ซินะ นางฟ้า



เงิบครับ นางฟ้าพาเพลิน หลงฟลอร์เลยตู 5 5 5 5 พาไปไหนฟ่ะนั่น เลยต้องออกมาสังเกตดีดี อ่อ ลิฟท์มีสามตัวนะครับ และลิฟท์นี่มีสับขาหลอกนะ มีอยู่แค่ตัวเดียวที่พาท่านไปได้



และผมก้อสำเร็จครับ หาทางเชื่อมเจอแล้ว รู้สึกอยากจะขึ้นโพเดียมมาก แต่หัวคะมำตอนจะออก เอาบัตร Octopus ติ้ดไป มันไม่ให้ออกครับ มันบอกว่าเงินยูหมดแล้ว กลับประเทศยูไปได้ แต่เหมือนทางการฮ่องกงจะทราบปัญหาระดับประเทศนี้ จึงได้ติดตั้งเครื่องเติมตังค์ octopus ไว้ให้ใกล้ๆครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่