วันนี้มาแนะนำที่เที่ยว ของ จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย
เมื่อพูดถึงบึงกาฬ สิ่งที่ต้องมาให้ได้ก็คือ ภูทอก หรือ วัดเจติยาคิรีวิหาร
ถ้าไม่มาที่แห่งนี้ ก็คือ มาไม่ถึงบึงกาฬนะครับ
ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว
ภูทอกตั้งอยู่ที่ อ.ศรีวิลัย จ.บึงกาฬ
เดินทางจากตั้งจังหวัด ประมาณ 40 กิโลเมตร
ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือภูทอกน้อย
( ภาพด้านบน )
ส่วนภูทองใหญ่อยู่ใกล้ๆกัน แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
( ภาพ ด้านล่าง ถ่ายจากจุดชมวิวภูทอกน้อย )
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของภูทอก ที่หาไม่ได้จากที่อื่นๆ ก็คือ สะพานไม้และบันไดที่สร้างวนขึ้นสู่ยอดเขา
ใช้เพียงแรงงานคนสร้าง บรรไดเวียน ไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปี
การขึ้นภูทอกนั้น ท่านพระอาจารย์จวนเริ่มก่อสร้างบันไดไม้สำหรับไต่ขึ้นไปในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น
ชั้นที่ 1 เป็นบันไดไม้ สองข้างทางสามารถสัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิดนานาพันธุ์
ชั้นที่ 2 เป็นบันไดไม้ยาวทอดรับจากชั้นที่ 1 มีทัศนียภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก ระหว่างทางจะมี ที่พักสงฆ์
ที่สร้างกลมกลืนไปกับป่าเขา
ชั้นที่ 3 และ
ชั้นที่ 4เป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน
ชั้นที่ 5 เป็นชั้นที่สำคัญที่สุด มีศาลากลางและกุฏิที่อาศัยของพระ
ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ
ถ้ามาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
พุทธวิหาร แปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้ตรัสรู้แล้ว เป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ
และเป็นที่พระอริยหลายองค์มาพักผ่อนและละสังขารที่นี่ มีลักษณะที่แปลกและน่าอัศจรรย์ที่สุด
คล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร
พระพุทธรูปใน พุทธวิหาร
จุงนี้เองสามารถชมวิว ภูทอกใหญ่ได้สวยงาม ช่วงฤดูหนาว และ ฤดูฝน
จะมองเห็นหมองทอดผ่าน ศาลา ที่ภูทอกใหญ่ ราวกับศาลาลอยอยู่บนสวรรค์
หากไปช่วงพระอาทิตย์ตก จุดนี้ถือว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก
ที่สวยที่สุดในภูทอก เลยนะครับ
เดินวนมาอีกทางจะเห็นวิว เจดีย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ที่มีรูปทรงแปลกตา
ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา มีความยาว 400 เมตร
เป็นชั้นที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอกได้ดีที่สุดและสวยที่สุด
ชั้น 6 นี้เองครับ เป็นจุดที่วัดใจคนเลยที่เดียว เพราะ เป็นสะพานไม้ ที่สร้าง กับขอบเขา
วิวด้านล่างเป็นเหว ถ้าใคร กลัวความสูง ก็ลำบากหน่อยนะครับ ส่วนชั้น 7 เป็นป่าครับ ไม่แนะนำในการท่องเที่ยวครับ
นอกจาก ภูทอกแล้ว ยังมี เจดีย์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2529
ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ท่านได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก
เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก
ไม้ทุกชิ้น ตะปูทุกตัว ล้วนมาจากศรัทธา ของชาวบึงกาฬ
นอกจากภูทอกแล้ว บึงกาฬยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย
ลองเข้าไปดูกระทู้ของผมอีกอันนะครับ กับ
บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ... กับ 7 สถานที่ ที่ต้องไป ( ฉบับ รูปภาพและเนื้อหาถูกต้องนะครับ )
http://ppantip.com/topic/31170706
ขอนำเสนอแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ
ภูทอก จ.บึงกาฬ ... บันไดไม้แห่งศรัทธาสู่ภูผาแห่งบึงกาฬ
วันนี้มาแนะนำที่เที่ยว ของ จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย
เมื่อพูดถึงบึงกาฬ สิ่งที่ต้องมาให้ได้ก็คือ ภูทอก หรือ วัดเจติยาคิรีวิหาร
ถ้าไม่มาที่แห่งนี้ ก็คือ มาไม่ถึงบึงกาฬนะครับ
ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว
ภูทอกตั้งอยู่ที่ อ.ศรีวิลัย จ.บึงกาฬ
เดินทางจากตั้งจังหวัด ประมาณ 40 กิโลเมตร
ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือภูทอกน้อย
( ภาพด้านบน )
ส่วนภูทองใหญ่อยู่ใกล้ๆกัน แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
( ภาพ ด้านล่าง ถ่ายจากจุดชมวิวภูทอกน้อย )
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของภูทอก ที่หาไม่ได้จากที่อื่นๆ ก็คือ สะพานไม้และบันไดที่สร้างวนขึ้นสู่ยอดเขา
ใช้เพียงแรงงานคนสร้าง บรรไดเวียน ไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปี
การขึ้นภูทอกนั้น ท่านพระอาจารย์จวนเริ่มก่อสร้างบันไดไม้สำหรับไต่ขึ้นไปในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น
ชั้นที่ 1 เป็นบันไดไม้ สองข้างทางสามารถสัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิดนานาพันธุ์
ชั้นที่ 2 เป็นบันไดไม้ยาวทอดรับจากชั้นที่ 1 มีทัศนียภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก ระหว่างทางจะมี ที่พักสงฆ์
ที่สร้างกลมกลืนไปกับป่าเขา
ชั้นที่ 3 และ ชั้นที่ 4เป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน
ชั้นที่ 5 เป็นชั้นที่สำคัญที่สุด มีศาลากลางและกุฏิที่อาศัยของพระ
ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ
ถ้ามาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
พุทธวิหาร แปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้ตรัสรู้แล้ว เป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ
และเป็นที่พระอริยหลายองค์มาพักผ่อนและละสังขารที่นี่ มีลักษณะที่แปลกและน่าอัศจรรย์ที่สุด
คล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร
พระพุทธรูปใน พุทธวิหาร
จุงนี้เองสามารถชมวิว ภูทอกใหญ่ได้สวยงาม ช่วงฤดูหนาว และ ฤดูฝน
จะมองเห็นหมองทอดผ่าน ศาลา ที่ภูทอกใหญ่ ราวกับศาลาลอยอยู่บนสวรรค์
หากไปช่วงพระอาทิตย์ตก จุดนี้ถือว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก
ที่สวยที่สุดในภูทอก เลยนะครับ
เดินวนมาอีกทางจะเห็นวิว เจดีย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ที่มีรูปทรงแปลกตา
ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา มีความยาว 400 เมตร
เป็นชั้นที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอกได้ดีที่สุดและสวยที่สุด
ชั้น 6 นี้เองครับ เป็นจุดที่วัดใจคนเลยที่เดียว เพราะ เป็นสะพานไม้ ที่สร้าง กับขอบเขา
วิวด้านล่างเป็นเหว ถ้าใคร กลัวความสูง ก็ลำบากหน่อยนะครับ ส่วนชั้น 7 เป็นป่าครับ ไม่แนะนำในการท่องเที่ยวครับ
นอกจาก ภูทอกแล้ว ยังมี เจดีย์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2529
ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ท่านได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก
เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก
ไม้ทุกชิ้น ตะปูทุกตัว ล้วนมาจากศรัทธา ของชาวบึงกาฬ
นอกจากภูทอกแล้ว บึงกาฬยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย
ลองเข้าไปดูกระทู้ของผมอีกอันนะครับ กับ
บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ... กับ 7 สถานที่ ที่ต้องไป ( ฉบับ รูปภาพและเนื้อหาถูกต้องนะครับ )
http://ppantip.com/topic/31170706
ขอนำเสนอแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ