สิบเนื่องจากกระทู้นี้เลยนะครับ
http://ppantip.com/topic/31962222
โดยในกระทู้มีการระบุว่า "วิธียอดฮิตเมื่อโดนงูกัดครับ อาจเคยเป็นวิธีที่ยอมรับกันมาก่อน แต่หลังจากนี้ไป อย่าใช้นะครับ
การขันชะเนาะ หรือเอาสายรัดแน่นๆเหนือแผล มักเกิดความผิดพลาด และทำให้เลือดไม่มาเลี้ยงอวัยวะที่ถูกกัด เสี่ยงต่อการเกิดเนื้อตายจนต้องตัดอวัยวะทิ้ง(เสี่ยงมากกว่าโดนพิษงูอีกด้วยซ้ำครับ)
edit : เพิ่มค่ะ ผู้ที่ถูกงูกัด ถึงแม้ว่าจะขันชะเนาะเอาไว้ก็ไม่สามารถรั้งพิษงูไม่ให้แพร่กระจายได้ค่ะ แต่จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเนื้อตายทำให้จำเป็นต้องตัดอวัยวะนั้นทิ้งค่ะ นอกจากนี้ การขันแล้วปล่อยสลับไปมา ไม่ทำให้พิษหยุดการแพร่กระจายค่ะ"
เราไม่ควรขันชะเนาะ เมื่อโดนงูกัด โดยเด็ดขาด จริงๆ เหรอครับ
ถามเพิ่มเติมนะครับ
1 พิษงูที่แล่นไปตามกระแสเลือด และเข้าสู้หัวใจ มีอันตรายกว่าการที่พิษงูอยู่เฉยๆ ในอวัยวะที่ขันชะเนาะอยู่หรือไม่
2 การขันชะเนาะ สามารถสกัดกั้นพิษงูไว้ได้จริงหรือไม่ (สกัดกั้นไว้ได้มากกว่า 80% หรือสกัดกั้นไว้ได้มากพอที่จะทให้ไม่เกิดอันตรายกับอวัยวะอื่น ถือว่าสกัดกั้นได้)
เราไม่ควรขันชะเนาะ เมื่อโดนงูกัด โดยเด็ดขาด จริงๆ เหรอครับ
โดยในกระทู้มีการระบุว่า "วิธียอดฮิตเมื่อโดนงูกัดครับ อาจเคยเป็นวิธีที่ยอมรับกันมาก่อน แต่หลังจากนี้ไป อย่าใช้นะครับ
การขันชะเนาะ หรือเอาสายรัดแน่นๆเหนือแผล มักเกิดความผิดพลาด และทำให้เลือดไม่มาเลี้ยงอวัยวะที่ถูกกัด เสี่ยงต่อการเกิดเนื้อตายจนต้องตัดอวัยวะทิ้ง(เสี่ยงมากกว่าโดนพิษงูอีกด้วยซ้ำครับ)
edit : เพิ่มค่ะ ผู้ที่ถูกงูกัด ถึงแม้ว่าจะขันชะเนาะเอาไว้ก็ไม่สามารถรั้งพิษงูไม่ให้แพร่กระจายได้ค่ะ แต่จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเนื้อตายทำให้จำเป็นต้องตัดอวัยวะนั้นทิ้งค่ะ นอกจากนี้ การขันแล้วปล่อยสลับไปมา ไม่ทำให้พิษหยุดการแพร่กระจายค่ะ"
เราไม่ควรขันชะเนาะ เมื่อโดนงูกัด โดยเด็ดขาด จริงๆ เหรอครับ
ถามเพิ่มเติมนะครับ
1 พิษงูที่แล่นไปตามกระแสเลือด และเข้าสู้หัวใจ มีอันตรายกว่าการที่พิษงูอยู่เฉยๆ ในอวัยวะที่ขันชะเนาะอยู่หรือไม่
2 การขันชะเนาะ สามารถสกัดกั้นพิษงูไว้ได้จริงหรือไม่ (สกัดกั้นไว้ได้มากกว่า 80% หรือสกัดกั้นไว้ได้มากพอที่จะทให้ไม่เกิดอันตรายกับอวัยวะอื่น ถือว่าสกัดกั้นได้)