ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๘ อุบัติเหตุที่เหวนรก
http://ppantip.com/topic/31962195
เมื่อโทรศัพท์มือถือส่วนกลางของอุทยานดังขึ้น สมใจผู้ที่กำลังง่วนพิมพ์เอกสารทางราชการจึงรีบลุกไปหยิบด้วยที่วางไว้ใกล้โต๊ะเธอมากที่สุด เป็นเบอร์ของกานต์ที่โทร.เข้ามา แต่เมื่อกดรับกลับไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา
“ฮัลโหล...กานต์รึเปล่าจ๊ะ นี่พี่ใจพูดนะ...ฮัลโหล...” สมใจร้องถามหลายครั้งจนเจ้าหน้าที่ในที่ทำการอุทยานหันมามอง กานต์โทร.เข้า แต่ก็กลับไม่พูด... หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“มันเผลอกดโทร.เข้ารึเปล่าพี่ใจ ลองโทร.กลับอีกทีสิคะ” เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องว่าขึ้น สมใจจึงตัดสินใจโทร.กลับไป แต่คราวนี้ปลายสายกลับไม่รับ
“พี่ว่ามันชักแปลกๆ ยังไงเสียแล้วสิ...” สมใจกดวางสาย ก่อนกลับมายังเก้าอี้ด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆ บอกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีกครา
หญิงสูงวัยได้แต่ภาวนา ว่าขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นอีกเลย
เมื่อออกจากตัวรถที่ชนอัดเข้ากับต้นไม้ได้ ฝนทิพย์ก็พยายามแก้มัดตัวเองออกอย่างทุลักทุเล แต่พอจะไต่ขึ้นเนินไปยังถนนด้านบน ทั้งร่างก็เกิดลื่นไถลลงมาตามเนินเหวลึก กระทั่งร่างมากระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ปลายเหว เบื้องล่างที่ลึกเกือบหนึ่งกิโลเมตร เป็นธารน้ำตื้นๆ ซึ่งไหลเข้าสู่เขตป่าลึกด้านใน เธอเอาสองแขนโอบกอดต้นไม้ยักษ์ไว้เป็นหลักยึด เหลือบสายตามองลงไปเบื้องล่างด้วยความหวาดเสียว ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านบน
“นังฝนทิพย์...!!!” เสียงตะโกนนั้นเธอจำได้ดี เมื่อหันขวับไปมองก็เห็นร่างของยงยุทธ์ที่โชกเลือด กำลังเกาะต้นไม้ ต้นนั้นต้นนี้ ไต่ลงมาหาเธอด้วยสีหน้าเดือดดาล
แย่แล้ว... หญิงสาวรำพันกับตัวเองอย่างใจเต้น ถ้าหากเขาจับตัวเธอได้ ยงยุทธ์ไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แล้วจะเอายังไง จะทำยังไงดี...
ฝนทิพย์หันไปก้มมองธารน้ำใสเบื้องล่างอีกครั้ง ขอไปตายเอาดาบน้ำก็แล้วกัน ครั้นเมื่อพออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จวนจะถึงตัว หญิงสาวก็ปล่อยมือออกจากต้นไม้ และทิ้งกายลงสู่สายน้ำเบื้องล่างทันที
ตูม !!! ผิวน้ำแตกกระจายฟูฟ่อง ยงยุทธ์เกาะต้นไม้ด้านบนเอาไว้ด้วยความตกใจ สองตาเบิกมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนธารน้ำตื่นเบื้องล่าง ในใจภาวนาขออย่าให้มันรอดชีวิตเลย
แต่ผิดคาด ฝนทิพย์ยันกายลุกนั่ง ที่ข้อศอกมีเลือดไหลซิบจากการกระแทกกับก้อนหินคมใต้ธารน้ำ หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้านบนอย่างลำพอง ก่อนมองไปยังหนทางเบื้องหน้า พร้อมกับออกวิ่งไปสุดชีวิต
ยงยุทธ์ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกเสียจากตามเธอไปแล้วสังหารซะ คิดแล้วก็กัดฟันแน่น ก่อนตัดสินใจกระโดดลงไปยังธารน้ำเบื้องล่างอีกคน...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มีนักท่องเที่ยวแจ้งมาว่าเห็นรอยรถยนต์วิ่งไถลลงข้างทาง ก่อนถึงเหวนรกไม่กี่สิบเมตร เมื่อกู้ภัยไปถึงก็พบกับรถยนต์ของกานต์ที่ชนอัดอยู่กับต้นสัก ห่างจากถนนลงไปยังเหวลึกเกือบยี่สิบเมตร
สารวัตรเจ้าของคดีสายแพรเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง เพราะสังหรณ์ใจว่าอุบัติเหตุครั้งนี้อาจมีอะไรที่เกี่ยวพันกันกับคดีของสายแพรและแสงพงษ์ กานต์ถูกนำตัวออกมาจากรถในสภาพสลบไม่ได้สติ ที่มือซ้ายของเขาถือโทรศัพท์ไว้ ภายในรถไม่พบผู้โดยสารคนอื่น ชายหนุ่มถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าจากอุทยานช่วยกันนำรถขึ้นมาจากเหวลึกด้วยความยากลำบาก
“เขายังไม่รู้สึกตัวครับ แต่คงไม่ถึงตาย อาจจะแค่ปอดฉีกหรือไหปลาร้าหัก เราพบหลักฐานหลายอย่างที่ส่อพิรุธในรถคนนั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจหาลายนิ้วมือแฝงอยู่ คาดว่าไม่เกินพรุ่งนี้เช้าคงได้เรื่อง” ตำรวจหนุ่มผู้เป็นลูกน้องรายงานแก่สารวัตร
“ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด อีกอย่างเขาเองก็ไม่น่าจะประมาทได้ เพราะคุ้นทางแถวนั้นดีด้วยที่เป็นเจ้าหน้าที่ ฝนก็ไม่ได้ตก ไม่ทำให้ถนนลื่นได้ และก็ไม่มีรถวิ่งสวนมาพอที่จะให้หักหลบแล้วรถตกเหวแบบนั้นได้...”
“สารวัตรหมายความว่า... อุบัติเหตุครั้งนี้มันมีเงื่อนงำเหรอครับ ?” ตำรวจหนุ่มถามสีหน้าจริงจัง
“เราพบเชือกในที่เกิดเหตุนิ เขาเอาเชือกไปทำไม แล้วในรถคันนั้นมีแค่เขาคนเดียวเหรอ? ช่วงบ่ายคุณช่วยไปสอบถามเจ้าหน้าที่ในอุทยานด้วยนะว่ามีใครเห็นคนอื่นออกไปกับกานต์บ้าง ถ้ามี...รีบตามหาคนๆ นั้นให้เจอ”
“รับทราบครับ” ลูกน้องหนุ่มยืดอกรับคำอย่างหนักแน่น
จวนจะเที่ยงวันแล้ว สองร่างที่เดินมาตามลำธารเริ่มเหนื่อยอ่อน สายแพรหยุดกายนั่งพักอยู่บนก้อนหินริมสายน้ำก่อนมองหาผลไม้ป่า จากธารน้ำเล็กๆ บัดนี้กลับขยายกลายเป็นลำน้ำขนาดย่อมแล้ว
“นี่เราเดินมาไกลเท่าไหร่แล้ว...” สายแพรเอ่ยถามออกไปลอยๆ อีกฝ่ายที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลเบิกมองท้องฟ้าเบื้องบนด้วยสายตาเหม่อลอย
“ป่านี้กว้างมาก...ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่หลงอยู่ที่นี่หรอกค่ะ ฉันไม่อาจนำคุณออกไปจากที่นี่ได้” พอได้ยินคำพูดนั้น สายแพรก็ถึงกับถอนใจ ไม่ได้หรอก เธอบอกกับตัวเองแล้วว่ายังไงก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
หญิงสาวหยัดกายขึ้น กระฟัดกระเฟียดเดินเข้าป่าเพื่อไปหาของกินด้วยความหิวโหย
“ฉันจะเดินไปหาผลไม้ทางโน้นนะคะ คุณรออยู่นี่ก่อนก็ได้” สายแพรว่า ก่อนเดินดุ่มๆ ออกมาอย่างไม่รีรอ
แต่เมื่อเดินมาได้ไม่ไกล สายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มคนนั่งคุยกันอยู่ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ห่างจากเธอไปเกือบหนึ่งร้อยเมตร พวกนั้นกำลังยืนล้อมท่อนไม้ขนาดใหญ่หลายท่อนที่ถูกโค่นลง สายแพรรีบแอบกายเข้าหลังโคนต้นไม้ใกล้ตัว ก่อนเหลียวมองกลุ่มคนพวกนั้นอย่างระมัดระวัง
“มีแต่ผู้ชาย...หรือจะเป็นพวกพรานป่าเข้ามาล่าสัตว์...” หญิงสาวเอ่ยกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ถ้าหากเป็นจริงดังที่เธอคาด คนพวกนั้นคงพาเธอออกไปจากป่านี่ได้อย่างแน่นอน... มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องลองเสี่ยงดูถึงจะรู้
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวจึงกระโจนออกจากโคนต้นไม้ โบกมือร้องเรียกพรานป่ากลุ่มนั้น
“พี่... พี่คะ...” หญิงสาวร้องเรียกเสียงดังก้อง กลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนหันขวับมายังร่างบางเป็นตาเดียว บางคนเอียงคอมองอย่างไม่ไว้ใจ บางคนรีบหยิบปืนลูกซองยาวที่วางบนไม้พะยูงขึ้นมาแนบกาย
“เป็นใครวะ...” มีเสียงหนึ่งตะโกนกลับมา สายแพรเริ่มใจเต้น ไม่แน่ใจว่าชายพวกนั้นจะมาดีหรือร้าย
“คุณคะ...” หญิงสาวผู้ติดตามมากวักมือเรียก สายแพรเอี้ยวตัวกลับไปหาเธอ ก่อนที่กลุ่มชายพวกนั้นจะรีบวิ่งกรูตรงมาอย่างรวดเร็ว
“หนีเร็วค่ะ...พวกนั้น พวกนั้นมันเป็นพวกลักลอบตัดไม้” พอได้ยินดังนั้น สายแพรถึงกับใจแป้ว ก่อนรีบก้าวเท้าวิ่งตามหญิงผู้นำทางกลับไปยังธารน้ำ ขณะที่กลุ่มพรานพวกนั้นวิ่งตามมาติดๆ
“พี่... แน่ใจนะว่าเป็นคน ไม่ใช่นางไม้...” สมาชิกหนุ่มน้อยที่วิ่งตามมากับคณะพรานป่านั้นเอ่ยขึ้น
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่นางไม้ที่ไหนจะมาให้เห็นตอนกลางวันแสกๆ” หัวหน้ากลุ่มผู้วิ่งนำหน้าร้องบอก
“แล้วผู้หญิงที่ไหนกันล่ะพี่ จะเข้าป่ามาลึกขนาดนี้ได้ มันมาหาเราถึงที่ขนาดนี้แล้ว จับมันทำเมียเลยซะซิ” สมาชิกอีกคนร้องขึ้น ก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะร่าอย่างชอบใจ จนกระทั่งวิ่งมาถึงธารน้ำใส ก็เห็นหญิงสาวกำลังวิ่งฝ่ากระแสน้ำข้ามไปยังอีกฝั่ง
“เฮ้ย...หยุดนะโว้ย” ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มร้องขึ้น ก่อนหรี่ตามองหาร่างที่กำลังว่ายไปตามกระแสน้ำแรงยามเที่ยงวัน
“มันมีกี่คนวะพี่...ทำไมผมเห็นสองคน” หนุ่มน้อยในคณะเอ่ยขึ้น
“คนเดียวนิ...ข้าเห็นคนเดียว... นั่นไง !” หัวหน้ากลุ่มเล็งปืนไปยังร่างนั้น ก่อนที่จะเผลอเหนี่ยวไกออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
ปั้ง !!!
เสียงปืนดังสนั่นทั่วเวิ้งป่าอันเงียบสงัด ฝูงนกบินพรึบออกจากปลายไม้ไปเป็นฝูง กลุ่มลักลอบตัดไม้ยืนมองอยู่ริมฝั่งเพื่อคอยดูท่าที หากว่าร่างนั้นไม่ถูกกระสุนปืนก็คงว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งมาเอง...
ภูผาอาถรรพ์ ตอนที่ ๙ นางไม้
http://ppantip.com/topic/31962195
เมื่อโทรศัพท์มือถือส่วนกลางของอุทยานดังขึ้น สมใจผู้ที่กำลังง่วนพิมพ์เอกสารทางราชการจึงรีบลุกไปหยิบด้วยที่วางไว้ใกล้โต๊ะเธอมากที่สุด เป็นเบอร์ของกานต์ที่โทร.เข้ามา แต่เมื่อกดรับกลับไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา
“ฮัลโหล...กานต์รึเปล่าจ๊ะ นี่พี่ใจพูดนะ...ฮัลโหล...” สมใจร้องถามหลายครั้งจนเจ้าหน้าที่ในที่ทำการอุทยานหันมามอง กานต์โทร.เข้า แต่ก็กลับไม่พูด... หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“มันเผลอกดโทร.เข้ารึเปล่าพี่ใจ ลองโทร.กลับอีกทีสิคะ” เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องว่าขึ้น สมใจจึงตัดสินใจโทร.กลับไป แต่คราวนี้ปลายสายกลับไม่รับ
“พี่ว่ามันชักแปลกๆ ยังไงเสียแล้วสิ...” สมใจกดวางสาย ก่อนกลับมายังเก้าอี้ด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆ บอกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอีกครา
หญิงสูงวัยได้แต่ภาวนา ว่าขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นอีกเลย
เมื่อออกจากตัวรถที่ชนอัดเข้ากับต้นไม้ได้ ฝนทิพย์ก็พยายามแก้มัดตัวเองออกอย่างทุลักทุเล แต่พอจะไต่ขึ้นเนินไปยังถนนด้านบน ทั้งร่างก็เกิดลื่นไถลลงมาตามเนินเหวลึก กระทั่งร่างมากระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ปลายเหว เบื้องล่างที่ลึกเกือบหนึ่งกิโลเมตร เป็นธารน้ำตื้นๆ ซึ่งไหลเข้าสู่เขตป่าลึกด้านใน เธอเอาสองแขนโอบกอดต้นไม้ยักษ์ไว้เป็นหลักยึด เหลือบสายตามองลงไปเบื้องล่างด้วยความหวาดเสียว ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านบน
“นังฝนทิพย์...!!!” เสียงตะโกนนั้นเธอจำได้ดี เมื่อหันขวับไปมองก็เห็นร่างของยงยุทธ์ที่โชกเลือด กำลังเกาะต้นไม้ ต้นนั้นต้นนี้ ไต่ลงมาหาเธอด้วยสีหน้าเดือดดาล
แย่แล้ว... หญิงสาวรำพันกับตัวเองอย่างใจเต้น ถ้าหากเขาจับตัวเธอได้ ยงยุทธ์ไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แล้วจะเอายังไง จะทำยังไงดี...
ฝนทิพย์หันไปก้มมองธารน้ำใสเบื้องล่างอีกครั้ง ขอไปตายเอาดาบน้ำก็แล้วกัน ครั้นเมื่อพออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จวนจะถึงตัว หญิงสาวก็ปล่อยมือออกจากต้นไม้ และทิ้งกายลงสู่สายน้ำเบื้องล่างทันที
ตูม !!! ผิวน้ำแตกกระจายฟูฟ่อง ยงยุทธ์เกาะต้นไม้ด้านบนเอาไว้ด้วยความตกใจ สองตาเบิกมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนธารน้ำตื่นเบื้องล่าง ในใจภาวนาขออย่าให้มันรอดชีวิตเลย
แต่ผิดคาด ฝนทิพย์ยันกายลุกนั่ง ที่ข้อศอกมีเลือดไหลซิบจากการกระแทกกับก้อนหินคมใต้ธารน้ำ หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้านบนอย่างลำพอง ก่อนมองไปยังหนทางเบื้องหน้า พร้อมกับออกวิ่งไปสุดชีวิต
ยงยุทธ์ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกเสียจากตามเธอไปแล้วสังหารซะ คิดแล้วก็กัดฟันแน่น ก่อนตัดสินใจกระโดดลงไปยังธารน้ำเบื้องล่างอีกคน...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา มีนักท่องเที่ยวแจ้งมาว่าเห็นรอยรถยนต์วิ่งไถลลงข้างทาง ก่อนถึงเหวนรกไม่กี่สิบเมตร เมื่อกู้ภัยไปถึงก็พบกับรถยนต์ของกานต์ที่ชนอัดอยู่กับต้นสัก ห่างจากถนนลงไปยังเหวลึกเกือบยี่สิบเมตร
สารวัตรเจ้าของคดีสายแพรเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง เพราะสังหรณ์ใจว่าอุบัติเหตุครั้งนี้อาจมีอะไรที่เกี่ยวพันกันกับคดีของสายแพรและแสงพงษ์ กานต์ถูกนำตัวออกมาจากรถในสภาพสลบไม่ได้สติ ที่มือซ้ายของเขาถือโทรศัพท์ไว้ ภายในรถไม่พบผู้โดยสารคนอื่น ชายหนุ่มถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าจากอุทยานช่วยกันนำรถขึ้นมาจากเหวลึกด้วยความยากลำบาก
“เขายังไม่รู้สึกตัวครับ แต่คงไม่ถึงตาย อาจจะแค่ปอดฉีกหรือไหปลาร้าหัก เราพบหลักฐานหลายอย่างที่ส่อพิรุธในรถคนนั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจหาลายนิ้วมือแฝงอยู่ คาดว่าไม่เกินพรุ่งนี้เช้าคงได้เรื่อง” ตำรวจหนุ่มผู้เป็นลูกน้องรายงานแก่สารวัตร
“ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด อีกอย่างเขาเองก็ไม่น่าจะประมาทได้ เพราะคุ้นทางแถวนั้นดีด้วยที่เป็นเจ้าหน้าที่ ฝนก็ไม่ได้ตก ไม่ทำให้ถนนลื่นได้ และก็ไม่มีรถวิ่งสวนมาพอที่จะให้หักหลบแล้วรถตกเหวแบบนั้นได้...”
“สารวัตรหมายความว่า... อุบัติเหตุครั้งนี้มันมีเงื่อนงำเหรอครับ ?” ตำรวจหนุ่มถามสีหน้าจริงจัง
“เราพบเชือกในที่เกิดเหตุนิ เขาเอาเชือกไปทำไม แล้วในรถคันนั้นมีแค่เขาคนเดียวเหรอ? ช่วงบ่ายคุณช่วยไปสอบถามเจ้าหน้าที่ในอุทยานด้วยนะว่ามีใครเห็นคนอื่นออกไปกับกานต์บ้าง ถ้ามี...รีบตามหาคนๆ นั้นให้เจอ”
“รับทราบครับ” ลูกน้องหนุ่มยืดอกรับคำอย่างหนักแน่น
จวนจะเที่ยงวันแล้ว สองร่างที่เดินมาตามลำธารเริ่มเหนื่อยอ่อน สายแพรหยุดกายนั่งพักอยู่บนก้อนหินริมสายน้ำก่อนมองหาผลไม้ป่า จากธารน้ำเล็กๆ บัดนี้กลับขยายกลายเป็นลำน้ำขนาดย่อมแล้ว
“นี่เราเดินมาไกลเท่าไหร่แล้ว...” สายแพรเอ่ยถามออกไปลอยๆ อีกฝ่ายที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลเบิกมองท้องฟ้าเบื้องบนด้วยสายตาเหม่อลอย
“ป่านี้กว้างมาก...ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่หลงอยู่ที่นี่หรอกค่ะ ฉันไม่อาจนำคุณออกไปจากที่นี่ได้” พอได้ยินคำพูดนั้น สายแพรก็ถึงกับถอนใจ ไม่ได้หรอก เธอบอกกับตัวเองแล้วว่ายังไงก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
หญิงสาวหยัดกายขึ้น กระฟัดกระเฟียดเดินเข้าป่าเพื่อไปหาของกินด้วยความหิวโหย
“ฉันจะเดินไปหาผลไม้ทางโน้นนะคะ คุณรออยู่นี่ก่อนก็ได้” สายแพรว่า ก่อนเดินดุ่มๆ ออกมาอย่างไม่รีรอ
แต่เมื่อเดินมาได้ไม่ไกล สายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มคนนั่งคุยกันอยู่ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ห่างจากเธอไปเกือบหนึ่งร้อยเมตร พวกนั้นกำลังยืนล้อมท่อนไม้ขนาดใหญ่หลายท่อนที่ถูกโค่นลง สายแพรรีบแอบกายเข้าหลังโคนต้นไม้ใกล้ตัว ก่อนเหลียวมองกลุ่มคนพวกนั้นอย่างระมัดระวัง
“มีแต่ผู้ชาย...หรือจะเป็นพวกพรานป่าเข้ามาล่าสัตว์...” หญิงสาวเอ่ยกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ถ้าหากเป็นจริงดังที่เธอคาด คนพวกนั้นคงพาเธอออกไปจากป่านี่ได้อย่างแน่นอน... มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องลองเสี่ยงดูถึงจะรู้
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวจึงกระโจนออกจากโคนต้นไม้ โบกมือร้องเรียกพรานป่ากลุ่มนั้น
“พี่... พี่คะ...” หญิงสาวร้องเรียกเสียงดังก้อง กลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนหันขวับมายังร่างบางเป็นตาเดียว บางคนเอียงคอมองอย่างไม่ไว้ใจ บางคนรีบหยิบปืนลูกซองยาวที่วางบนไม้พะยูงขึ้นมาแนบกาย
“เป็นใครวะ...” มีเสียงหนึ่งตะโกนกลับมา สายแพรเริ่มใจเต้น ไม่แน่ใจว่าชายพวกนั้นจะมาดีหรือร้าย
“คุณคะ...” หญิงสาวผู้ติดตามมากวักมือเรียก สายแพรเอี้ยวตัวกลับไปหาเธอ ก่อนที่กลุ่มชายพวกนั้นจะรีบวิ่งกรูตรงมาอย่างรวดเร็ว
“หนีเร็วค่ะ...พวกนั้น พวกนั้นมันเป็นพวกลักลอบตัดไม้” พอได้ยินดังนั้น สายแพรถึงกับใจแป้ว ก่อนรีบก้าวเท้าวิ่งตามหญิงผู้นำทางกลับไปยังธารน้ำ ขณะที่กลุ่มพรานพวกนั้นวิ่งตามมาติดๆ
“พี่... แน่ใจนะว่าเป็นคน ไม่ใช่นางไม้...” สมาชิกหนุ่มน้อยที่วิ่งตามมากับคณะพรานป่านั้นเอ่ยขึ้น
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่นางไม้ที่ไหนจะมาให้เห็นตอนกลางวันแสกๆ” หัวหน้ากลุ่มผู้วิ่งนำหน้าร้องบอก
“แล้วผู้หญิงที่ไหนกันล่ะพี่ จะเข้าป่ามาลึกขนาดนี้ได้ มันมาหาเราถึงที่ขนาดนี้แล้ว จับมันทำเมียเลยซะซิ” สมาชิกอีกคนร้องขึ้น ก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะร่าอย่างชอบใจ จนกระทั่งวิ่งมาถึงธารน้ำใส ก็เห็นหญิงสาวกำลังวิ่งฝ่ากระแสน้ำข้ามไปยังอีกฝั่ง
“เฮ้ย...หยุดนะโว้ย” ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มร้องขึ้น ก่อนหรี่ตามองหาร่างที่กำลังว่ายไปตามกระแสน้ำแรงยามเที่ยงวัน
“มันมีกี่คนวะพี่...ทำไมผมเห็นสองคน” หนุ่มน้อยในคณะเอ่ยขึ้น
“คนเดียวนิ...ข้าเห็นคนเดียว... นั่นไง !” หัวหน้ากลุ่มเล็งปืนไปยังร่างนั้น ก่อนที่จะเผลอเหนี่ยวไกออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
ปั้ง !!!
เสียงปืนดังสนั่นทั่วเวิ้งป่าอันเงียบสงัด ฝูงนกบินพรึบออกจากปลายไม้ไปเป็นฝูง กลุ่มลักลอบตัดไม้ยืนมองอยู่ริมฝั่งเพื่อคอยดูท่าที หากว่าร่างนั้นไม่ถูกกระสุนปืนก็คงว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งมาเอง...