อยากขอความคิดเห็นมุมมองครับ เป็นครั้งแรกกับการมาตั้งคำถามที่นี่ อาจจะมีการเกริ่นเยอะไปหน่อยจะได้เข้าใจนะครับ
ที่บ้านเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่ พ่อ แม่ ผม น้องชาย(พาแฟนมาอยู่ด้วยและกำลังตั้งท้อง) น้องสาว ฐานะโดยรวมพออยู่พอกิน โดยมีพี่ชายที่แยกไปอยู่ต่างหากและมีครอบครัวแล้ว พ่อแม่เลี้ยงลูกทุกคนตามแบบของการปากกัดตีนถีบ แต่ลูกแต่ละคนก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากสภาพแวดล้อมของแต่ละคนที่พบเจอ บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นบ้านหลังแรกที่พ่อแม่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่าน เป็นทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวมีเพียงสองห้องนอน จนพอผมทำงานเริ่มกู้เงินได้ก็ดัดแปลงต่อเติมเปลี่ยนเป็นสี่ห้องนอน ยังผ่อนอยู่ และไม่มีรถใช้งาน
ปัญหาทั่วๆไปก็พอจะมีอยู่บ้างตามธรรมดา ที่หนักใจมากๆก็คือ น้องชายของผมเอง ซึ่งเป็นคนเจ้าอารมณ์ ปัจจุบันนี้ทำงานออกแนวบอดี้การ์ดแถมพกปืนติดตัวอีกเนื่องจากเจ้านายให้พก(แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ๆสามารถพกพาได้) ทำให้อารมณ์ยิ่งรุนแรงและระเบิดง่ายกว่าเก่าขึ้นเยอะ เจ้าน้องชายผม(อายุใกล้สามสิบแล้ว) เป็นคนที่เวลาดื่มมาแล้วชอบมาพาลกับที่บ้าน เพราะเวลากินทีไรต้องกินเยอะๆ ไม่งั้นไม่สะใจประมาณสายบ้าพลัง จนเมื่อคืนนี้ก็กลับมาหลังจากไปเมามา แล้วก็ทะเลาะกับแฟนโวยวายต่างๆนาน เป็นคนชอบใช้เสียงข่มขู่ พ่อแม่ต้องตื่นมากลางดึกทุกครั้ง เพราะนอนไม่ได้ และกลัวจะทำร้ายร่างกายกัน พอของขึ้นมากๆเข้าก็อาปืนมาขู่จ่อหัวแฟนอีก ก็คงเรื่องที่แฟนจะถามว่าทำงานที่ไหนอะไรยังไงทำไมกลับดึกกลัวว่าจะไปนอนกับใครรึเปล่า ตามประสาผู้หญิงท้องที่อารมณ์แปรปรวนด้วย มันก็เลยพาลไปกันใหญ่หรือจะกินปูนร้องท้องก็ไม่รู้ ไม่ว่าพ่อแม่ผมพูดยังไงก็ไม่เคยฟัง แม้จะตอนไม่เมาก็ตาม ยิ่งผมและน้องสาวไม่ต้องพูดถึงว่าจะคุยกันรู้เรื่องเข้าไปแบบนี้เหมือนเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เลยพยายามเลี่ยงที่จะปะทะดีที่สุด
ผม(อายุสามสิบกว่าๆ) เคยพยายามพูดคุยหาทางออกเรื่องนี้ โดยเคยจับมาคุยกันทุกคนในครอบครัวแต่ก็หาทางออกกันไม่ได้ ครั้งก่อนผมจริงจังมากเพราะคราวที่แล้วน้องชายผมก็มาพาลกับผม เตรียมเอามีดแทงเนื่องจากเมา พาลไปต่างๆนาน เช่นว่า ผมงานดีเงินดีทำไมยังมาเกาะพ่อแม่อยู่ เป็นกู กูไม่อยู่แบบหรอก ทั้งๆที่เขาไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำว่าเงินที่ผมมีนั้นผมหมดไปกับที่บ้านเท่าไหร่จนทุกวันนี้ไม่มีเงินเก็บเลย แต่ผมไม่ได้ไปปะทะก็เลยผ่านพ้นไป ก็เลยคิดว่าอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ดีขึ้นมา เลยคิดชวนพ่อแม่ขายบ้านและผมจะขอย้ายที่ทำงานไป ตจว ตอนนั้นสรุปจบที่ พ่อแม่ไม่ไป ถ้าผมจะไป ผมก็ไปเองเลยไม่ต้องห่วง แล้วพ่อแม่ก็อายุเกินหกสิบแล้วทั้งคู่ ผมไม่มีทางทิ้งไปได้แน่นอน มีหลายๆคนอาจจะพูดว่าเพราะที่บ้านเราไม่เข้มงวด พ่อแม่ไม่สอนว่ากล่าวตักเตือน ลูกเลยกลายเป็นแบบนี้ ยอมรับครับ แต่ลูกที่ดีก็มีนะไม่ใช่ไม่ดีทุกคน ทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว ตอนนี้เราต้องมองทางออกที่ควรจะเลือก
เลยว่าจะคุยกับพ่อแม่อีกครั้งให้หนักแน่นเลยว่าจะเอายังไง
การจะเปลี่ยนแปลงอะไรคนอื่นนั้นมันยากกว่าการเปลี่ยนตัวเอง ข้อคิดแบบนี้เลยยิ่งต้องคิดมากไปอีกว่าเราควรจะเลือกทางแบบไหน
ซึ่งก็คงบ้านติดๆกันก็คงอืมระอากันหมด รู้ชื่อเสียงน้องผมกันดี จนไม่มีใครอยากยุ่งหรืออีกใจนึงอาจจะสงสารพ่อแม่เพราะรู้จักกันมานานไม่อยากจะทำให้บ้านผมมีปัญหา ผมคิดว่าถ้าแยกกันอยู่อย่างน้อยพ่อแม่ก็ไม่ต้องเครียด แต่จะยกบ้านหลังนี้ให้น้องผมไปโดยที่คนอื่นๆจะต้องลำบากคงไม่ได้แน่นอน
เลยอยากมาสอบถามความคิกเห็นครับ เผื่อมีใครมีความคิดเห็นอย่างไรมาแนะนำครับ ขอบคุณที่รับฟังและเสนอแนะครับ
ปล.แม่โทรมาบอกเมื่อกี๊อีกว่า เมื่อคืนเมาแล้วก่อนเข้าบ้านยิงปืนโชว์ขึ้นฟ้าอีกสองนัด คนแถวบ้านเขาบอกมาอีกที เฮ้อ...
น้องชายเจ้าอารมณ์ กับทางออกที่ควรเลือก
ที่บ้านเป็นครอบครัวค่อนข้างใหญ่ พ่อ แม่ ผม น้องชาย(พาแฟนมาอยู่ด้วยและกำลังตั้งท้อง) น้องสาว ฐานะโดยรวมพออยู่พอกิน โดยมีพี่ชายที่แยกไปอยู่ต่างหากและมีครอบครัวแล้ว พ่อแม่เลี้ยงลูกทุกคนตามแบบของการปากกัดตีนถีบ แต่ลูกแต่ละคนก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากสภาพแวดล้อมของแต่ละคนที่พบเจอ บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นบ้านหลังแรกที่พ่อแม่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่าน เป็นทาวเฮ้าส์ชั้นเดียวมีเพียงสองห้องนอน จนพอผมทำงานเริ่มกู้เงินได้ก็ดัดแปลงต่อเติมเปลี่ยนเป็นสี่ห้องนอน ยังผ่อนอยู่ และไม่มีรถใช้งาน
ปัญหาทั่วๆไปก็พอจะมีอยู่บ้างตามธรรมดา ที่หนักใจมากๆก็คือ น้องชายของผมเอง ซึ่งเป็นคนเจ้าอารมณ์ ปัจจุบันนี้ทำงานออกแนวบอดี้การ์ดแถมพกปืนติดตัวอีกเนื่องจากเจ้านายให้พก(แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ๆสามารถพกพาได้) ทำให้อารมณ์ยิ่งรุนแรงและระเบิดง่ายกว่าเก่าขึ้นเยอะ เจ้าน้องชายผม(อายุใกล้สามสิบแล้ว) เป็นคนที่เวลาดื่มมาแล้วชอบมาพาลกับที่บ้าน เพราะเวลากินทีไรต้องกินเยอะๆ ไม่งั้นไม่สะใจประมาณสายบ้าพลัง จนเมื่อคืนนี้ก็กลับมาหลังจากไปเมามา แล้วก็ทะเลาะกับแฟนโวยวายต่างๆนาน เป็นคนชอบใช้เสียงข่มขู่ พ่อแม่ต้องตื่นมากลางดึกทุกครั้ง เพราะนอนไม่ได้ และกลัวจะทำร้ายร่างกายกัน พอของขึ้นมากๆเข้าก็อาปืนมาขู่จ่อหัวแฟนอีก ก็คงเรื่องที่แฟนจะถามว่าทำงานที่ไหนอะไรยังไงทำไมกลับดึกกลัวว่าจะไปนอนกับใครรึเปล่า ตามประสาผู้หญิงท้องที่อารมณ์แปรปรวนด้วย มันก็เลยพาลไปกันใหญ่หรือจะกินปูนร้องท้องก็ไม่รู้ ไม่ว่าพ่อแม่ผมพูดยังไงก็ไม่เคยฟัง แม้จะตอนไม่เมาก็ตาม ยิ่งผมและน้องสาวไม่ต้องพูดถึงว่าจะคุยกันรู้เรื่องเข้าไปแบบนี้เหมือนเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เลยพยายามเลี่ยงที่จะปะทะดีที่สุด
ผม(อายุสามสิบกว่าๆ) เคยพยายามพูดคุยหาทางออกเรื่องนี้ โดยเคยจับมาคุยกันทุกคนในครอบครัวแต่ก็หาทางออกกันไม่ได้ ครั้งก่อนผมจริงจังมากเพราะคราวที่แล้วน้องชายผมก็มาพาลกับผม เตรียมเอามีดแทงเนื่องจากเมา พาลไปต่างๆนาน เช่นว่า ผมงานดีเงินดีทำไมยังมาเกาะพ่อแม่อยู่ เป็นกู กูไม่อยู่แบบหรอก ทั้งๆที่เขาไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำว่าเงินที่ผมมีนั้นผมหมดไปกับที่บ้านเท่าไหร่จนทุกวันนี้ไม่มีเงินเก็บเลย แต่ผมไม่ได้ไปปะทะก็เลยผ่านพ้นไป ก็เลยคิดว่าอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ดีขึ้นมา เลยคิดชวนพ่อแม่ขายบ้านและผมจะขอย้ายที่ทำงานไป ตจว ตอนนั้นสรุปจบที่ พ่อแม่ไม่ไป ถ้าผมจะไป ผมก็ไปเองเลยไม่ต้องห่วง แล้วพ่อแม่ก็อายุเกินหกสิบแล้วทั้งคู่ ผมไม่มีทางทิ้งไปได้แน่นอน มีหลายๆคนอาจจะพูดว่าเพราะที่บ้านเราไม่เข้มงวด พ่อแม่ไม่สอนว่ากล่าวตักเตือน ลูกเลยกลายเป็นแบบนี้ ยอมรับครับ แต่ลูกที่ดีก็มีนะไม่ใช่ไม่ดีทุกคน ทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว ตอนนี้เราต้องมองทางออกที่ควรจะเลือก
เลยว่าจะคุยกับพ่อแม่อีกครั้งให้หนักแน่นเลยว่าจะเอายังไง
การจะเปลี่ยนแปลงอะไรคนอื่นนั้นมันยากกว่าการเปลี่ยนตัวเอง ข้อคิดแบบนี้เลยยิ่งต้องคิดมากไปอีกว่าเราควรจะเลือกทางแบบไหน
ซึ่งก็คงบ้านติดๆกันก็คงอืมระอากันหมด รู้ชื่อเสียงน้องผมกันดี จนไม่มีใครอยากยุ่งหรืออีกใจนึงอาจจะสงสารพ่อแม่เพราะรู้จักกันมานานไม่อยากจะทำให้บ้านผมมีปัญหา ผมคิดว่าถ้าแยกกันอยู่อย่างน้อยพ่อแม่ก็ไม่ต้องเครียด แต่จะยกบ้านหลังนี้ให้น้องผมไปโดยที่คนอื่นๆจะต้องลำบากคงไม่ได้แน่นอน
เลยอยากมาสอบถามความคิกเห็นครับ เผื่อมีใครมีความคิดเห็นอย่างไรมาแนะนำครับ ขอบคุณที่รับฟังและเสนอแนะครับ
ปล.แม่โทรมาบอกเมื่อกี๊อีกว่า เมื่อคืนเมาแล้วก่อนเข้าบ้านยิงปืนโชว์ขึ้นฟ้าอีกสองนัด คนแถวบ้านเขาบอกมาอีกที เฮ้อ...