สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน
วันนี้ผมจะมาแฉเรื่องลวงโลก ที่บุคคลกลุ่มหนึ่งเอาศาสตร์จิตวิทยามาเขียนกำกับให้คนเขาตื่นกลัว
ซึ่งเป็นอะไรที่แย่มาก และผมยอมรับไม่ได้เนื่องจากเรียนมาทางสายนี้ จึงต้องมาแจ้งความจริงให้กระจ่าง
เรื่องมันเริ่มจาก ผมอ่าน news feed ในเฟซบุ๊ก หาข้อมูลข่าวใหม่ๆ ไว้ประดับสมอง
เลื่อนลงไปเรื่อยๆ ๆ ก็ดันไปเจอะกับโพสต์จากเพจนึง (แคปรูปให้ดูแล้วด้านบน)
เขาก็โพสต์ตามภาพที่แคปไว้ด้านบนกระทู้ จับใจความได้ว่า
"การถ่ายรูปแนว selfie เยอะๆ ถือเป็นความผิดปรกติทางจิต"
และนี่ก็ทำให้ผมได้มานั่งค้นหาความจริง ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ !?
เพราะผมเองก็เพิ่งจะได้ยินข่าว น่าสนใจดีเลยเสาะหาข้อมูล แล้วรวบรวม นำมาเล่าว่าจริงหรือมั่ว-ชัวร์หรือไม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมได้ไปแคปหน้าเว็บไซต์ต้นเรื่องที่เขาแชร์ๆ กัน มาให้ทุกท่านอ่านดู
http://adobochronicles.com/2014/03/31/american-psychiatric-association-makes-it-official-selfie-a-mental-disorder/
(มีแปลด้านล่างครับ)
เดี๋ยวผมจะชี้ให้เห็นถึงอะไรแปลกๆ ที่พบในเว็บนี้ให้สังเกต
จริงๆ ยังมีอีกหลายเว็บที่ก๊อปไปแชร์ต่อแล้วเขียนข้อมูลผิดๆเพิ่มไปอีก ใส่สีใส่ไข่หลุดโลกไปเลย
สำหรับคนที่ขี้เกียจแปลหรือไม่ถนัดศัพท์จิตวิทยา ผมขอสรุปข่าวในเว็บที่อยู่ในสปอยล์ข้างบนให้
ใจความของข่าวมีอยู่ว่า . . .
AMERICAN PSYCHIATRIC ASSOCIATION หรือสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (ซึ่งเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆแห่งวงการจิตวิทยา นักศึกษาจิตวิทยาทั่วโลกจะต้องรู้จักและเคยเข้ามาศึกษาข้อมูลจิตวิทยาที่อัพเดทล่าสุดจากเว็บของสมาคมนี้) ประกาศอย่างเป็นทางการให้พฤติกรรมการเซลฟี่ (#selfie) เป็นความผิดปกติทางจิต (mental disorder) ชนิดหนึ่ง โดยแบ่งช่วงอาการและระดับบ่งชี้ของโรคนี้ได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.Borderline selfitis :
taking photos of one’s self at least three times a day but not posting them on social media (ประเภทบอร์เดอร์ไลน์ - ถ่ายรูปของตนเองไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ครั้ง แต่ไม่นำขึ้นบนโลกโซเชี่ยล)
2. Acute selfitis:
taking photos of one’s self at least three times a day and posting each of the photos on social media (ประเภทอะคิวท์ - ถ่ายรูปของตนเองไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ครั้ง และโพสต์รูปบางส่วนในโลกโซเชี่ยล)
3. Chronic selfitis:
Uncontrollable urge to take photos of one’s self round the clock and posting the photos on social media more than six times a day (ประเภทโครนิก - ไม่สามารถควบคุมช่วงของการถ่ายรูปของตนเองได้เลย ถ้ามีเวลาก็จะถ่ายได้ตลอดทั้งวัน และโพสต์รูปเหล่านั้นตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง/วัน )
ตามข่าวได้ระบุว่าสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน หรือย่อว่า APA ได้ให้นิยามของผู้ป่วยด้วยโรค selfie ว่าเป็นพวก "Selfitis"
- the obsessive compulsive desire to take photos of one's self and post them on social media as a way to make up for the lack of self-esteem and to fill a gap in intimacy." (แปลแบบเข้าใจง่ายๆ คือ มีอาการย้ำคิดย้ำทำ กระเหี้ยนกระหือรือที่จะถ่ายภาพของตนเอง พร้อมทั้งเผยแพร่มันบนสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อเติมเต็มภาวะขาดความนับถือตนเองและขาดความสัมพันธ์ที่อบอุ่นในชีวิตจริง)
สุดท้าย ในข่าวบอกอีกด้วยว่า ณ ขณะนี้ยังไม่ทราบกระบวนการการรักษา!
เพียงแต่มีการแนะนำว่าควรใช้วิธีบำบัดด้วยกระบวนการ Cognitive Behavioral Therapy
(ตามหลักจิตวิทยาแล้วเป็นเทคนิคการเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการปรับที่ความคิด,การรับรู้, ที่เกี่ยวกับสมอง ฯลฯ)
...
เป็นยังไงบ้างครับ อ่านข่าวนี้แล้วคงได้กลิ่นตุๆ แปร่งๆ ตั้งแต่ชื่อเว็บที่เขานำมาอ้างอิงแล้วครับ มันดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่เป็นทางการ มีโฆษณาอะไรไม่รู้เต็มไปหมด
และเมื่อผมลองไป search หน้าเว็บของทางสมาคมจิตวิทยาที่เป็นหน้าเว็บของจริง ไปดูกระทู้ข่าวจาก
http://www.apa.org ,
http://www.psych.org และแหล่งงานวิจัยของทางสมาคมดูออนไลน์แล้วก็ไม่พบว่าจิตแพทย์เขาไปบัญญัติศัพท์นี้ขึ้นมาจัดว่าเป็นโรคกันตอนไหน
อนึ่ง ในวงการจิตวิทยาคลินิกจะมีตำราวิเคราะห์กลุ่มอาการทางจิต เรียกว่า DSM V (The Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fifth Edition.) ในเล่มนี้จะเป็นการประมวลลักษณะผู้ป่วยโรคทางจิตเวชในกลุ่มอาการต่างๆ โดยจะมีชื่อโรคและนิยาม นอกจากนี้ยังมีการอัพเดทให้ทันสมัยปัจจุบันเพื่อให้ทันต่อโรคใหม่ๆที่ค้นพบ ก็จะมีระบุอาการไว้ในเล่ม (เล่าเป็นเกร็ดความรู้เพิ่มเติมว่า DSM มีหลายฉบับครับ ฉบับล่าสุดคือฉบับที่ 5 นั่นเอง, แต่ละฉบับก็จะมีอัพเดทแบบวิเคราะห์โรคจิต อาการทางประสาทต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้สมาคมจิตแพทย์เคยบัญญัติให้เพศที่สามหรือกลุ่ม transgender จัดเป็นพวกโรคจิตชนิดหนึ่งด้วย แต่ต่อมาในฉบับที่ 4 (DSM IV อ่านว่าดีเอสเอ็มโฟร์) ได้รับการอัพเดทให้กลายเป็นรสนิยมส่วนบุคคล ไม่ใช่โรคจิต อีกต่อไป)
เอาหละ สุดท้าย
ด้วยความสงสัยว่า แล้ว "ใคร" กันนะ มันกล้ากุข่าวลือออกมาแบบนี้?
ผมจึงไปสืบดู พบว่าต้นตอมาจากเว็บกากๆ ตามที่แนบลิงก์ไว้ให้นั่นเอง . . . .
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อเข้าไปคลิกอ่านตรง "About us" จะเห็นเว็บมาสเตอร์พิมพ์ติดตลกว่า ข่าวทั้งหมดในเว็บเป็นเรื่องแต่งขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูล ทว่าทั้งหมดคือเรื่องโกหกทั้งเพ เพื่อความสนุก จริงๆถ้าดูแค่แค่แบนเนอร์บนหน้าเว็บด้านบนเขาก็เขียนแล้วว่า "ข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ" ฮ่าฮ่าฮ่า
http://adobochronicles.com/2014/03/31/american-psychiatric-association-makes-it-official-selfie-a-mental-disorder/
เอาเป็นว่าผมขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน 100% ณ ที่นี้เลยว่า ตอนนี้
ข่าว "Selfie = อาการทางจิต" เป็นเรื่องโกหก!
(แต่ถ้าหากวันนึงข้างหน้า มีการประกาศจากทางสมาคมออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ก็จะนำมา post บอกกันอีกที)
ขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับตัวผมนะครับว่าส่วนตัวผมเองนั้นไม่ได้มีความชอบในการถ่าย selfie อยู่แล้ว ขนาดอินสตาแกรมยังไม่เล่นเลย แต่เมื่อข้อมูลเว็บไซต์ที่เป็นทางการเขาไม่ได้ประกาศว่ามันคือโรค แล้วดันมีคนมาสร้างกระพือข่าวบอกว่าเป็นโรค แบบนี้ไม่ดีครับ ไม่สมควรทำ เลิกปลูกฝังความเชื่อผิดๆให้คนที่เขาไม่รุ้อิโหน่อิเหน่สักที ทางที่ถูกคือให้จิตแพทย์วิเคราะห์เป็นรายๆไปดีกว่า ว่าติดการถ่ายขนาดไหน วันๆไม่ทำอะไรเลยหรือเปล่า มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไร มีอาการแปลกๆในการเข้าสังคมในโลกจริงไหม ฯลฯ ซึ่งแบบนี้ก็ต้องพิจารณาไปเป็นรายบุคคลครับ
แหม่ คิดๆดูแล้วผมว่าไอ่คนเขียนข่าวนี้ขึ้นมาน่าจะเป็นพวกมีอาการทางจิตเสียเองมากกว่า หรือเก็บกด
ประมาณว่าโพสต์รูปแล้วไม่มีใคร like เลยมานั่งสร้างข่าวให้ภาพลักษณ์คนอื่นดูแย่ไปด้วย ไม่แน่นะครับ...
ในฐานะนักจิตวิทยาก็ถือว่าน่าวิเคราะห์คนพวกนี้จริงๆ ว่ามีปมอะไรในใจหรือไม่ อย่างไร ถึงทำแบบนี้
สุดท้ายแล้วก็อยากฝากชาวพันทิปช่วยกันบอกต่อไปถึงคนไทยหลายคนที่หลงเชื่อและกำลังแชร์ข่าวลือมั่วๆ เรื่องนี้อยู่ ให้ไตร่ตรองก่อนแชร์ เพราะแชร์ไปแล้วคนอ่านมันกว้าง พอเวลาจะมาแก้ข่าวนี่มันยากกว่ากันเยอะเลย
อยากให้พิจารณาหาข้อมูลจากสื่อที่น่าเชื่อถือ ซึ่งแต่ละสาขา แต่ละศาสตร์ เขาจะมีเว็บไซต์ที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้วครับ ไม่ใช่เห็นว่ามันเป็นเว็บภาษาฝรั่งก็เชื่อแล้ว จริงๆสมัยนี้เว็บฝรั่งมีข้อมูลผิดๆเพี้ยนๆเยอะมาก พวกเว็บ hoax, conspiracy theory, psudo science แล้วดันมีคนเอามาแปลมาแปลมาหลอกคนไทยด้วยกันเอง อ่านแล้วก็เพลียกับตรรกะของคนพวกนี้จริงๆ ใจนึงก็เป็นห่วงคนที่เขาไม่มีข้อมูลมาอ่านแล้วไม่ทันได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก็คงหลงเชื่อไปได้ง่ายๆ
ป.ล. ท่านสามารถค้นคว้าข้อมูลทั้งหมดในประเด็นที่ผมนำมาเล่า เพิ่มเติมได้จากแหล่งอ้างอิงดังนี้
reference:
[1] เว็บไซต์สมาคม APA
http://www.psych.org
[2] DSM 5
http://en.wikipedia.org/wiki/DSM-5
[3] No, the American Psychiatric Association did not declare selfie a mental disorder
http://tech.firstpost.com/news-analysis/really-american-psychiatric-association-declare-selfie-disorder-221228.html
[4] The 'Selfie': Mental Disorder Or Insight To Getting Better Results?
http://www.forbes.com/sites/davidsturt/2014/04/29/the-selfie-mental-disorder-or-insight-to-getting-better-results/
[5] Doctors Supposedly Made "Selfitis" a Mental Disorder — Here's The Real Story
http://www.policymic.com/articles/86981/doctors-supposedly-made-selfitis-a-mental-disorder-here-s-the-real-story
[6] แหล่งรวมงานวิจัยตีพิมพ์
http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/
[ุ7] เว็บไซต์เจ้าปัญหา ต้นเรื่องของข่าวลวง
http://adobochronicles.com/what-is-adobo/
โปรดหยุดแชร์ข่าว "คนชอบถ่าย SELFIE มีความบกร่องทางจิต"
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน
วันนี้ผมจะมาแฉเรื่องลวงโลก ที่บุคคลกลุ่มหนึ่งเอาศาสตร์จิตวิทยามาเขียนกำกับให้คนเขาตื่นกลัว
ซึ่งเป็นอะไรที่แย่มาก และผมยอมรับไม่ได้เนื่องจากเรียนมาทางสายนี้ จึงต้องมาแจ้งความจริงให้กระจ่าง
เรื่องมันเริ่มจาก ผมอ่าน news feed ในเฟซบุ๊ก หาข้อมูลข่าวใหม่ๆ ไว้ประดับสมอง
เลื่อนลงไปเรื่อยๆ ๆ ก็ดันไปเจอะกับโพสต์จากเพจนึง (แคปรูปให้ดูแล้วด้านบน)
เขาก็โพสต์ตามภาพที่แคปไว้ด้านบนกระทู้ จับใจความได้ว่า
"การถ่ายรูปแนว selfie เยอะๆ ถือเป็นความผิดปรกติทางจิต"
และนี่ก็ทำให้ผมได้มานั่งค้นหาความจริง ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ !?
เพราะผมเองก็เพิ่งจะได้ยินข่าว น่าสนใจดีเลยเสาะหาข้อมูล แล้วรวบรวม นำมาเล่าว่าจริงหรือมั่ว-ชัวร์หรือไม่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับคนที่ขี้เกียจแปลหรือไม่ถนัดศัพท์จิตวิทยา ผมขอสรุปข่าวในเว็บที่อยู่ในสปอยล์ข้างบนให้
ใจความของข่าวมีอยู่ว่า . . .
AMERICAN PSYCHIATRIC ASSOCIATION หรือสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน (ซึ่งเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆแห่งวงการจิตวิทยา นักศึกษาจิตวิทยาทั่วโลกจะต้องรู้จักและเคยเข้ามาศึกษาข้อมูลจิตวิทยาที่อัพเดทล่าสุดจากเว็บของสมาคมนี้) ประกาศอย่างเป็นทางการให้พฤติกรรมการเซลฟี่ (#selfie) เป็นความผิดปกติทางจิต (mental disorder) ชนิดหนึ่ง โดยแบ่งช่วงอาการและระดับบ่งชี้ของโรคนี้ได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.Borderline selfitis : taking photos of one’s self at least three times a day but not posting them on social media (ประเภทบอร์เดอร์ไลน์ - ถ่ายรูปของตนเองไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ครั้ง แต่ไม่นำขึ้นบนโลกโซเชี่ยล)
2. Acute selfitis: taking photos of one’s self at least three times a day and posting each of the photos on social media (ประเภทอะคิวท์ - ถ่ายรูปของตนเองไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ครั้ง และโพสต์รูปบางส่วนในโลกโซเชี่ยล)
3. Chronic selfitis: Uncontrollable urge to take photos of one’s self round the clock and posting the photos on social media more than six times a day (ประเภทโครนิก - ไม่สามารถควบคุมช่วงของการถ่ายรูปของตนเองได้เลย ถ้ามีเวลาก็จะถ่ายได้ตลอดทั้งวัน และโพสต์รูปเหล่านั้นตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง/วัน )
ตามข่าวได้ระบุว่าสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน หรือย่อว่า APA ได้ให้นิยามของผู้ป่วยด้วยโรค selfie ว่าเป็นพวก "Selfitis" - the obsessive compulsive desire to take photos of one's self and post them on social media as a way to make up for the lack of self-esteem and to fill a gap in intimacy." (แปลแบบเข้าใจง่ายๆ คือ มีอาการย้ำคิดย้ำทำ กระเหี้ยนกระหือรือที่จะถ่ายภาพของตนเอง พร้อมทั้งเผยแพร่มันบนสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อเติมเต็มภาวะขาดความนับถือตนเองและขาดความสัมพันธ์ที่อบอุ่นในชีวิตจริง)
สุดท้าย ในข่าวบอกอีกด้วยว่า ณ ขณะนี้ยังไม่ทราบกระบวนการการรักษา!
เพียงแต่มีการแนะนำว่าควรใช้วิธีบำบัดด้วยกระบวนการ Cognitive Behavioral Therapy
(ตามหลักจิตวิทยาแล้วเป็นเทคนิคการเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการปรับที่ความคิด,การรับรู้, ที่เกี่ยวกับสมอง ฯลฯ)
...
เป็นยังไงบ้างครับ อ่านข่าวนี้แล้วคงได้กลิ่นตุๆ แปร่งๆ ตั้งแต่ชื่อเว็บที่เขานำมาอ้างอิงแล้วครับ มันดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่เป็นทางการ มีโฆษณาอะไรไม่รู้เต็มไปหมด
และเมื่อผมลองไป search หน้าเว็บของทางสมาคมจิตวิทยาที่เป็นหน้าเว็บของจริง ไปดูกระทู้ข่าวจาก http://www.apa.org , http://www.psych.org และแหล่งงานวิจัยของทางสมาคมดูออนไลน์แล้วก็ไม่พบว่าจิตแพทย์เขาไปบัญญัติศัพท์นี้ขึ้นมาจัดว่าเป็นโรคกันตอนไหน
อนึ่ง ในวงการจิตวิทยาคลินิกจะมีตำราวิเคราะห์กลุ่มอาการทางจิต เรียกว่า DSM V (The Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fifth Edition.) ในเล่มนี้จะเป็นการประมวลลักษณะผู้ป่วยโรคทางจิตเวชในกลุ่มอาการต่างๆ โดยจะมีชื่อโรคและนิยาม นอกจากนี้ยังมีการอัพเดทให้ทันสมัยปัจจุบันเพื่อให้ทันต่อโรคใหม่ๆที่ค้นพบ ก็จะมีระบุอาการไว้ในเล่ม (เล่าเป็นเกร็ดความรู้เพิ่มเติมว่า DSM มีหลายฉบับครับ ฉบับล่าสุดคือฉบับที่ 5 นั่นเอง, แต่ละฉบับก็จะมีอัพเดทแบบวิเคราะห์โรคจิต อาการทางประสาทต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้สมาคมจิตแพทย์เคยบัญญัติให้เพศที่สามหรือกลุ่ม transgender จัดเป็นพวกโรคจิตชนิดหนึ่งด้วย แต่ต่อมาในฉบับที่ 4 (DSM IV อ่านว่าดีเอสเอ็มโฟร์) ได้รับการอัพเดทให้กลายเป็นรสนิยมส่วนบุคคล ไม่ใช่โรคจิต อีกต่อไป)
เอาหละ สุดท้าย
ด้วยความสงสัยว่า แล้ว "ใคร" กันนะ มันกล้ากุข่าวลือออกมาแบบนี้?
ผมจึงไปสืบดู พบว่าต้นตอมาจากเว็บกากๆ ตามที่แนบลิงก์ไว้ให้นั่นเอง . . . .
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เอาเป็นว่าผมขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน 100% ณ ที่นี้เลยว่า ตอนนี้ ข่าว "Selfie = อาการทางจิต" เป็นเรื่องโกหก!
(แต่ถ้าหากวันนึงข้างหน้า มีการประกาศจากทางสมาคมออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ก็จะนำมา post บอกกันอีกที)
ขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับตัวผมนะครับว่าส่วนตัวผมเองนั้นไม่ได้มีความชอบในการถ่าย selfie อยู่แล้ว ขนาดอินสตาแกรมยังไม่เล่นเลย แต่เมื่อข้อมูลเว็บไซต์ที่เป็นทางการเขาไม่ได้ประกาศว่ามันคือโรค แล้วดันมีคนมาสร้างกระพือข่าวบอกว่าเป็นโรค แบบนี้ไม่ดีครับ ไม่สมควรทำ เลิกปลูกฝังความเชื่อผิดๆให้คนที่เขาไม่รุ้อิโหน่อิเหน่สักที ทางที่ถูกคือให้จิตแพทย์วิเคราะห์เป็นรายๆไปดีกว่า ว่าติดการถ่ายขนาดไหน วันๆไม่ทำอะไรเลยหรือเปล่า มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไร มีอาการแปลกๆในการเข้าสังคมในโลกจริงไหม ฯลฯ ซึ่งแบบนี้ก็ต้องพิจารณาไปเป็นรายบุคคลครับ
แหม่ คิดๆดูแล้วผมว่าไอ่คนเขียนข่าวนี้ขึ้นมาน่าจะเป็นพวกมีอาการทางจิตเสียเองมากกว่า หรือเก็บกด
ประมาณว่าโพสต์รูปแล้วไม่มีใคร like เลยมานั่งสร้างข่าวให้ภาพลักษณ์คนอื่นดูแย่ไปด้วย ไม่แน่นะครับ...
ในฐานะนักจิตวิทยาก็ถือว่าน่าวิเคราะห์คนพวกนี้จริงๆ ว่ามีปมอะไรในใจหรือไม่ อย่างไร ถึงทำแบบนี้
สุดท้ายแล้วก็อยากฝากชาวพันทิปช่วยกันบอกต่อไปถึงคนไทยหลายคนที่หลงเชื่อและกำลังแชร์ข่าวลือมั่วๆ เรื่องนี้อยู่ ให้ไตร่ตรองก่อนแชร์ เพราะแชร์ไปแล้วคนอ่านมันกว้าง พอเวลาจะมาแก้ข่าวนี่มันยากกว่ากันเยอะเลย
อยากให้พิจารณาหาข้อมูลจากสื่อที่น่าเชื่อถือ ซึ่งแต่ละสาขา แต่ละศาสตร์ เขาจะมีเว็บไซต์ที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้วครับ ไม่ใช่เห็นว่ามันเป็นเว็บภาษาฝรั่งก็เชื่อแล้ว จริงๆสมัยนี้เว็บฝรั่งมีข้อมูลผิดๆเพี้ยนๆเยอะมาก พวกเว็บ hoax, conspiracy theory, psudo science แล้วดันมีคนเอามาแปลมาแปลมาหลอกคนไทยด้วยกันเอง อ่านแล้วก็เพลียกับตรรกะของคนพวกนี้จริงๆ ใจนึงก็เป็นห่วงคนที่เขาไม่มีข้อมูลมาอ่านแล้วไม่ทันได้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก็คงหลงเชื่อไปได้ง่ายๆ
ป.ล. ท่านสามารถค้นคว้าข้อมูลทั้งหมดในประเด็นที่ผมนำมาเล่า เพิ่มเติมได้จากแหล่งอ้างอิงดังนี้
reference:
[1] เว็บไซต์สมาคม APA
http://www.psych.org
[2] DSM 5
http://en.wikipedia.org/wiki/DSM-5
[3] No, the American Psychiatric Association did not declare selfie a mental disorder
http://tech.firstpost.com/news-analysis/really-american-psychiatric-association-declare-selfie-disorder-221228.html
[4] The 'Selfie': Mental Disorder Or Insight To Getting Better Results?
http://www.forbes.com/sites/davidsturt/2014/04/29/the-selfie-mental-disorder-or-insight-to-getting-better-results/
[5] Doctors Supposedly Made "Selfitis" a Mental Disorder — Here's The Real Story
http://www.policymic.com/articles/86981/doctors-supposedly-made-selfitis-a-mental-disorder-here-s-the-real-story
[6] แหล่งรวมงานวิจัยตีพิมพ์
http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/
[ุ7] เว็บไซต์เจ้าปัญหา ต้นเรื่องของข่าวลวง
http://adobochronicles.com/what-is-adobo/