**ตอนนี้เราได้ตั้งกระทู้สำหรับ LA หรือ Los Angeles ไปที่ "ลากกระเป๋าเที่ยว LA ตามใจฉัน"
http://ppantip.com/topic/32024803 และ Las Vegas ได้ที่ "ลากกระเป๋าเที่ยว Las Vegas ตามใจฉัน"
http://ppantip.com/topic/32078376 นะคะ เนื่องจาก ของ San Francisco มันยาวจนมีเพื่อนๆเราแนะนำให้ทำกระทู้แยกเป็นเมืองๆดีกว่า ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ(ขอเรียกแบบนี้เพื่อให้ง่ายต่อการแนะนำ) ชาวพันทิพย์ ทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวครั้งแรกในชีวิตที่ทำขึ้นมาเพื่อแนะนำเพื่อนๆไม่ว่าจะเป็น นักเรียนแลกเปลี่ยน เด็กเวิร์คแอนทราเวล หรือ คนทั่วไป ที่สนใจอยากไปเที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี แต่ก็อย่าคาดหวังอะไรมากกับเรานะคะเพราะมันเป็นการเที่ยวเรื่อยๆตามใจจริงๆ ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ แนะนำและติชมได้ ^_^
เริ่มแรกของทริปนี้ เริ่มมาจากความคิดที่อยากจะซื้อทัวร์จีนไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่โรงเรียนสอนภาษาค่ะ ตอนนั้นอยากไปแค่ใกล้ๆแค่ Washigton DC, Boston, NYC (คือเราเรียนอยู่ที่รัฐ Pennsyvania ค่ะ) ประมาณนั้นน่ะค่ะ เที่ยวก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับประเทศ แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายมาจบที่ San Francisco, Los Angelse, Las Vegas, Grand canyon South rim ค่ะ เกริ่นมามากแล้วเพื่อนๆอาจจะเบื่อซะก่อนขอเข้าสู่การท่องเที่ยวของเราเลยแล้วกันค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปในช่วงวันที่ 17-28 ธันวาคม 2556 ก็คือปลายปีที่แล้วนั่นเอง (เพิ่งจะมาบิ้วอารมณ์เรียบเรียงตัวอักษรได้ไม่นาน งานดองต้องเราเลยจริงๆ)
หลังจากที่ตกลงกับเพื่อนๆเสร็จสิ้น เราก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ จาก www.priceline.com แล้วทำการจองตั๋วราคาประหยัด โดยค่าเครื่องบินจาก Philadelphia airport to San Francisco airport $167 -
จาก Las Vegas airport to Philadelphia airport $144 - (จองช้ากว่าเพื่อนประมาณ 10 นาทีได้ค่ะราคาขึ้นมา $30 ซะงั้น) อ้อ ! ลืมบอกไปค่ะ ผู้ร่วมทริปนี้มีทั้งหมด 6 คนค่ะ เป็นเพื่อนจากโสมขาว 3 คน จีนแผ่นดินใหญ่ 2 คนและพี่ไทยอีก 1คนคือเราเอง
ช้ามืดของวันที่ 17 ธันวาคม 2556 เด็กไทยตาดำๆแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรีบไปขึ้นรถไฟรอบแรกที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบิน ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น จะได้ออกสู่โลกกว้างแล้ว เย้! เมื่อสู่สนามบิน Philadelphia เราก็ต้องทำการ check in กระเป๋า บอกไว้ก่อนเลยว่าของ US airways ภายในประเทศนี่เราเอา กระเป๋าขึ้นได้สองใบนะคะ เป็นกระเป๋าถือหรือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คส์ได้ใบนึงค่ะ และ กระเป๋าเดินทางอีกใบที่ไม่เกิน 18 kg ถ้าเกินนี้เราต้องเสียค่าโหลดกระเป๋าค่ะ ใบแรกที่ราคา $25 ใบที่สอง รวมราคาสองใบ $35 (แอบไปเช็คมา) ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะไม่โหลดกระเป๋ากันเลย แต่ถ้าหากขึ้นไปบนเครื่องแล้วที่วางกระเป๋าเต็มเค้าก็จะเอาลงไปโหลดใต้เครื่องให้เราฟรีค่ะ ตลกดีเหมือนกัน
หลังจากเชคอินเสร็จก็มานั่งรอขึ้นเครื่องเที่ยว 7.35 am. หน้า gate และที่แปลกมากหรือไม่แปลกก็ไม่ทราบ หลังจากขึ้นเครื่องแล้วเครื่องบินก็วิ่งออกมารับการล้างเอาน้ำแข็งที่เกาะออก เหมือนล้างรถก่อนออกจากบ้านอารมณ์นั้นเลยค่ะ
สงสัยตื่นเต้นจะได้เที่ยวมั้งคะนอนไม่หลับเลย เลยเอาแต่ถ่ายรูปเล่นเพราะไหนๆเพื่อนก็ยอมเปลี่ยนที่ให้นั่งริมหน้าต่าง และหลังจากผ่านไป 6 ชม. ล้อเครื่องบินก็แตะรับเวย์แล้วค่ะ 10.35 am. ค่ะ ปรับนาฬิกาให้ช้าลง 3 ชม. … ไวเหมือนโกหกจริงๆ San Francisco airport จ้า เจอคนไทยด้วย มีภาษาไทยด้วย เด็กไทยตื่นเต้นจริงๆ หลอกตัวเองเสมือนกลับมาไทยแล้ว …
จากนั้นเด็กต่างด้าวทั้ง 5 คนก็เริ่มหาทางไปต่อ (ไม่ได้ทำเพื่อนหายไปหนึ่งนะ พอดีคนนึงรอเราอยู่ที่ LA ค่ะ) เริ่มเดินไปแบบ งงๆ ถาม Information ว่าเราต้องการไป Bart station เพื่อเข้าไปใน Downtown ของ SF เพราะเราจอง Hostel ไว้ที่นั่น มารู้ว่าจริงๆเราสามารถนั่ง Air train ที่ใกล้กับ Terminal ที่เราออกมาได้เพื่อไป Bart station แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ พวกเราเลยเลือกที่จะเดินเอง ! และเราก็เจอที่ซื้อตั๋ว Bart ค่ะ ส่วนใหญ่ที่อเมริกาจะเป็นอารมณ์แบบบริการตัวเองค่ะ จะมีตู้ให้ซื้อบัตรโดยสารเอง ใช้ได้ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และ เดบิต โดยเราโดยสาร จากที่นี่เข้าไป Downtown โดยลงที่สถานี Powell station ราคาก็อยู่ที่ $ 8.25/person ค่ะ
ลากกระเป๋ากันไปเรื่อยๆเด็กๆ นั่งมายาวๆหกชั่วโมงตอนนี้ยังไงก็มีแรง
ซื้อบัตรเข้าเมืองมุงอยู่ในตู้กว่าจะใช้เป็น และภาพบรรยากาศในรถไฟ
เนื่องจากไม่ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้เข้ามาท่องเที่ยวด้วยกัน เลยค่อนข้างไม่มีรูปที่ควรจะมี อยากจะบอกว่าในรถไฟนี้ ต้องจับกระเป๋าลากของเราไว้ดีๆด้วยนะ ไม่งั้นกระเป๋าจะหนีค่ะ ประสบการณ์ตรงจาก อปป้า ในทริปนี้ที่วิ่งตามกระเป๋าไปอีกโบกี้นึง เจ้ากระเป๋าไม่รักดี! ห้าๆๆๆ
Powell Station
ถึงแล้ว Powell station ย่าน downtown ของ SF หรือที่เรียกว่า Union square อ่ะแหละ จากนั้นเราก็ลากกระเป๋าตามสไตล์นักท่องเที่ยววัยใสเข้าที่พัก ซึ่งที่พักของเราในทริปนี้คือ San Francisco International Hostel จะว่าไปก็เหมือนที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะประหยัดค่าที่พัก หรืออาจจะชอบพักติดดินมากกว่าพักในโรงแรมหรูค่ะ ที่พบส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบ นักเรียน นักศึกษาที่มาเที่ยวกันกับเพื่อน หรือBackpacker ก็ความหมายตรงตัวค่ะคือที่พักนานาชาติ เป็นห้องรวมค่ะ อย่างของเรานี่ก็พักห้อง 4 คนแบบมีห้องน้ำในตัวค่ะ เป็นเตียง สองชั้นค่ะ ค่าใช้จ่ายคนละ $20 ต่อคืนค่ะ
*** เราลืมบอกที่นี่ Check in ได้ตอนบ่าย 2 แต่วันที่เรามาห้องมันว่างพอดี ก็เลยเข้าพักได้เลย Check out ก่อน 11 โมงเช้า wifi มีแต่สัญญาณจะแรงที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง และชั้น 2 จะมีโซฟาให้นั่งเล่นด้วย ส่วนปลั๊กไฟอ่ะ ในห้องนอนเรามีจุดเดียวเราไม่รู้ว่าห้องอื่นเป็นแบบไหน ถ้าสะดวกพกปลั๊กพ่วงไปก็ดี ถ้าไม่ก็หน้าห้องก็มี ที่ห้องนั่งเล่นก็มีเยอะเลย ส่วนบริเวณห้องนั่งเล่นจะมีเวทีเล็กๆไว้ปาตี้ด้วย แล้วแต่คืน ให้เช็คประกาศดู แล้วก็มีแป้งแพนเค้กกับน้ำผึ้งไว้ให้ทำกินเองฟรี แต่ใช้เตาแล้วต้องเก็บล้างเองนะเราอยู่กันเหมือนครอบครัว สำหรับคนที่ต้องการติดต่อที่บ้านแต่ไม่มีโน๊ตบุ๊คส์หรืออะไรก็ตามที่ต่อเน็ตได้ เค้าก็มีคอมส่วนกลางให้ใช้สามเครื่อง ใช้ได้คนละ 30 นาที แล้วก็เสื้อผ้าไม่ต้องแบกไปเยอะแบบเราก็ได้เพราะเราเพิ่งรู้ว่าเกือบทุกโฮสเทลที่เราไปมา มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบ บริการจ้า
http://www.sanfranhostel.com/photo.html นี่คือเวปโฮสเทล แต่มันไม่ได้ใหม่ขนาดนี้นะ ให้เราเปรียบก็เหมือน 10 ปีหลังจากภาพพวกนี้ สำหรับเรา เรากินง่าย นอนง่ายเราก็เลยไม่มีปัญหา แล้วเราก็เป็นคนกลัวผีไทย พอไปเมืองนอกเราเลยอยู่ได้หมดเพราะเราว่าผีต่างชาติไม่น่ากลัว …
credit : Free Visitor Map SanFrancisco Fall/Winter 2013-2014
** ไม่ประทับใจอยู่สองอย่างค่ะคือ ลิฟ น่ากลัวมาก (ถ้าไม่ได้แบกของเยอะๆเราเลยเดินขึ้นลงดีกว่า แต่คนอื่นก็ใช้ปกตินะคะ) เค้าห้ามขึ้นเกินครั้งละ 4 คนด้วยค่ะ กับ ห้องนอนฮีตเตอร์ค่อนข้างทำร้ายจิตใจหรือตัวเองซวยไปเจอห้องที่มันเสียพอดีก็ไม่รู้ค่ะ เลยนอนหนาวกันไปสามคืนยาวๆค่ะ (ฝั่งแคลิฟอเนียไม่ได้หนาวมากนะคะแต่ก็เลขหลักเดียวกับสองหลักต้นๆเองค่ะช่วงนั้น)
หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกสำรวจพื้นที่แล้วค่ะ เย้!!
ตอนนี้บ่ายแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย จะไปไหนก็ยังไม่ค่อยจะรู้ทาง เลยตัดสินใจเปิดแอพ yelp ค่ะ (ตอนอยู่ที่นู้นเนี้ยจะกินอะไรเค้าจะเปิดดูรีวิวกันซะส่วนใหญ่ค่ะยิ่งมีหลายดาวยิ่งน่าสนใจค่ะ) หาร้านที่ใกล้ที่สุด สุดท้ายจบลงที่ร้านอาหารอินเดียค่ะ ร้าน"New Dehli" … ใกล้ที่พักที่สุด แต่ก็นั่นแหละค่ะ รสชาติก็ นะคะ เครื่องเทศเยอะ อีกทั้งอาจจะเป็นเพราะคนไทยนอกจากอาหารไทยแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ถูกปากอ่ะค่ะ แอบคิดในใจ โอ้ววว ทำไมรีวิวตั้ง 4 ดาวหว่าาาา
อาหารอินเดียสุ่มเมนู ราคา Lunch special $7.25
หลังจากอิ่มท้องเราก็เริ่มเดินกัน (บอกเลยทริปนี้เดินทนกันสุดๆทางที่ดีใส่รองเท้าผ้าใบจะดีกว่านะ ส้นสูง ส้นเข็มนี่อย่าเลยค่ะ) เรากลับไปยัง Powell station ที่เรามาตอนแรก แล้วเราก็เดินไปขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ ไปตามถนน Market street จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเพื่อเดินขึ้นเหนือไปทาง Montglomery station จุดหมายเราในวันนี้คือ Coit tower ค่ะ จะไปชมวิวเมือง แล้วก็ดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่นั่นค่ะ หลังจากเดินมาเรื่อยๆ โดยโซนนี้เรียกว่า North beach …
บรรยากาศย่าน Downtown ค่ะ
การจอดรถสไตล์นี้ต้องหักล้อหน่อยนะคะเดี๋ยวไหล เห็นว่าเป็นกฎหมายเลยมั้ง
ถึงแล้ว แต่โชคร้ายหน่อยคือเค้าปิดปรับปรุงค่ะ แต่ก็ขึ้นไปชมวิวได้ จนพระอาทิตย์ตกดินเราก็เริ่มเดินกลับกัน เราเดินมาผ่าน China town มีเพื่อนคนจีนอยู่ในทริปด้วย ดีเลยให้แนะนำร้านซะหน่อย แต่สุดท้ายหรอคะ ไม่ได้กินอะไรที่นี่เลย เยอะเกินเลือกไม่ถูกกัน เลยแวะซื้อไอติมกันแล้วกลับที่พักค่ะ (กินประชดชีวิตล่ะมั้งคะ หน๊าวหนาว) ผ่าน Union Square ด้วยค่ะแต่ไม่ได้ถ่ายรูป ก็ถามๆเพื่อนว่าจะกินอะไรบนห้าง Macy มั้ย พวกนั้นก็ถือคติต้องกินอาหารที่ไม่มีร้านในฟิลลี่ เท่านั้น เลยกลับที่พักกัน โดยแวะซื้อเบอร์เกอร์รีวิว yelp กินกัน รอบนี้อร่อยกว่าเมื่อกลางวันนะ แต่หิวไปหน่อยเลยไม่มีรูปมาให้ได้ชมกัน ก่อนนอนก็นี่เลยแทงพลูแข่งระดับประเทศกันนิดหน่อย ผลคือชนะ อปป้า ได้ด้วย ไม่ใช่ฝีมือนะคะ แต่ อปป้า ของเราทำลูกดำลงหลุมต่างหาก ฮ่าๆๆๆๆ
ชมวิวที่ COIT TOWER เสียใจอ่า มาตอนเค้าปิดซ่อมพอดี
ขากลับเดินผ่านไชน่าทาวน์ รู้สึกได้ถึงความเล็กของประตูปกติที่เห็นในเมืองอื่นจะอลังการกว่านี้มากค่ะ
ราตรีสวัสดิ์คืนแรกที่ซานฟรานฯค่ะ
ท่องเที่ยว San Francisco, Los Angelse, Las Vegas, Grand canyon ตามใจฉัน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ(ขอเรียกแบบนี้เพื่อให้ง่ายต่อการแนะนำ) ชาวพันทิพย์ ทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวครั้งแรกในชีวิตที่ทำขึ้นมาเพื่อแนะนำเพื่อนๆไม่ว่าจะเป็น นักเรียนแลกเปลี่ยน เด็กเวิร์คแอนทราเวล หรือ คนทั่วไป ที่สนใจอยากไปเที่ยวอเมริกาด้วยตัวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี แต่ก็อย่าคาดหวังอะไรมากกับเรานะคะเพราะมันเป็นการเที่ยวเรื่อยๆตามใจจริงๆ ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ แนะนำและติชมได้ ^_^
เริ่มแรกของทริปนี้ เริ่มมาจากความคิดที่อยากจะซื้อทัวร์จีนไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่โรงเรียนสอนภาษาค่ะ ตอนนั้นอยากไปแค่ใกล้ๆแค่ Washigton DC, Boston, NYC (คือเราเรียนอยู่ที่รัฐ Pennsyvania ค่ะ) ประมาณนั้นน่ะค่ะ เที่ยวก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับประเทศ แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายมาจบที่ San Francisco, Los Angelse, Las Vegas, Grand canyon South rim ค่ะ เกริ่นมามากแล้วเพื่อนๆอาจจะเบื่อซะก่อนขอเข้าสู่การท่องเที่ยวของเราเลยแล้วกันค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปในช่วงวันที่ 17-28 ธันวาคม 2556 ก็คือปลายปีที่แล้วนั่นเอง (เพิ่งจะมาบิ้วอารมณ์เรียบเรียงตัวอักษรได้ไม่นาน งานดองต้องเราเลยจริงๆ)
หลังจากที่ตกลงกับเพื่อนๆเสร็จสิ้น เราก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ จาก www.priceline.com แล้วทำการจองตั๋วราคาประหยัด โดยค่าเครื่องบินจาก Philadelphia airport to San Francisco airport $167 -
จาก Las Vegas airport to Philadelphia airport $144 - (จองช้ากว่าเพื่อนประมาณ 10 นาทีได้ค่ะราคาขึ้นมา $30 ซะงั้น) อ้อ ! ลืมบอกไปค่ะ ผู้ร่วมทริปนี้มีทั้งหมด 6 คนค่ะ เป็นเพื่อนจากโสมขาว 3 คน จีนแผ่นดินใหญ่ 2 คนและพี่ไทยอีก 1คนคือเราเอง
ช้ามืดของวันที่ 17 ธันวาคม 2556 เด็กไทยตาดำๆแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรีบไปขึ้นรถไฟรอบแรกที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบิน ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น จะได้ออกสู่โลกกว้างแล้ว เย้! เมื่อสู่สนามบิน Philadelphia เราก็ต้องทำการ check in กระเป๋า บอกไว้ก่อนเลยว่าของ US airways ภายในประเทศนี่เราเอา กระเป๋าขึ้นได้สองใบนะคะ เป็นกระเป๋าถือหรือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คส์ได้ใบนึงค่ะ และ กระเป๋าเดินทางอีกใบที่ไม่เกิน 18 kg ถ้าเกินนี้เราต้องเสียค่าโหลดกระเป๋าค่ะ ใบแรกที่ราคา $25 ใบที่สอง รวมราคาสองใบ $35 (แอบไปเช็คมา) ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะไม่โหลดกระเป๋ากันเลย แต่ถ้าหากขึ้นไปบนเครื่องแล้วที่วางกระเป๋าเต็มเค้าก็จะเอาลงไปโหลดใต้เครื่องให้เราฟรีค่ะ ตลกดีเหมือนกัน
หลังจากเชคอินเสร็จก็มานั่งรอขึ้นเครื่องเที่ยว 7.35 am. หน้า gate และที่แปลกมากหรือไม่แปลกก็ไม่ทราบ หลังจากขึ้นเครื่องแล้วเครื่องบินก็วิ่งออกมารับการล้างเอาน้ำแข็งที่เกาะออก เหมือนล้างรถก่อนออกจากบ้านอารมณ์นั้นเลยค่ะ
สงสัยตื่นเต้นจะได้เที่ยวมั้งคะนอนไม่หลับเลย เลยเอาแต่ถ่ายรูปเล่นเพราะไหนๆเพื่อนก็ยอมเปลี่ยนที่ให้นั่งริมหน้าต่าง และหลังจากผ่านไป 6 ชม. ล้อเครื่องบินก็แตะรับเวย์แล้วค่ะ 10.35 am. ค่ะ ปรับนาฬิกาให้ช้าลง 3 ชม. … ไวเหมือนโกหกจริงๆ San Francisco airport จ้า เจอคนไทยด้วย มีภาษาไทยด้วย เด็กไทยตื่นเต้นจริงๆ หลอกตัวเองเสมือนกลับมาไทยแล้ว …
จากนั้นเด็กต่างด้าวทั้ง 5 คนก็เริ่มหาทางไปต่อ (ไม่ได้ทำเพื่อนหายไปหนึ่งนะ พอดีคนนึงรอเราอยู่ที่ LA ค่ะ) เริ่มเดินไปแบบ งงๆ ถาม Information ว่าเราต้องการไป Bart station เพื่อเข้าไปใน Downtown ของ SF เพราะเราจอง Hostel ไว้ที่นั่น มารู้ว่าจริงๆเราสามารถนั่ง Air train ที่ใกล้กับ Terminal ที่เราออกมาได้เพื่อไป Bart station แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ พวกเราเลยเลือกที่จะเดินเอง ! และเราก็เจอที่ซื้อตั๋ว Bart ค่ะ ส่วนใหญ่ที่อเมริกาจะเป็นอารมณ์แบบบริการตัวเองค่ะ จะมีตู้ให้ซื้อบัตรโดยสารเอง ใช้ได้ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และ เดบิต โดยเราโดยสาร จากที่นี่เข้าไป Downtown โดยลงที่สถานี Powell station ราคาก็อยู่ที่ $ 8.25/person ค่ะ
ลากกระเป๋ากันไปเรื่อยๆเด็กๆ นั่งมายาวๆหกชั่วโมงตอนนี้ยังไงก็มีแรง
ซื้อบัตรเข้าเมืองมุงอยู่ในตู้กว่าจะใช้เป็น และภาพบรรยากาศในรถไฟ
เนื่องจากไม่ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้เข้ามาท่องเที่ยวด้วยกัน เลยค่อนข้างไม่มีรูปที่ควรจะมี อยากจะบอกว่าในรถไฟนี้ ต้องจับกระเป๋าลากของเราไว้ดีๆด้วยนะ ไม่งั้นกระเป๋าจะหนีค่ะ ประสบการณ์ตรงจาก อปป้า ในทริปนี้ที่วิ่งตามกระเป๋าไปอีกโบกี้นึง เจ้ากระเป๋าไม่รักดี! ห้าๆๆๆ
Powell Station
ถึงแล้ว Powell station ย่าน downtown ของ SF หรือที่เรียกว่า Union square อ่ะแหละ จากนั้นเราก็ลากกระเป๋าตามสไตล์นักท่องเที่ยววัยใสเข้าที่พัก ซึ่งที่พักของเราในทริปนี้คือ San Francisco International Hostel จะว่าไปก็เหมือนที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะประหยัดค่าที่พัก หรืออาจจะชอบพักติดดินมากกว่าพักในโรงแรมหรูค่ะ ที่พบส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบ นักเรียน นักศึกษาที่มาเที่ยวกันกับเพื่อน หรือBackpacker ก็ความหมายตรงตัวค่ะคือที่พักนานาชาติ เป็นห้องรวมค่ะ อย่างของเรานี่ก็พักห้อง 4 คนแบบมีห้องน้ำในตัวค่ะ เป็นเตียง สองชั้นค่ะ ค่าใช้จ่ายคนละ $20 ต่อคืนค่ะ
*** เราลืมบอกที่นี่ Check in ได้ตอนบ่าย 2 แต่วันที่เรามาห้องมันว่างพอดี ก็เลยเข้าพักได้เลย Check out ก่อน 11 โมงเช้า wifi มีแต่สัญญาณจะแรงที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง และชั้น 2 จะมีโซฟาให้นั่งเล่นด้วย ส่วนปลั๊กไฟอ่ะ ในห้องนอนเรามีจุดเดียวเราไม่รู้ว่าห้องอื่นเป็นแบบไหน ถ้าสะดวกพกปลั๊กพ่วงไปก็ดี ถ้าไม่ก็หน้าห้องก็มี ที่ห้องนั่งเล่นก็มีเยอะเลย ส่วนบริเวณห้องนั่งเล่นจะมีเวทีเล็กๆไว้ปาตี้ด้วย แล้วแต่คืน ให้เช็คประกาศดู แล้วก็มีแป้งแพนเค้กกับน้ำผึ้งไว้ให้ทำกินเองฟรี แต่ใช้เตาแล้วต้องเก็บล้างเองนะเราอยู่กันเหมือนครอบครัว สำหรับคนที่ต้องการติดต่อที่บ้านแต่ไม่มีโน๊ตบุ๊คส์หรืออะไรก็ตามที่ต่อเน็ตได้ เค้าก็มีคอมส่วนกลางให้ใช้สามเครื่อง ใช้ได้คนละ 30 นาที แล้วก็เสื้อผ้าไม่ต้องแบกไปเยอะแบบเราก็ได้เพราะเราเพิ่งรู้ว่าเกือบทุกโฮสเทลที่เราไปมา มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบ บริการจ้า http://www.sanfranhostel.com/photo.html นี่คือเวปโฮสเทล แต่มันไม่ได้ใหม่ขนาดนี้นะ ให้เราเปรียบก็เหมือน 10 ปีหลังจากภาพพวกนี้ สำหรับเรา เรากินง่าย นอนง่ายเราก็เลยไม่มีปัญหา แล้วเราก็เป็นคนกลัวผีไทย พอไปเมืองนอกเราเลยอยู่ได้หมดเพราะเราว่าผีต่างชาติไม่น่ากลัว …
credit : Free Visitor Map SanFrancisco Fall/Winter 2013-2014
** ไม่ประทับใจอยู่สองอย่างค่ะคือ ลิฟ น่ากลัวมาก (ถ้าไม่ได้แบกของเยอะๆเราเลยเดินขึ้นลงดีกว่า แต่คนอื่นก็ใช้ปกตินะคะ) เค้าห้ามขึ้นเกินครั้งละ 4 คนด้วยค่ะ กับ ห้องนอนฮีตเตอร์ค่อนข้างทำร้ายจิตใจหรือตัวเองซวยไปเจอห้องที่มันเสียพอดีก็ไม่รู้ค่ะ เลยนอนหนาวกันไปสามคืนยาวๆค่ะ (ฝั่งแคลิฟอเนียไม่ได้หนาวมากนะคะแต่ก็เลขหลักเดียวกับสองหลักต้นๆเองค่ะช่วงนั้น)
หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกสำรวจพื้นที่แล้วค่ะ เย้!!
ตอนนี้บ่ายแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย จะไปไหนก็ยังไม่ค่อยจะรู้ทาง เลยตัดสินใจเปิดแอพ yelp ค่ะ (ตอนอยู่ที่นู้นเนี้ยจะกินอะไรเค้าจะเปิดดูรีวิวกันซะส่วนใหญ่ค่ะยิ่งมีหลายดาวยิ่งน่าสนใจค่ะ) หาร้านที่ใกล้ที่สุด สุดท้ายจบลงที่ร้านอาหารอินเดียค่ะ ร้าน"New Dehli" … ใกล้ที่พักที่สุด แต่ก็นั่นแหละค่ะ รสชาติก็ นะคะ เครื่องเทศเยอะ อีกทั้งอาจจะเป็นเพราะคนไทยนอกจากอาหารไทยแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ถูกปากอ่ะค่ะ แอบคิดในใจ โอ้ววว ทำไมรีวิวตั้ง 4 ดาวหว่าาาา
อาหารอินเดียสุ่มเมนู ราคา Lunch special $7.25
หลังจากอิ่มท้องเราก็เริ่มเดินกัน (บอกเลยทริปนี้เดินทนกันสุดๆทางที่ดีใส่รองเท้าผ้าใบจะดีกว่านะ ส้นสูง ส้นเข็มนี่อย่าเลยค่ะ) เรากลับไปยัง Powell station ที่เรามาตอนแรก แล้วเราก็เดินไปขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ ไปตามถนน Market street จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเพื่อเดินขึ้นเหนือไปทาง Montglomery station จุดหมายเราในวันนี้คือ Coit tower ค่ะ จะไปชมวิวเมือง แล้วก็ดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่นั่นค่ะ หลังจากเดินมาเรื่อยๆ โดยโซนนี้เรียกว่า North beach …
บรรยากาศย่าน Downtown ค่ะ
การจอดรถสไตล์นี้ต้องหักล้อหน่อยนะคะเดี๋ยวไหล เห็นว่าเป็นกฎหมายเลยมั้ง
ถึงแล้ว แต่โชคร้ายหน่อยคือเค้าปิดปรับปรุงค่ะ แต่ก็ขึ้นไปชมวิวได้ จนพระอาทิตย์ตกดินเราก็เริ่มเดินกลับกัน เราเดินมาผ่าน China town มีเพื่อนคนจีนอยู่ในทริปด้วย ดีเลยให้แนะนำร้านซะหน่อย แต่สุดท้ายหรอคะ ไม่ได้กินอะไรที่นี่เลย เยอะเกินเลือกไม่ถูกกัน เลยแวะซื้อไอติมกันแล้วกลับที่พักค่ะ (กินประชดชีวิตล่ะมั้งคะ หน๊าวหนาว) ผ่าน Union Square ด้วยค่ะแต่ไม่ได้ถ่ายรูป ก็ถามๆเพื่อนว่าจะกินอะไรบนห้าง Macy มั้ย พวกนั้นก็ถือคติต้องกินอาหารที่ไม่มีร้านในฟิลลี่ เท่านั้น เลยกลับที่พักกัน โดยแวะซื้อเบอร์เกอร์รีวิว yelp กินกัน รอบนี้อร่อยกว่าเมื่อกลางวันนะ แต่หิวไปหน่อยเลยไม่มีรูปมาให้ได้ชมกัน ก่อนนอนก็นี่เลยแทงพลูแข่งระดับประเทศกันนิดหน่อย ผลคือชนะ อปป้า ได้ด้วย ไม่ใช่ฝีมือนะคะ แต่ อปป้า ของเราทำลูกดำลงหลุมต่างหาก ฮ่าๆๆๆๆ
ชมวิวที่ COIT TOWER เสียใจอ่า มาตอนเค้าปิดซ่อมพอดี
ขากลับเดินผ่านไชน่าทาวน์ รู้สึกได้ถึงความเล็กของประตูปกติที่เห็นในเมืองอื่นจะอลังการกว่านี้มากค่ะ
ราตรีสวัสดิ์คืนแรกที่ซานฟรานฯค่ะ