"จดหมายน้อยจากศาล" ใบตองแห้ง .... ข่าวสด vs เขื่อนขันธ์ ... เดลินิวส์

กระทู้สนทนา
"จริยธรรมศาล" โดย ใบตองแห้ง   ข่าวสดออนไลน์

"...เป็น เพื่อนสนิทของหลานชายท่านประธานศาลปกครองสูงสุด และได้ช่วยดูแลการปฏิบัติภารกิจของท่าน
ประธาน ในหลายโอกาส ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดจึงขอความกรุณาท่าน ผบ.ตร.ช่วยพิจารณาสนับสนุน
ด้วยครับ"

นั่นคือ "จดหมายน้อย" ฝากตำรวจเป็นผู้กำกับของ ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง
ซึ่งหลังถูกเปิดเผย เจ้าตัวก็ยอมรับ แต่อ้างว่าไม่ได้ใช้อำนาจแทรกแซงบังคับ

"ตำรวจหลายคนก็ทำกันอยู่เป็นปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฎหมายอะไร"

ถูกต้องแล้วครับ ไม่ผิดกฎหมาย ถ้าสอบสวนพบว่านายตำรวจคนนั้นได้ตำแหน่งตามที่ฝากฝัง คนผิดก็คือ ผบ.ตร.
หรือรอง ผบ.ตร.

แต่ยังมีคำคำหนึ่งที่ฮิตกันเหลือเกิน เวลาใช้กับนักการเมือง นั่นคือ "จริยธรรม" และการกระทำขัดกันแห่งผล
ประโยชน์

คุณดิเรกฤทธิ์ให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ไม่ยักปฏิเสธว่าท่านหัสวุฒิ วิทิตวิริยะกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ไม่รู้ไม่
เห็น ซ้ำยังเป็นการ "ฝากเด็ก" โดยอ้างประโยชน์ส่วนตัวท่านประธาน นั่นคือเป็นเพื่อนสนิทหลาน และติดตามดูแล

ฉะนั้น การที่ท่านประธานตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยตัวเองปิดปากเงียบ ไม่ให้ข้อเท็จจริง ว่าเกี่ยวข้อง
ด้วยหรือไม่ จึงไม่เพียงพอ

บาง คนอาจบอกว่าเฮ้ยนี่เรื่องเล็กอย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ ทะเลาะกันเรื่องบ้านเมืองดีกว่า แต่บ้านเมืองกำลังทะเลาะ
กันเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องความเชื่อ ว่าอำนาจที่มาจากเลือกตั้งเลวกว่า อำนาจที่มาจากแต่งตั้งดี มีศีลธรรมสูงกว่า
โดยเฉพาะอำนาจศาล พิพากษาอะไรประหนึ่งประกาศิตสวรรค์ จนแทบจะเป็นระบอบ "ศาลาธิปไตย" ศาลเป็นใหญ่
คับประเทศแล้ว

กระนั้นเอาเข้าจริง ใช่ไหมว่าที่เราเห็นนักการเมืองชั่วเพราะเราตรวจสอบได้ ถลกหน้าถลกหลัง กางเกงในมีกี่ตัว
แทบต้องแจ้งให้หมดในบัญชีทรัพย์สิน แต่ศาลไม่ต้อง องค์กรอิสระไม่ต้อง ทั้งที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย ตั้งแต่ชีวิต
คนไปจนสถานการณ์การเมือง

ศาลมักอ้างว่าศาลตรวจสอบกันเอง ตรวจสอบยังไงครับ แบบท่านประธานตั้งกรรมการสอบเลขาฯ นี้หรือ

บางคนบอกว่าป.ป.ช.ก็มี แต่ทราบหรือไม่ คำร้องศาลปกครองค้างอยู่ในป.ป.ช.เท่าไหร่ ตั้งแต่เรื่องที่ท่านประธาน
นั่งบัลลังก์พิจารณาคดีที่ลูกสาวตัวเองเป็นทนาย เรื่องกล่าวหาท่านอดีตประธานออกระเบียบเพื่อเอื้อให้ตัวเองได้
รับแต่งตั้ง เป็นที่ปรึกษาหลังเกษียณอายุ

ที่สำคัญคือคดีแถลงการณ์ร่วม ปราสาทพระวิหาร ซึ่งพันธ มิตรฯ ฟ้อง แล้วศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราวกลาง
ดึก ทั้งที่นักกฎหมายมหาชนหลายท่านเช่น อ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เห็นว่าศาลไม่มีอำนาจ

คดีนี้รัฐบาลสมัครอุทธรณ์ศาลปกครองสูง สุด อดีตประธานมอบให้องค์คณะที่ 2 พิจารณา ตุลาการเสียงข้างมาก
3 ใน 5 ให้กลับคำสั่งศาลชั้นต้นและยกคำร้องพันธมิตรฯ แต่ระหว่างร่างคำสั่งตุลาการหัวหน้าคณะกลับสละสำนวน
แล้วท่านอดีตประธานก็โยกไปองค์คณะที่ 1 ที่ท่านเป็นหัวหน้าคณะเอง มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นเฉยเลย

เหตุเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 เรื่องเพิ่งแดงเมื่อปี 2553 ถูก ร้องป.ป.ช.ว่าแทรกแซงความเป็นอิสระของตุลาการ
ผ่านไป 3 ปีกว่ายังเงียบ ไม่ทราบว่าสำนวนหายตอนน้ำท่วมหรือเปล่า

ป.ป.ช.ยังเคยชี้คดี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตั้งลูกชายเป็นเลขานุการแล้วอนุญาตให้ลาไปเรียนเมือง นอก ว่าเป็น
การอนุญาตโดยพลการ ปราศจากอำนาจหน้าที่ แต่เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่จึงไม่ใช่ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
เพียงรับผิดทางแพ่งชดใช้เงินคืนเท่านั้น

เรื่องอย่างนี้องค์กรเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศเห็นว่าโปร่งใสไหมครับ

ป.ป.ช. เพิ่งชี้มูล 36 ส.ว.และจะชี้มูล 200 กว่าส.ส.ฐานแก้ไขรัฐธรรมนูญให้วุฒิสภามาจากเลือกตั้ง ตามคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญที่หาว่าแก้ไขเพื่อให้ตัวเองหรือพวกพ้องได้อำนาจ

มอง ย้อนหน่อยสิครับ ที่ขัดขวางไม่ให้แก้ใครได้อำนาจ ถ้าส.ว.ครึ่งหนึ่งยังลากตั้ง ถ้าการสรรหาองค์กรอิสระยังคง
เดิม พวกพ้องใครได้อำนาจ ก็ตุลาการไม่ใช่หรือตบเท้าพึ่บพั่บมายึดครององค์กรอิสระ

นี่ คือเรื่องใหญ่ เรากำลังสู้กันในหลักประชาธิปไตย ทุกอำนาจต้องตรวจสอบได้ การเลือกตั้งคือพื้นฐานการตรวจ
สอบ ประชาธิปไตยไม่ยึดติด "คนดี" ประชาธิปไตยเชื่อว่าทุกคนเป็นมนุษย์ขี้เหม็น ใครมีอำนาจก็ชั่วได้ทั้งนั้นไม่เว้น
แม้ตัวเราเอง

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9UQTBOVFUyTlE9PQ==&sectionid=



พูดความจริง   เขื่อนขันธ์    เดลินิวส์ออนไลน์

ทำเอาฮือฮากันไป ทั้งแวดวงตุลาการและมวลหมู่ผู้สวมเครื่องแบบสีกากี หลังจากจดหมายของผู้บริหารศาล
ปกครอง ที่ส่งไปถึง “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผบ.ตร. ให้ช่วย สนับสนุนนายตำรวจบางนาย ให้ได้รับการ
พิจารณาในช่วงแต่งตั้งโยกย้าย ถูกนำมาเปิดเผยและถูกวิจารณ์ว่า ไม่เหมาะสม


จึงชอบแล้วที่ “นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล” ประธานศาลปก ครองสูงสุด จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง
เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่า เรื่องนี้มีที่ไปที่มาเป็นอย่างไร อย่าลืมว่า “ศาลปกครอง” มีอำนาจพิจารณารับคำร้อง จาก
ข้าราชการ ที่คิดว่าตนเอง ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้าย หากปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป จะ
กลายเป็นข้อครหาเสียเปล่า ๆ


คิดดู...พอเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวไปไม่นาน...น.ส.สิริมาสุนาวิน คณะทำงาน ศอ.รส. รีบออกมาแถลงทันที
ว่าการกระทำของผู้บริหารศาลปกครอง เข้าข่ายเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจอย่าง
ชัดเจน แถมยังกล้าพูดถึงขั้นว่า เป็นการกระทำที่สมควร ประณามอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีการสอบสวนหา
ข้อเท็จจริง ... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


เรียกว่างานนี้ เข้าทางขบวนการ ทำลายความน่าเชื่อถือของตุลาการ ทันที เนื่องจากกำลังมีการวินิจฉัยคดีสำคัญ
หลายเรื่อง งานนี้เชื่อว่า หากไม่มี “แบ๊กดี” ไม่มีใครหนุนหลัง เชื่อได้ว่า น.ส.สิริมา คงไม่กล้าท้าชนศาลปกครอง


แต่งานนี้อาจเป็นบทพิสูจน์ว่า นอกจากบ้านเราจะมี สีกากีมะเขือเทศ นายทหารแตงโม ยังมี นักกฎหมายที่ยอม
ทอดกายถวายตัว เป็นข้าทาสรับใช้ ’นายใหญ่“ แฝงกายอยู่ในกระบวนยุติธรรม โดยมี “อดีตนายกรัฐมนตรี” บาง
คนดำรงตนเป็น “ล็อบบี้ยีสต์” หวังแทรกแซง ตุลาการและองค์กรอิสระ เพื่อประโยชน์จากการตัดสินคดีความต่าง ๆ


จริง ๆ คงต้องบอกว่า ในช่วงที่บ้านเมืองมีความขัดแย้ง หน่วยงานที่น่าเห็นใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “สำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ (สตช.)” ในฐานะเป็น ผู้บังคับใช้กฎหมาย เพราะถ้าทำงานตรงไปตรงมา ก็อาจขัดใจผู้มีอำนาจ
บางคน หลายครั้งเลยเกิดปรากฏการณ์ ’เอาหูไปนา เอาตาไปไร่“ ปล่อยให้คดีหลายคดีเงียบไป แต่บางคดีกลับ
เร่งรัดเพื่อเอาใจผู้มีอำนาจ   [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


แม้กระทั่งการแต่งตั้งโยกย้าย หากนายตำรวจคนไหน ยอมสยบต่ออำนาจการเมือง หวังจะได้ดิบได้ดีในตำแหน่ง
ที่สำคัญ หลายครั้งเลยทำให้หลักกฎหมายเบี่ยงเบนไป


บางคนอาจเถียงว่า สตช. มี “คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)” ช่วยตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้าย แต่หลาย
ครั้ง องค์กรนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นเวทีไว้แบ่งเค้กกัน ทำให้มีข่าวผู้รักษากฎหมายหลายคน ต้องเสียของมีค่า สิ่งที่คน
ไทยเคารพบูชาอย่าง “พระ” ก็ยังต้องยอมนำไปมอบให้ ก.ตร. บางคน เพื่อแลกกับเก้าอี้ที่ดูแล พื้นที่ทำเลทอง


เมื่อ เกิดความไม่เป็นธรรม กับองค์กรรักษากฎหมาย นับตั้งแต่ผู้มีอำนาจบางคนพยายามสถาปนา ’รัฐตำรวจ“
หลายคนเลยภาวนาให้ “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” อดีต ผบ.ตร. หรือ “บิ๊กน้อย” กล้าให้ข้อเท็จจริงกับศาล
รัฐธรรมนูญ ในฐานะ พยานปากสำคัญ ในคดีโยกย้าย “นายถวิล เปลี่ยนศรี” ไปดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษานายก
รัฐมนตรี โดยมิชอบ


อย่าลืมว่า “บิ๊กน้อย” มีส่วนสำคัญ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน สมช. หลังจาก “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” รับ
ตำแหน่งนายกรัฐ มนตรีได้ไม่นาน พูดกันตรง ๆ ถ้า “พล.ต.อ.วิเชียร” มีหลักการ ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ ผบ.ตร.
เพื่อเปิดทางให้ “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” เข้ามารับบท “แม่ทัพสีกากี” แทน วันนี้ ’กฎแห่งกรรม“ คง
ไม่ตามมาไล่ล่าผู้นำรัฐบาล


อาจเป็นเพราะ “บิ๊กน้อย” ทนแรงกดดันไม่ไหว หากยืนยันจะ ยึดเก้าอี้ ผบ.ตร. ต่อไป เพราะต้องทำงานกับ
รัฐบาลที่ไม่ยอมรับตนเอง หรือทนข้อเสนอที่เย้ายวนใจไม่ไหว ได้ทั้งตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงคมนาคม” และ
เก้าอี้ “ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” เป็นสิ่งแลกเปลี่ยน


วันที่ 6 พ.ค. คนไทยจะได้รู้กัน อดีตนายตำรวจที่เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา จะกล้าพูดความจริงกับศาลรัฐธรรมนูญ
หรือไม่ ผมเชื่อว่า นอกจากนายถวิล อยากรู้ ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองถูกโยกย้าย คนไทยที่รักความถูก
ต้องก็คงอยากรู้คำตอบเหมือนกัน.

http://www.dailynews.co.th/Content/Article/234535/%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่