อ่านอันนี้เรื่องเครดิตการ์ดด้วยก็ดีครับ
http://ppantip.com/topic/31886314
อยู่ USA มาซักพักถึงรู้ว่าบัตรเครดิตมันให้ cashback เพิ่ม ถ้าซื้อของ online แต่ถ้าไม่มีเครดิตการ์ดมันก็ยังมีลู่ทาง แถมลู่ทางพวกนี้ถ้า mix ดีๆมันยังช่วยให้เราใช้จ่ายได้ครบตามเงื่อนไขเพื่อเอา sign up bonus ด้วย เช่น ใช้ 3000$ ภายใน 3 เดือนแล้วจะได้ bonus 400$ เป็นต้น
เนื้อหาจะค่อนข้าง งง ยังไงผมจะพยายาม structure ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ
1. หา
Coupon Code เช่น เวป Retailmenot จะซื้ออะไร ก็หา coupon ซะหน่อยเผื่อมีส่วนลด
2.
Signup for newsletter/social network บางที sign up ครั้งแรกก็ได้ส่วนลดเช่นเวป Kate Spade ได้ 15% แถมถ้า signup ไว้ก็อาจมีโปรส่งมาให้ดูเรื่อยๆ ถ้าใจไม่แข็งก็หวั่นไหวชอปบ่อย อันนี้ก็ต้องระวังกันบ้าง หรือถ้ารำคาญเมลเยอะก็เลี่ยงกันไปนะครับ
3.
Shopping Portal ก็คือให้เข้าเวปนึงก่อนที่เป็น portal แล้วต่อไปยังเวปที่เราจะชอป ถ้าเข้าผ่านก็จะได้ cashback ใน portal มักมี coupon code ให้เราด้วย ข้อควรระวังคือถ้าใช้ gift card หรือ คูปองพิเศษมากๆ แบบเฉพาะเราคนเดียวเท่านั้นอาจจะทำให้ไม่ได้ cashback
3.1
Credit card portal เช่น CHASE ultimate rewards, shop DISCOVER อันนี้ถ้าไม่มีบัตรเครดิตที่ร่วม เช่น CHASE FREEDOM, DISCOVER IT ก็อดครับ ส่วนลดก็ได้ตั้งแต่ 1% ถึง 20% แล้วแต่ช่วงเวลา และ portal เงื่อนไขก็อาจจะเยอะหน่อย เช่น Discover ให้ 5% expedia แต่ให้เฉพาะโรงแรม หรือ package tour ถ้าซื้อตั๋วเครื่องบินอย่างเดียวจะไม่ให้
3.2
Frequent Flyer portal เช่น United shopping, Delta shopping อันนี้ใช้บัตรอะไรรูดก็ได้ ขอแค่เข้าผ่าน portal ก็ได้สะสมไมล์จากการชอปปิ้ง วิธีนี้ดีสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้บิน เลยกลัวไมล์จะหมดอายุ เงื่อนไขหมดอายุ คือ 1 ปีไม่มีความเคลื่อนไหวในบัญชี (ประมาณนี้นะครับ จำตัวเลข exact ไม่ได้) เราเลยชอปนิดๆหน่อยๆ ให้ account เราเคลื่อนไหวบ้าง
3.3
Cashback/Points Portal เช่นเวป Ebates, MrRebates, Upromise, Mypoints หลักการก็เหมือนๆกัน ก็สมัครสมาชิกกับเวปฟรี แล้วก็เข้าเวปของเค้า จากนั้นก็ลิ้งไปเวปที่เราจะชอป ชอปเสร็จก็ได้ cashback เข้า account ที่เราสร้างกับเวปนั้นๆ ถ้าสะสม cashback ถึงจำนวนที่กำหนด หรือเวลาที่กำหนด เค้าก็ส่งเชคให้เรา ที่เราต้องคิดคือสะสม cashback นี่มันต้องเท่าไหร่กันแน่เกิดเราเห็นว่าให้ cashback หลาย % แต่กว่าจะถึงจำนวนที่เค้ากำหนดว่าจะส่งเชคให้อาจนานเกินไป หรือการที่เรามี account หลายๆเจ้า แต่ไม่ถึง minimum requirement ซักเจ้าเป็นต้น
3.4 โห งี้กว่าจะรู้ว่าใช้ portal ไรดี เวลาชีวิตหมดพอดี มันมีเวป ranking ชื่อ
EVrewards ใส่ชื่อร้านเข้าไปเดี๋ยวมันก็บอกว่า portal เจ้าไหนให้กี่ % เช่นใส่ macy’s เข้าไป มันก็จะบอกว่า shop discover ให้ 10% chase ultimate rewards ให้ 5% ebates ให้ 6% เป็นต้น (
http://www.evreward.com/store/go/1421)
4.
Gift Card (GC) ก็เหมือนบัตรกำนัลมูลค่า 500 บาทเซ็นทรัล ที่เราคุ้นเคยกันดี นึกอะไรไม่ออกก็ซื้อบัตรเซ็นทรัล บัตร starbucks มาจับฉลากปีใหม่กับเพื่อนๆ ทีนี้มันก็เลยมีเวปเป็นสื่อกลางคนไม่ใช้ก็อยากขาย คนจะชอปก็อยากซื้อ สื่อกลางก็เก็บ % ตามเรื่องตามราว ยิ่งบัตรมูลค่ามาก เป็นร้านที่ไม่ได้ยอดฮิต ไม่ได้ขายทุกอย่างบนโลก มักจะให้ส่วนลดมาก เช่น Amazon gift card ลดอย่างมากก็ 2% เพราะ Amazon นี่แทบจะขายทุกอย่าง แต่ถ้าเป็น Hollister GC อาจจะได้ซัก 6% option นี้อาจจะวุ่นวายเพราะมูลค่า gift card ที่เราหาได้อาจไม่ตรงกับมูลค่าของที่เราจะซื้อ และการ combine หลายๆ gift card ในการซื้อ 1 order ก็ไม่แน่ว่าจะ unlimit กี่ใบก็ได้
4.1 เช่นเวป Raise, Giftcardspread, Giftcardgranny ก็ไปดูราคากันได้ เวปพวกนี้ก็ใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตนี่แหละซื้อ ซื้อเสร็จก็ได้ ecode หรือไม่ก็ต้องรอบัตรแข็งส่งมาที่บ้าน ข้อควรระวังก็เช่น gift card/merchandise card อาจต่างกันแล้วแต่ร้าน เช่น บางที merchandise card ซื้อ online ไม่ได้เป็นต้น
4.2 ใช้บัตรเครดิตที่มีส่วนลดพิเศษตามห้าง เพื่อซื้อ gc ของร้านอื่นอีกที อันนี้เริ่มวุ่นวาย เช่น ผมมีบัตร Chase Freedom มันให้ 5% cashback สำหรับ ห้าง LOWES ระหว่างเดือนมีนาถึงมิถุนา ผมก็ไป LOWES (คล้ายๆ homepro บ้านเรา) แล้วก็ไปหาซื้อ gift card ที่นั่น โดยมากก็ควรจะเป็น gift card ที่หาราคาได้น้อยกว่า 6% จากข้อ 4.1 ยกตัวอย่าง ถ้า Hollister GC ลด 5% จากเวป Raise แปลว่า เราได้ 5% กับอีก 1% ถ้าเราใช้เครดิตการ์ดทั่วไปรูด แล้วงี้เราจะไปซื้อที่ LOWES ทำไม แต่กลับกัน ถ้าซื้อ amazon จาก raise ได้ 2% +1% เราซื้อที่ LOWES ได้ 5% เป็นต้น ทีนี้ก็แล้วแต่ดวง เพราะพนักงาน LOWES บางท่านก็ไม่ยอมให้ซื้อ gift card ทีละเยอะๆ บางท่านก็ยอม และควรคิดด้วยว่าถ่อไป LOWES คุ้มหรือไม่ ค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลา
4.3 การใช้ gift card มักจะร่วมกับ ข้อ 3 ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เปรียบเทียบกันให้ดีก่อนละกันครับว่าใช้อะไรดีกว่ากัน
5. ซื้อ
visa gift card ไปเลย ที่ไทยอาจไม่ค่อยคุ้น มันคือ debit card เลยแหละครับ ในบัตรมีอยู่ 100$ ไปใช้ที่ไหนก็ได้ที่รับ visa มูลค่าในบัตรก็หักๆไป อันนี้เป็น option ที่เหมาะ ถ้าต้องการใช้บัตรเครดิตให้ครบ sign up แต่ข้อเสียมันคือเราต้องเสีย activation fee ในการซื้อ visa gc เช่น ถ้าซื้อตาม super market บัตรแพงสุดคือ 500$ ต้องจ่าย 6$ extra คิดเป็น 1.2% เพราะเค้าก็ต้องกัน Arbitrage แต่ถ้าคิดว่าซื้อของ super market ได้ 3% จากบัตรเครดิตบางใบ หรือ ได้ 1% จากบัตรทั่วไป วิธีนี้ก้อไม่ได้แย่มาก แถมวิธีนี้ใช้ผสมกับข้อ 3 หรือ 4 ได้ด้วย ก็เหมือนได้ on top กันไป ขอแถมข้อ 5.1 เอาไว้หน่อยนะครับได้เห็นประโยชน์ของ visa gc
5.1 Amex BlueBird (ความวุ่นวายขั้นสุดเพื่อเก็บ sign up bonus) มันคือ checking account เลยล่ะ แต่เติมเงินเข้าไปในบัญชีด้วย debit card แบบ visa gc ได้ที่ Walmart แปลว่าเราสามารถออกเชคไปจ่ายค่าบ้านได้ จ่ายบัตรเครดิตก็ยังได้แต่ที่วุ่นคือ เราต้องเริ่มจากเปิดบัญชี bluebird (free, online) ซื้อ visa gc ตามด้วย register gc ทำไงก้อได้ให้ได้ pin ไป Walmart เติมเงินเข้าบัญชี แล้วถึงจะเริ่มใช้จ่ายได้ แถมเติมเงินได้วันละแค่ 1000$ ถ้าบ้านไม่ใกล้จิงผมว่าไม่น่าคุ้ม ลองคิดเล่นๆ ว่าเช่าบ้านเดือนละ 1000 ใช้จ่ายเดือนละ 1000 ผ่านบัตรเครดิต ถ้ามีบัตรเทพหน่อย offset 1.2% activation fee ไปได้ แถมได้อีกซัก 1% ก็แปลว่าเราต้องรูดเครดิตการ์ดเพื่อซื้อ visa gc อีก 2000$ ก็ได้ ประมาณ 20$ ต่อเดือน
6.
Refer ตัวเอง บางร้านเช่น groupon และบาง shopping portal เช่น Ebates มีโปรแกรม refer เพื่อน ก็คือส่งเมลชวนเพื่อนเป็นสมาชิก ถ้าเพื่อนกดผ่านลิ้งนั้นแล้วซื้อของ เราก็ได้ cashback เพิ่ม เช่น groupon ให้คนละ 10$ Ebates ให้ 20$ คนแรก 25$, 30$ สำหรับคนที่ 2 และ 3 แต่ผมไม่แนะนำให้ refer เพื่อนเพราะบางทีอาจผิดใจกันได้ถ้าสถานการ์ไม่ win-win เช่น refer groupon แล้วเราได้ 10$ แต่เค้าไม่ได้ ก็ควรจะต้องแบ่งกันไป หรือ Ebates ถ้าสมัครตรงๆ แบบไม่ refer เทียบกับ refer แล้วอันไหนดีกว่ากัน สุดท้ายเพื่อนที่ได้ 20$ จะแบ่งรึเปล่า ถ้าเจอเพื่อนคิดมากก็อาจมีปัญหากันได้ ผมเลยว่ามี email หลาย account แล้ว refer ตัวเองเอาดีกว่า แล้วก็ซื้ออะไรเล็กๆ เพื่อให้ได้ cashback จากการ refer ก็พอ เพราะบางทีอาจจะสะสม cashback ใน account นั้นไม่ถึง minimum requirement ที่มันจะส่งเชคมา
Flow chart ที่ผมใช้คือ
1. จะซื้ออะไร
2. ซื้อร้านไหนดี เชคราคาแบบ item นี้ร้านไหนราคาเท่าไหร่ จากพวก shopping portal ได้นะครับ ผมใช้ shop discover, chase ultimate เชคเอา จากนั้นก็จดๆราคาไว้ซัก 2-3 ร้าน
3. เชค promotion/coupon
4. เชค portal ว่า portal ไหนให้เยอะสุด
5. เทียบ portal/gift card ว่าอันไหนจะเยอะกว่า อันนี้ทำ Excel ไปเลยครับ ไม่งั้นงงมากแน่ๆ เพราะ portal ให้ cashback จากราคาของก่อน + tax แต่ gift card มันก็หักจากราคารวมทุกสิ่งอย่างแล้ว แปลว่าบางทีเราจดราคาไว้ 2-3 ร้าน ร้านที่ราคาตั้งต้นแพงแต่ถ้าโปรดีกว่า cashback จาก portal เยอะกว่า สุดท้ายก็อาจจะถูกกว่าได้ครับ
6. ซื้อ (ถ้าคล่องๆ แล้ว process ทั้งหมดไม่เกิน 30 นาทีครับ แต่นานสุดคือโดน distract เปลี่ยน item ไปเรื่อยๆ แบบจะซื้อเป้ใบ A ดูๆ หาราคาจนจะเสร็จ ดันไปเจอใบ B สวยกว่า)
ชอปให้สนุกครับ
แนวทางการประหยัดจากการ Shopping Online in USA
http://ppantip.com/topic/31886314
อยู่ USA มาซักพักถึงรู้ว่าบัตรเครดิตมันให้ cashback เพิ่ม ถ้าซื้อของ online แต่ถ้าไม่มีเครดิตการ์ดมันก็ยังมีลู่ทาง แถมลู่ทางพวกนี้ถ้า mix ดีๆมันยังช่วยให้เราใช้จ่ายได้ครบตามเงื่อนไขเพื่อเอา sign up bonus ด้วย เช่น ใช้ 3000$ ภายใน 3 เดือนแล้วจะได้ bonus 400$ เป็นต้น
เนื้อหาจะค่อนข้าง งง ยังไงผมจะพยายาม structure ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ
1. หา Coupon Code เช่น เวป Retailmenot จะซื้ออะไร ก็หา coupon ซะหน่อยเผื่อมีส่วนลด
2. Signup for newsletter/social network บางที sign up ครั้งแรกก็ได้ส่วนลดเช่นเวป Kate Spade ได้ 15% แถมถ้า signup ไว้ก็อาจมีโปรส่งมาให้ดูเรื่อยๆ ถ้าใจไม่แข็งก็หวั่นไหวชอปบ่อย อันนี้ก็ต้องระวังกันบ้าง หรือถ้ารำคาญเมลเยอะก็เลี่ยงกันไปนะครับ
3. Shopping Portal ก็คือให้เข้าเวปนึงก่อนที่เป็น portal แล้วต่อไปยังเวปที่เราจะชอป ถ้าเข้าผ่านก็จะได้ cashback ใน portal มักมี coupon code ให้เราด้วย ข้อควรระวังคือถ้าใช้ gift card หรือ คูปองพิเศษมากๆ แบบเฉพาะเราคนเดียวเท่านั้นอาจจะทำให้ไม่ได้ cashback
3.1 Credit card portal เช่น CHASE ultimate rewards, shop DISCOVER อันนี้ถ้าไม่มีบัตรเครดิตที่ร่วม เช่น CHASE FREEDOM, DISCOVER IT ก็อดครับ ส่วนลดก็ได้ตั้งแต่ 1% ถึง 20% แล้วแต่ช่วงเวลา และ portal เงื่อนไขก็อาจจะเยอะหน่อย เช่น Discover ให้ 5% expedia แต่ให้เฉพาะโรงแรม หรือ package tour ถ้าซื้อตั๋วเครื่องบินอย่างเดียวจะไม่ให้
3.2 Frequent Flyer portal เช่น United shopping, Delta shopping อันนี้ใช้บัตรอะไรรูดก็ได้ ขอแค่เข้าผ่าน portal ก็ได้สะสมไมล์จากการชอปปิ้ง วิธีนี้ดีสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้บิน เลยกลัวไมล์จะหมดอายุ เงื่อนไขหมดอายุ คือ 1 ปีไม่มีความเคลื่อนไหวในบัญชี (ประมาณนี้นะครับ จำตัวเลข exact ไม่ได้) เราเลยชอปนิดๆหน่อยๆ ให้ account เราเคลื่อนไหวบ้าง
3.3 Cashback/Points Portal เช่นเวป Ebates, MrRebates, Upromise, Mypoints หลักการก็เหมือนๆกัน ก็สมัครสมาชิกกับเวปฟรี แล้วก็เข้าเวปของเค้า จากนั้นก็ลิ้งไปเวปที่เราจะชอป ชอปเสร็จก็ได้ cashback เข้า account ที่เราสร้างกับเวปนั้นๆ ถ้าสะสม cashback ถึงจำนวนที่กำหนด หรือเวลาที่กำหนด เค้าก็ส่งเชคให้เรา ที่เราต้องคิดคือสะสม cashback นี่มันต้องเท่าไหร่กันแน่เกิดเราเห็นว่าให้ cashback หลาย % แต่กว่าจะถึงจำนวนที่เค้ากำหนดว่าจะส่งเชคให้อาจนานเกินไป หรือการที่เรามี account หลายๆเจ้า แต่ไม่ถึง minimum requirement ซักเจ้าเป็นต้น
3.4 โห งี้กว่าจะรู้ว่าใช้ portal ไรดี เวลาชีวิตหมดพอดี มันมีเวป ranking ชื่อ EVrewards ใส่ชื่อร้านเข้าไปเดี๋ยวมันก็บอกว่า portal เจ้าไหนให้กี่ % เช่นใส่ macy’s เข้าไป มันก็จะบอกว่า shop discover ให้ 10% chase ultimate rewards ให้ 5% ebates ให้ 6% เป็นต้น (http://www.evreward.com/store/go/1421)
4. Gift Card (GC) ก็เหมือนบัตรกำนัลมูลค่า 500 บาทเซ็นทรัล ที่เราคุ้นเคยกันดี นึกอะไรไม่ออกก็ซื้อบัตรเซ็นทรัล บัตร starbucks มาจับฉลากปีใหม่กับเพื่อนๆ ทีนี้มันก็เลยมีเวปเป็นสื่อกลางคนไม่ใช้ก็อยากขาย คนจะชอปก็อยากซื้อ สื่อกลางก็เก็บ % ตามเรื่องตามราว ยิ่งบัตรมูลค่ามาก เป็นร้านที่ไม่ได้ยอดฮิต ไม่ได้ขายทุกอย่างบนโลก มักจะให้ส่วนลดมาก เช่น Amazon gift card ลดอย่างมากก็ 2% เพราะ Amazon นี่แทบจะขายทุกอย่าง แต่ถ้าเป็น Hollister GC อาจจะได้ซัก 6% option นี้อาจจะวุ่นวายเพราะมูลค่า gift card ที่เราหาได้อาจไม่ตรงกับมูลค่าของที่เราจะซื้อ และการ combine หลายๆ gift card ในการซื้อ 1 order ก็ไม่แน่ว่าจะ unlimit กี่ใบก็ได้
4.1 เช่นเวป Raise, Giftcardspread, Giftcardgranny ก็ไปดูราคากันได้ เวปพวกนี้ก็ใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตนี่แหละซื้อ ซื้อเสร็จก็ได้ ecode หรือไม่ก็ต้องรอบัตรแข็งส่งมาที่บ้าน ข้อควรระวังก็เช่น gift card/merchandise card อาจต่างกันแล้วแต่ร้าน เช่น บางที merchandise card ซื้อ online ไม่ได้เป็นต้น
4.2 ใช้บัตรเครดิตที่มีส่วนลดพิเศษตามห้าง เพื่อซื้อ gc ของร้านอื่นอีกที อันนี้เริ่มวุ่นวาย เช่น ผมมีบัตร Chase Freedom มันให้ 5% cashback สำหรับ ห้าง LOWES ระหว่างเดือนมีนาถึงมิถุนา ผมก็ไป LOWES (คล้ายๆ homepro บ้านเรา) แล้วก็ไปหาซื้อ gift card ที่นั่น โดยมากก็ควรจะเป็น gift card ที่หาราคาได้น้อยกว่า 6% จากข้อ 4.1 ยกตัวอย่าง ถ้า Hollister GC ลด 5% จากเวป Raise แปลว่า เราได้ 5% กับอีก 1% ถ้าเราใช้เครดิตการ์ดทั่วไปรูด แล้วงี้เราจะไปซื้อที่ LOWES ทำไม แต่กลับกัน ถ้าซื้อ amazon จาก raise ได้ 2% +1% เราซื้อที่ LOWES ได้ 5% เป็นต้น ทีนี้ก็แล้วแต่ดวง เพราะพนักงาน LOWES บางท่านก็ไม่ยอมให้ซื้อ gift card ทีละเยอะๆ บางท่านก็ยอม และควรคิดด้วยว่าถ่อไป LOWES คุ้มหรือไม่ ค่าน้ำมัน ค่าเสียเวลา
4.3 การใช้ gift card มักจะร่วมกับ ข้อ 3 ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เปรียบเทียบกันให้ดีก่อนละกันครับว่าใช้อะไรดีกว่ากัน
5. ซื้อ visa gift card ไปเลย ที่ไทยอาจไม่ค่อยคุ้น มันคือ debit card เลยแหละครับ ในบัตรมีอยู่ 100$ ไปใช้ที่ไหนก็ได้ที่รับ visa มูลค่าในบัตรก็หักๆไป อันนี้เป็น option ที่เหมาะ ถ้าต้องการใช้บัตรเครดิตให้ครบ sign up แต่ข้อเสียมันคือเราต้องเสีย activation fee ในการซื้อ visa gc เช่น ถ้าซื้อตาม super market บัตรแพงสุดคือ 500$ ต้องจ่าย 6$ extra คิดเป็น 1.2% เพราะเค้าก็ต้องกัน Arbitrage แต่ถ้าคิดว่าซื้อของ super market ได้ 3% จากบัตรเครดิตบางใบ หรือ ได้ 1% จากบัตรทั่วไป วิธีนี้ก้อไม่ได้แย่มาก แถมวิธีนี้ใช้ผสมกับข้อ 3 หรือ 4 ได้ด้วย ก็เหมือนได้ on top กันไป ขอแถมข้อ 5.1 เอาไว้หน่อยนะครับได้เห็นประโยชน์ของ visa gc
5.1 Amex BlueBird (ความวุ่นวายขั้นสุดเพื่อเก็บ sign up bonus) มันคือ checking account เลยล่ะ แต่เติมเงินเข้าไปในบัญชีด้วย debit card แบบ visa gc ได้ที่ Walmart แปลว่าเราสามารถออกเชคไปจ่ายค่าบ้านได้ จ่ายบัตรเครดิตก็ยังได้แต่ที่วุ่นคือ เราต้องเริ่มจากเปิดบัญชี bluebird (free, online) ซื้อ visa gc ตามด้วย register gc ทำไงก้อได้ให้ได้ pin ไป Walmart เติมเงินเข้าบัญชี แล้วถึงจะเริ่มใช้จ่ายได้ แถมเติมเงินได้วันละแค่ 1000$ ถ้าบ้านไม่ใกล้จิงผมว่าไม่น่าคุ้ม ลองคิดเล่นๆ ว่าเช่าบ้านเดือนละ 1000 ใช้จ่ายเดือนละ 1000 ผ่านบัตรเครดิต ถ้ามีบัตรเทพหน่อย offset 1.2% activation fee ไปได้ แถมได้อีกซัก 1% ก็แปลว่าเราต้องรูดเครดิตการ์ดเพื่อซื้อ visa gc อีก 2000$ ก็ได้ ประมาณ 20$ ต่อเดือน
6. Refer ตัวเอง บางร้านเช่น groupon และบาง shopping portal เช่น Ebates มีโปรแกรม refer เพื่อน ก็คือส่งเมลชวนเพื่อนเป็นสมาชิก ถ้าเพื่อนกดผ่านลิ้งนั้นแล้วซื้อของ เราก็ได้ cashback เพิ่ม เช่น groupon ให้คนละ 10$ Ebates ให้ 20$ คนแรก 25$, 30$ สำหรับคนที่ 2 และ 3 แต่ผมไม่แนะนำให้ refer เพื่อนเพราะบางทีอาจผิดใจกันได้ถ้าสถานการ์ไม่ win-win เช่น refer groupon แล้วเราได้ 10$ แต่เค้าไม่ได้ ก็ควรจะต้องแบ่งกันไป หรือ Ebates ถ้าสมัครตรงๆ แบบไม่ refer เทียบกับ refer แล้วอันไหนดีกว่ากัน สุดท้ายเพื่อนที่ได้ 20$ จะแบ่งรึเปล่า ถ้าเจอเพื่อนคิดมากก็อาจมีปัญหากันได้ ผมเลยว่ามี email หลาย account แล้ว refer ตัวเองเอาดีกว่า แล้วก็ซื้ออะไรเล็กๆ เพื่อให้ได้ cashback จากการ refer ก็พอ เพราะบางทีอาจจะสะสม cashback ใน account นั้นไม่ถึง minimum requirement ที่มันจะส่งเชคมา
Flow chart ที่ผมใช้คือ
1. จะซื้ออะไร
2. ซื้อร้านไหนดี เชคราคาแบบ item นี้ร้านไหนราคาเท่าไหร่ จากพวก shopping portal ได้นะครับ ผมใช้ shop discover, chase ultimate เชคเอา จากนั้นก็จดๆราคาไว้ซัก 2-3 ร้าน
3. เชค promotion/coupon
4. เชค portal ว่า portal ไหนให้เยอะสุด
5. เทียบ portal/gift card ว่าอันไหนจะเยอะกว่า อันนี้ทำ Excel ไปเลยครับ ไม่งั้นงงมากแน่ๆ เพราะ portal ให้ cashback จากราคาของก่อน + tax แต่ gift card มันก็หักจากราคารวมทุกสิ่งอย่างแล้ว แปลว่าบางทีเราจดราคาไว้ 2-3 ร้าน ร้านที่ราคาตั้งต้นแพงแต่ถ้าโปรดีกว่า cashback จาก portal เยอะกว่า สุดท้ายก็อาจจะถูกกว่าได้ครับ
6. ซื้อ (ถ้าคล่องๆ แล้ว process ทั้งหมดไม่เกิน 30 นาทีครับ แต่นานสุดคือโดน distract เปลี่ยน item ไปเรื่อยๆ แบบจะซื้อเป้ใบ A ดูๆ หาราคาจนจะเสร็จ ดันไปเจอใบ B สวยกว่า)
ชอปให้สนุกครับ