The Amazing Spider-Man 2 (2014)
• ผมชอบ The Amazing Spider-Man ภาคแรกของอีตามาร์ค เว็บบ์นะ
• ส่วนตัวคิดว่า Spider-Man ฉบับ reboot ของมาร์ค เว็บบ์มันเป็นการเปิดตัว superhero น้อง ๆ Batman Begins > X-Men First Class > Man of Steel > Iron Man และดีกว่า Spider-Man เวอชั่นแซม ไรมี่+ฮีโร่จากค่าย Marvel ที่เหลือทุกเรื่อง
• ที่ชอบ Amazing Spider-Man ภาคแรกก็เพราะตัวละครเกรียน ๆ ใกล้เคียงคอมมิค ชอบที่มันสร้างจุดแข็งให้เป็น superhero ที่มีความเป็นเด็กวัยรุ่น
• แน่นอนว่าผมไม่ชอบ Spider-Man เวอชั่นแซม ไรมี่สักภาค
• The Amazing Spider-Man 2 อาศัยเส้นเรื่องต่อจากภาคก่อนที่ปาร์คเกอร์ (Andrew Garfield) ดันไปสัญญากับพ่อของกเว็นว่าจะอยู่ห่าง ๆ เธอ (กเว็น สเตซี่รับบทโดย Emma Stone) พอมาภาคนี้ก็เลยอารมณ์ใจหนึ่งก็รักอยากอยู่ใกล้แต่ไม่อยากให้เธอเดือดร้อน
• มีคู่ปรับประจำภาคสองตัวคือ Electro และ Green Goblin
• และมีตัวร้ายสมทบปรากฎตัวเพื่อโปรโมทแผนการทำเงินในอนาคตอีกหลายตัวเหมือนกัน (ใครอยากรู้ว่ามีตัวไหนบ้างก็เชิญชมในโรงหรือเปิดหา easter egg ในกูเกิ้ลได้เลย)
• ตัวหนังมาพร้อมสเกลพล็อตยุ่บยั่บมาก ซึ่งถ้าได้ผู้กำกับ+คนเขียนบทฝีมือดีก็คงออกมาอลังการงานสร้างมาก แต่พอได้คนมือไม่ถึงมาใส่นั่นโน่นนี่เข้ามาเยอะมากทำให้มันไม่สามารถรักษาสมดุลได้ หรืออย่างดีก็ควรเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเลยแล้วใช้อันอื่นเป็นพล็อตเสริม/พล็อตรอง
• เช่นเส้นเรื่องความรักมุ้งมิ้งพ่อแง่
อนแบบวัยรุ่นระหว่างปาร์คเกอร์กับกเว็น ซึ่งมาในสไตล์ฝ่ายชายมีความลับเป็นสไปเดอร์แมนต้องมาคอยแอบดูนางเอกอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ อารมณ์หนังมันทำออกมาไม่สุด เส้นเรื่องโรแมนซ์วัยใสไม่อินเท่าภาคแรก
• อิเลคโตรไม่มีที่มาที่ไปเลย ประเด็น nobody care อยู่ดี ๆ ก็ยัดเยียดว่า "กูไม่มีคนสนใจ" "กูต้องการอยู่ในสายตาใครสักคน" มันแบบวันนาพยายามบิ๊วเสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรก็พูดย้ำอยู่นั่นแหละ เสียดายนักแสดงระดับเจมี่ ฟ็อกซ์เหมือนกันนะ
• ชอบเดน เดฮานมากกกกก ชอบมาตั้งแต่ตอนเล่น Chronicle น่ะแหละ เขาเหมาะกับบทว่าที่ตัวร้ายอย่างกรีน ก็อบลินมากกกกกกกก
• พูดถึงกรีน ก็อบลินแล้วก็เสียดายปมดราม่า คือหนังมันพยายามบิ๊วเหลือเกินว่าสไปเดอร์แมนคือความหวัง แล้วออสบอร์นไม่อยากตายก็เลยขอความช่วยเหลือจากสไปเดอร์แมนแต่ก็โดนปฏิเสธ
• สเกลพล็อตตรงนี้มันมีว่าสไปเดอร์แมนกลัวเพื่อนรักตายไง ส่วนออสบอร์นก็แบบกูจะตายอยู่แล้วให้กูวัดดวงเถอะ
• อีนี่เลยแค้นไง โดนบริษัทหักหลังแล้วสไปเดอร์แมนไม่ช่วยอีก ไปจับมืออิเลคโตรกลายเป็นตัวร้ายร่วมซะเลย
• อีตาปาร์คเกอร์กับออสบอร์นไปรักกันตอนไหนวะ โผล่มากอดคอกันเลย ปูพื้นสักนิดก็ได้ ไม่ใช่โผล่มาถึงนายเพื่อนสนิทเรานะ ตอนพ่อเราตายนายก็มาอยู่เป็นเพื่อนเรา ตอนนี้พ่อนายตายเราก็เลยมาหา คนไม่ใช่แฟนคอมมิคจะไปตรัสรู้ความสนิทของเอ็งไหม
• แล้วหนังยังจะพูดถึงพ่ออีก อารมณ์พระเอกอยากรู้ว่าพ่อเป็นใครเลยสืบเรื่องพ่อ แถมป้าเมย์ก็มาชวนดราม่าอีกแปปนึงพอเป็นพิธี
• นี่ดีนะภาคนี้ไม่ขุดดราม่าลุงเบ็น ไม่งั้นครบทีมเลย
• เหมือนหนังจะปูทางเรื่องบทบาทของ superhero? มีไว้ปกป้องเมืองแต่ใครจ่ายค่าเสียหายประมาณนั้น อารมณ์คล้าย ๆ กับการจำกัดสิทธิ superhero ใน Watchmen หรือ The Incredibles แต่ใส่มาหยุมหยิมมาก แถมตอนจบเรื่องนี่แบบจงใจบิ๊วเหลือเกิน
• ฉากแอ็คชั่นของ The Amazing Spider-Man 2 เน้นไปที่งาน cgi + slow-motion มากกว่าการออกแบบฉากต่อสู้เจ๋ง ๆ ของสไปเดอร์แมน
• ถ้าใครชอบดูฉากแอ็คชั่นขายงานเทคนิคก็คงปลาบปลื้มกันครับ
• ส่วนตัวผมว่าฉากต่อสู้แต่ละฉากไม่ผ่านเลยครับ ที่มีในตัวอย่างนั่นคืองัดทีเด็ดออกมาหมดแล้วด้วย
• ท้ายเครดิตมีฉากจากหนังเรื่อง X-Men: Days of Future Past
• เฮ้ย สองตัวละครนี้มันค่าย Marvel เหมือนกัน แต่ลิขสิทธิ์หนัง X-Men อยู่กับ Fox นิ (Spider-Man อยู่กับ Sony) แล้วมันมาฟีทเจอริ่งกันได้ไง
• ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ Sony อยากได้ตัวมาร์ค เว็บบ์มากำกับ Spider-Man ไง ซึ่งอีตาเว็บบ์ดันมีพันธะผูกพันกับ Fox อยู่
• Sony เลยยินยอมให้แปะฉาก X-Men ความยาวหนึ่งนาทีกว่า ๆ แลกกับการได้ตัวเว็บบ์มากำกับภาคต่อ
• ผมว่า Fox นี่ยิ้มเลย
• โดยส่วนตัวไม่คิดว่ามาร์ค เว็บบ์จะมีมูลค่าขนาดต้องยอมให้ Fox มาลูบเหลี่ยมแปะตัวอย่างหนังในท้ายเครดิตตัวเองนะ
• ประเด็นคือ X-Men ท้ายเครดิตยังตื่นตากว่า Spider-Man ทั้งเรื่อง!!
• Spider-Man ภาคต่อของเว็บบ์นี่คำวิจารณ์ก็ไม่ค่อยโอเค แถมสตูดิโอยังยัดเยียดใส่โครงสร้างจะทำภาคต่อเหล่าตัวร้ายอีก
• แล้วท้ายเครดิตตัวเองยังยอมให้ Fox มาลูบคมอีกแหม่
• X-Men เข้าโรงวันที่ 22 พฤษภาคมนี้นะจ๊ะ
--- ใครลังเลใจก็รอดูวันพุธราคาสบายกระเป๋านะครับ เก็บตังไว้ดู Godzilla กับ X-Men ด้วยนะครับแหม่
Director: Marc Webb
Marvel comic book: Stan Lee, Steve Ditko
Screen story: Alex Kurtzman, Roberto Orci, Jeff Pinkner, James Vanderbilt
Screenplay: Alex Kurtzman, Roberto Orci, Jeff Pinkner
Genre: Superhero, Action, Adventure, Romance, Fantasy
7/10
หนังโปรดของข้าพเจ้า:
https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
twitter: @myfavfilms
The Amazing Spider-Man 2 ประเด็นยุ่บยั่บเยอะเกินจนคุมสเกลหนังไม่อยู่ ฉากแอ็คชั่นเน้นโชว์ CGI แล้วยังเจอ X-Men ตบหน้าอีก
• ผมชอบ The Amazing Spider-Man ภาคแรกของอีตามาร์ค เว็บบ์นะ
• ส่วนตัวคิดว่า Spider-Man ฉบับ reboot ของมาร์ค เว็บบ์มันเป็นการเปิดตัว superhero น้อง ๆ Batman Begins > X-Men First Class > Man of Steel > Iron Man และดีกว่า Spider-Man เวอชั่นแซม ไรมี่+ฮีโร่จากค่าย Marvel ที่เหลือทุกเรื่อง
• ที่ชอบ Amazing Spider-Man ภาคแรกก็เพราะตัวละครเกรียน ๆ ใกล้เคียงคอมมิค ชอบที่มันสร้างจุดแข็งให้เป็น superhero ที่มีความเป็นเด็กวัยรุ่น
• แน่นอนว่าผมไม่ชอบ Spider-Man เวอชั่นแซม ไรมี่สักภาค
• The Amazing Spider-Man 2 อาศัยเส้นเรื่องต่อจากภาคก่อนที่ปาร์คเกอร์ (Andrew Garfield) ดันไปสัญญากับพ่อของกเว็นว่าจะอยู่ห่าง ๆ เธอ (กเว็น สเตซี่รับบทโดย Emma Stone) พอมาภาคนี้ก็เลยอารมณ์ใจหนึ่งก็รักอยากอยู่ใกล้แต่ไม่อยากให้เธอเดือดร้อน
• มีคู่ปรับประจำภาคสองตัวคือ Electro และ Green Goblin
• และมีตัวร้ายสมทบปรากฎตัวเพื่อโปรโมทแผนการทำเงินในอนาคตอีกหลายตัวเหมือนกัน (ใครอยากรู้ว่ามีตัวไหนบ้างก็เชิญชมในโรงหรือเปิดหา easter egg ในกูเกิ้ลได้เลย)
• ตัวหนังมาพร้อมสเกลพล็อตยุ่บยั่บมาก ซึ่งถ้าได้ผู้กำกับ+คนเขียนบทฝีมือดีก็คงออกมาอลังการงานสร้างมาก แต่พอได้คนมือไม่ถึงมาใส่นั่นโน่นนี่เข้ามาเยอะมากทำให้มันไม่สามารถรักษาสมดุลได้ หรืออย่างดีก็ควรเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเลยแล้วใช้อันอื่นเป็นพล็อตเสริม/พล็อตรอง
• เช่นเส้นเรื่องความรักมุ้งมิ้งพ่อแง่อนแบบวัยรุ่นระหว่างปาร์คเกอร์กับกเว็น ซึ่งมาในสไตล์ฝ่ายชายมีความลับเป็นสไปเดอร์แมนต้องมาคอยแอบดูนางเอกอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ อารมณ์หนังมันทำออกมาไม่สุด เส้นเรื่องโรแมนซ์วัยใสไม่อินเท่าภาคแรก
• อิเลคโตรไม่มีที่มาที่ไปเลย ประเด็น nobody care อยู่ดี ๆ ก็ยัดเยียดว่า "กูไม่มีคนสนใจ" "กูต้องการอยู่ในสายตาใครสักคน" มันแบบวันนาพยายามบิ๊วเสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรก็พูดย้ำอยู่นั่นแหละ เสียดายนักแสดงระดับเจมี่ ฟ็อกซ์เหมือนกันนะ
• ชอบเดน เดฮานมากกกกก ชอบมาตั้งแต่ตอนเล่น Chronicle น่ะแหละ เขาเหมาะกับบทว่าที่ตัวร้ายอย่างกรีน ก็อบลินมากกกกกกกก
• พูดถึงกรีน ก็อบลินแล้วก็เสียดายปมดราม่า คือหนังมันพยายามบิ๊วเหลือเกินว่าสไปเดอร์แมนคือความหวัง แล้วออสบอร์นไม่อยากตายก็เลยขอความช่วยเหลือจากสไปเดอร์แมนแต่ก็โดนปฏิเสธ
• สเกลพล็อตตรงนี้มันมีว่าสไปเดอร์แมนกลัวเพื่อนรักตายไง ส่วนออสบอร์นก็แบบกูจะตายอยู่แล้วให้กูวัดดวงเถอะ
• อีนี่เลยแค้นไง โดนบริษัทหักหลังแล้วสไปเดอร์แมนไม่ช่วยอีก ไปจับมืออิเลคโตรกลายเป็นตัวร้ายร่วมซะเลย
• อีตาปาร์คเกอร์กับออสบอร์นไปรักกันตอนไหนวะ โผล่มากอดคอกันเลย ปูพื้นสักนิดก็ได้ ไม่ใช่โผล่มาถึงนายเพื่อนสนิทเรานะ ตอนพ่อเราตายนายก็มาอยู่เป็นเพื่อนเรา ตอนนี้พ่อนายตายเราก็เลยมาหา คนไม่ใช่แฟนคอมมิคจะไปตรัสรู้ความสนิทของเอ็งไหม
• แล้วหนังยังจะพูดถึงพ่ออีก อารมณ์พระเอกอยากรู้ว่าพ่อเป็นใครเลยสืบเรื่องพ่อ แถมป้าเมย์ก็มาชวนดราม่าอีกแปปนึงพอเป็นพิธี
• นี่ดีนะภาคนี้ไม่ขุดดราม่าลุงเบ็น ไม่งั้นครบทีมเลย
• เหมือนหนังจะปูทางเรื่องบทบาทของ superhero? มีไว้ปกป้องเมืองแต่ใครจ่ายค่าเสียหายประมาณนั้น อารมณ์คล้าย ๆ กับการจำกัดสิทธิ superhero ใน Watchmen หรือ The Incredibles แต่ใส่มาหยุมหยิมมาก แถมตอนจบเรื่องนี่แบบจงใจบิ๊วเหลือเกิน
• ฉากแอ็คชั่นของ The Amazing Spider-Man 2 เน้นไปที่งาน cgi + slow-motion มากกว่าการออกแบบฉากต่อสู้เจ๋ง ๆ ของสไปเดอร์แมน
• ถ้าใครชอบดูฉากแอ็คชั่นขายงานเทคนิคก็คงปลาบปลื้มกันครับ
• ส่วนตัวผมว่าฉากต่อสู้แต่ละฉากไม่ผ่านเลยครับ ที่มีในตัวอย่างนั่นคืองัดทีเด็ดออกมาหมดแล้วด้วย
• ท้ายเครดิตมีฉากจากหนังเรื่อง X-Men: Days of Future Past
• เฮ้ย สองตัวละครนี้มันค่าย Marvel เหมือนกัน แต่ลิขสิทธิ์หนัง X-Men อยู่กับ Fox นิ (Spider-Man อยู่กับ Sony) แล้วมันมาฟีทเจอริ่งกันได้ไง
• ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ Sony อยากได้ตัวมาร์ค เว็บบ์มากำกับ Spider-Man ไง ซึ่งอีตาเว็บบ์ดันมีพันธะผูกพันกับ Fox อยู่
• Sony เลยยินยอมให้แปะฉาก X-Men ความยาวหนึ่งนาทีกว่า ๆ แลกกับการได้ตัวเว็บบ์มากำกับภาคต่อ
• ผมว่า Fox นี่ยิ้มเลย
• โดยส่วนตัวไม่คิดว่ามาร์ค เว็บบ์จะมีมูลค่าขนาดต้องยอมให้ Fox มาลูบเหลี่ยมแปะตัวอย่างหนังในท้ายเครดิตตัวเองนะ
• ประเด็นคือ X-Men ท้ายเครดิตยังตื่นตากว่า Spider-Man ทั้งเรื่อง!!
• Spider-Man ภาคต่อของเว็บบ์นี่คำวิจารณ์ก็ไม่ค่อยโอเค แถมสตูดิโอยังยัดเยียดใส่โครงสร้างจะทำภาคต่อเหล่าตัวร้ายอีก
• แล้วท้ายเครดิตตัวเองยังยอมให้ Fox มาลูบคมอีกแหม่
• X-Men เข้าโรงวันที่ 22 พฤษภาคมนี้นะจ๊ะ
--- ใครลังเลใจก็รอดูวันพุธราคาสบายกระเป๋านะครับ เก็บตังไว้ดู Godzilla กับ X-Men ด้วยนะครับแหม่
Director: Marc Webb
Marvel comic book: Stan Lee, Steve Ditko
Screen story: Alex Kurtzman, Roberto Orci, Jeff Pinkner, James Vanderbilt
Screenplay: Alex Kurtzman, Roberto Orci, Jeff Pinkner
Genre: Superhero, Action, Adventure, Romance, Fantasy
7/10
หนังโปรดของข้าพเจ้า: https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
twitter: @myfavfilms