ข่าวจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์
เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีบริษัทนำเที่ยวไทยบางบริษัทไม่ให้ความสำคัญและพยายามหลบเลี่ยงกฎระเบียบการเข้าเมืองของสหภาพยุโรป โดยทำการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นต่อประเทศที่แอบอ้างว่าเป็นเป้าหมายในการเดินทาง โดยจัดทำการจองตั๋วเครื่องบิน และจองที่พักเข้าประเทศเป้าหมายหลอก
และเมื่อได้วีซ่าเข้าประเทศดังกล่าวแล้ว บริษัทก็ได้ทำการยกเลิกการสำรองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาแก่นักท่องเที่ยวเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบ และอาจถูกส่งตัวกลับประเทศไทย เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายต่อนักท่องเที่ยวโดยตรง และต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดคือ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ได้ควบคุมตัวคนไทยจำนวน 14 คนไว้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าบริษัทนำเที่ยวได้ทำการขอวีซ่าเชงเก้นให้บุคคลทั้ง14คน ผ่านสถานเอกอัครราชทูตเบลเยี่ยม พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการจองที่พัก และสำเนาการจองตั๋วเครื่องบิน แต่ภายหลังเมื่อได้รับการตรวจลงตราวีซ่าเรียบร้อยแล้วนั้น ทางบริษัทนำเที่ยวก็ได้ยกเลิกการจองที่พักที่ประเทศเบลเยี่ยม และเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินไปประเทศอื่นในยุโรป
ด้วยเหตุนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพบว่า บุคคลทั้ง 14ราย ได้รับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตเบลเยี่ยม แต่ไม่มีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศเบลเยี่ยม โดยมีกำหนดการเดินทางไป เยอรมนี อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์แทน ซึ่งการกระทำนี้ผิดระเบียบวีซ่าเชงเก้น เจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้บุคคลทั้ง 14คนเดินทางเข้าเยอรมนี (สหภาพยุโรป) และถูกส่งกลับประเทศไทย
พฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงกฎระเบียบเข้าเมืองของสหภาพยุโรปนี้ เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเยอรมนี และทำให้การขอวีซ่าของคนไทยเพื่อเดินทางเข้าประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปยากขึ้น และที่สำคัญคือเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวไทยโดยรวมอีกด้วย
สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงบรัสเซลส์ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้บริษัทนำเที่ยวหรือผู้ที่จะเดินทางมาประเทศยุโรป ได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบการเข้าเมืองของสหภาพยุโรป ดังต่อไปนี้
1) ในกรณีที่ผู้เดินทางมีความประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศในกลุ่มเชงเก้นหลายประเทศ ให้ยื่นขอวีซ่าจากประเทศจากประเทศที่จะเดินทางเข้าเขตเชงเก้นเป็นประเทศแรก เช่น มาเที่ยวยุโรป 10 ประเทศภายในระยะเวลา 7 วัน โดยบินจากกรุงเทพฯมาลงอัมสเตอร์ดัม ก็ให้ขอจากสถานทูตเนเธอร์แลนด์ในประเทศไทย
2) หากต้องการเดินทางเข้า-ออกประเทศภายในกลุ่มเชงเก้น มากกว่าหนึ่งประเทศ จะต้องดำเนินการยื่นขอวีซ่ากับสถานทูตของประเทศที่จะเดินทางเป็นหลัก หรือประเทศที่ตั้งใจและวางแผนจะพำนักอยู่นานกว่าประเทศสมาชิกอื่น เช่น มารดาและพี่สาวจะบินมาท่องเที่ยวและเยี่ยมลูกกับน้องในเบลเยียม แต่ตั๋วเครื่องบินมาลงที่ปารีส โดยจะแวะเที่ยวในฝรั่งเศสก่อนประมาณ 3 วัน แล้วจึงเดินทางต่อมาพักอยู่กับลูกและน้องในเบลเยียมอีก 2เดือน
กรณีนี้ ต้องยื่นขอจากสถานทูตเบลเยียมในประเทศไทย ไม่ใช่ยื่นขอจากสถานทูตฝรั่งเศสในประเทศไทย เพราะจะเดินทางมาเบลเยียมเป็นหลัก
หากผู้เดินทางมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศในกลุ่มเชงเก้นมากกว่าหนึ่งประเทศ ผู้เดินทางจะต้องเตรียมเอกสารที่สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันการเดินทางหรือที่พักในประเทศปลายทางในลำดับต่อๆไป ในกรณีที่ผู้เดินทางไม่สามารถยืนยันได้นั้น ผู้เดินทางอาจถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศได้
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์
29 เมษายน 2557
ที่มา:
https://www.facebook.com/royalthaiembassy.brussels/posts/880377221987784?fref=nf
เตือนเกี่ยวกับการขอวีซ่าเชงเก้น
เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีบริษัทนำเที่ยวไทยบางบริษัทไม่ให้ความสำคัญและพยายามหลบเลี่ยงกฎระเบียบการเข้าเมืองของสหภาพยุโรป โดยทำการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นต่อประเทศที่แอบอ้างว่าเป็นเป้าหมายในการเดินทาง โดยจัดทำการจองตั๋วเครื่องบิน และจองที่พักเข้าประเทศเป้าหมายหลอก
และเมื่อได้วีซ่าเข้าประเทศดังกล่าวแล้ว บริษัทก็ได้ทำการยกเลิกการสำรองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาแก่นักท่องเที่ยวเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบ และอาจถูกส่งตัวกลับประเทศไทย เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายต่อนักท่องเที่ยวโดยตรง และต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดคือ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ได้ควบคุมตัวคนไทยจำนวน 14 คนไว้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าบริษัทนำเที่ยวได้ทำการขอวีซ่าเชงเก้นให้บุคคลทั้ง14คน ผ่านสถานเอกอัครราชทูตเบลเยี่ยม พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการจองที่พัก และสำเนาการจองตั๋วเครื่องบิน แต่ภายหลังเมื่อได้รับการตรวจลงตราวีซ่าเรียบร้อยแล้วนั้น ทางบริษัทนำเที่ยวก็ได้ยกเลิกการจองที่พักที่ประเทศเบลเยี่ยม และเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินไปประเทศอื่นในยุโรป
ด้วยเหตุนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพบว่า บุคคลทั้ง 14ราย ได้รับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตเบลเยี่ยม แต่ไม่มีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศเบลเยี่ยม โดยมีกำหนดการเดินทางไป เยอรมนี อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์แทน ซึ่งการกระทำนี้ผิดระเบียบวีซ่าเชงเก้น เจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้บุคคลทั้ง 14คนเดินทางเข้าเยอรมนี (สหภาพยุโรป) และถูกส่งกลับประเทศไทย
พฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงกฎระเบียบเข้าเมืองของสหภาพยุโรปนี้ เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตบ่อยครั้ง ทำให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเยอรมนี และทำให้การขอวีซ่าของคนไทยเพื่อเดินทางเข้าประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปยากขึ้น และที่สำคัญคือเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวไทยโดยรวมอีกด้วย
สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงบรัสเซลส์ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้บริษัทนำเที่ยวหรือผู้ที่จะเดินทางมาประเทศยุโรป ได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบการเข้าเมืองของสหภาพยุโรป ดังต่อไปนี้
1) ในกรณีที่ผู้เดินทางมีความประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศในกลุ่มเชงเก้นหลายประเทศ ให้ยื่นขอวีซ่าจากประเทศจากประเทศที่จะเดินทางเข้าเขตเชงเก้นเป็นประเทศแรก เช่น มาเที่ยวยุโรป 10 ประเทศภายในระยะเวลา 7 วัน โดยบินจากกรุงเทพฯมาลงอัมสเตอร์ดัม ก็ให้ขอจากสถานทูตเนเธอร์แลนด์ในประเทศไทย
2) หากต้องการเดินทางเข้า-ออกประเทศภายในกลุ่มเชงเก้น มากกว่าหนึ่งประเทศ จะต้องดำเนินการยื่นขอวีซ่ากับสถานทูตของประเทศที่จะเดินทางเป็นหลัก หรือประเทศที่ตั้งใจและวางแผนจะพำนักอยู่นานกว่าประเทศสมาชิกอื่น เช่น มารดาและพี่สาวจะบินมาท่องเที่ยวและเยี่ยมลูกกับน้องในเบลเยียม แต่ตั๋วเครื่องบินมาลงที่ปารีส โดยจะแวะเที่ยวในฝรั่งเศสก่อนประมาณ 3 วัน แล้วจึงเดินทางต่อมาพักอยู่กับลูกและน้องในเบลเยียมอีก 2เดือน
กรณีนี้ ต้องยื่นขอจากสถานทูตเบลเยียมในประเทศไทย ไม่ใช่ยื่นขอจากสถานทูตฝรั่งเศสในประเทศไทย เพราะจะเดินทางมาเบลเยียมเป็นหลัก
หากผู้เดินทางมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศในกลุ่มเชงเก้นมากกว่าหนึ่งประเทศ ผู้เดินทางจะต้องเตรียมเอกสารที่สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันการเดินทางหรือที่พักในประเทศปลายทางในลำดับต่อๆไป ในกรณีที่ผู้เดินทางไม่สามารถยืนยันได้นั้น ผู้เดินทางอาจถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศได้
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์
29 เมษายน 2557
ที่มา: https://www.facebook.com/royalthaiembassy.brussels/posts/880377221987784?fref=nf