คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
ตอนนี้กลับถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว อยากขอชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสักนิดค่ะ
บุคคลภายนอก รวมทั้งเจ้าหน้าที่สายการบินไทยที่เป็นคนไทยที่เยอรมันเข้าใจว่าเป็นความผิดของผดส.ไทย 60 คน ที่ขอวีซ่าเชงเก้นมาน้อยเกินไป แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ทางสถานทูตเยอรมันในไทยเป็นฝ่ายกำหนดระยะเวลาของวีซ่ามาให้กับผู้ขอวีซ่าตามจำนวนวันที่จองโรงแรมและประกันการเดินทางพอดีวันเป๊ะ ไม่ได้เผื่อวันเกินในวีซ่ามาให้เลย แม้ทางจขกท.จะขอให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเพิ่มจำนวนวันในวีซ่าให้แล้วก็ตาม
จขกท.เคยขอวีซ่าที่สถานทูตฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่นและอื่นๆ มักจะได้วีซ่ามา 3 เดือน ไม่เคยเจอสถานทูตใดที่ให้วีซ่ามาพอดีขนาดนี้มาก่อนและก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์สุดวิสัยเช่นนี้ด้วย
ดังนั้นขอให้กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่จะยื่นขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานทูตเยอรมัน ต้องทำประกันสุขภาพและจองจำนวนวันพักโรงแรมให้เกินจำนวนระยะเวลาท่องเที่ยวอย่างน้อย 3-4 วัน เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจคาดไม่ถึงเช่นนี้
เข้าใจค่ะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยด้านปัญหาเครื่องยนต์ แต่ผดส.คนอื่นแย้งว่าสายการบินไม่ได้เตรียมนำเครื่องบินที่อยู่ในสภาพพร้อมบินมารับผดส. เพราะรู้มาว่าเครื่องบินมีปัญหาตั้งแต่ขาบินมาที่นี่แล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
อยากให้ทางการบินไทยในกรุงเทพฯ ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางปรับปรุงแก้ไขบริการด้วยค่ะ
เจ้าหน้าที่ของสายการบินที่เคาน์เตอร์ ไม่ได้แจ้งประกาศเตือนอย่างเป็นทางการถึงการดีเลย์ของเครื่องบินเที่ยวบิน TG 923 จากเดิม 21.10 น. เป็น 22.00 น. เลย นอกจากโชว์เวลาที่เปลี่ยนแปลงบนจอทีวีเท่านั้น ปล่อยให้ผดส.นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเวลา 22.00 เป็นต้นไป เริ่มมีผดส.ต่างชาติเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำเคาน์เตอร์มากขึ้นและโวยวาย จขกท.จึงเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุของการดีเลย์ของเที่ยวบินนี้ จึงทราบว่ามีปัญหาขัดข้องด้านเครื่องยนต์ กำลังรออะไหล่มาเปลี่ยน ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไร
ผดส.ต่างชาติเริ่มไม่พอใจมากขึ้นและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาโดยเร็ว ขณะที่ผดส.คนไทยยังคงเฝ้ารออย่างเงียบๆ
เวลา 22.20 น. เจ้าหน้าที่สายการบินจึงตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินนี้ แต่ไม่ได้ประกาศให้รับทราบอย่างเป็นทางการเช่นเคย มีเพียงผดส.ไม่กี่คนที่เข้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงจะทราบเรื่องและนำมากระจายข่าวกันต่อๆ มา
มีผดส.ไทยและต่างชาติบางส่วนออกไปพักที่โรงแรมเชอราตันได้ เพราะไม่มีปัญหาด้านวีซ่า แต่เจ้าหน้าสายการบินไม่ได้แจ้งให้ผดส.คนไทย 60 คนที่มีปัญหาเรื่องวีซ่าที่หมดอายุในวันที่ 29 เม.ย. ทราบถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น แต่นำผดส.ทั้งหมดไปผ่านด่านตม. แต่เจ้าหน้าที่ตม.ระดับล่างไม่อนุญาต เพราะเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ ผดส.บางคนจึงเสนอขอให้ทางสายการบินไทยติดต่อสถานทูตไทยในเยอรมัน เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยเจรจากับตม.ระดับสูง ในการขอผ่อนผันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเข้าพักที่โรงแรม แต่เจ้าหน้าที่สายการบินไทยก็ไม่ได้ทำตามขอเสนอ
เข้าใจค่ะว่ากฏก็คือกฏ แต่กฏก็ยังมีข้อยกเว้นไว้เสมอ ในกรณีนี้ไม่ได้เป็นความผิดของผดส.เลย จึงอยากให้ทางการบินไทยให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่มากกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าไม่ได้มีการแจ้งให้นายสถานีประจำสนามบินแฟรงค์เฟิร์ตทราบเรื่อง หรือเจ้าหน้าที่บริหารคนไทยระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจให้เข้ามาแก้ไขปัญหาตั้งแต่แรก แต่ส่วนใหญ่มักให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติระดับพนักงานมาแก้ไขปัญหา ซึ่งเขาบอกว่าทำอะไรไม่ได้ และไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ต้องให้รอเจ้าหน้าที่คนไทยเท่านั้น ซึ่งในเวลาขณะนั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
เหตุผลที่ไม่อนุญาตให้เข้าพักโรงแรม เพราะกลัวหนี ไม่กลับประเทศไทย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้น เพราะผดส. 60 คนคงไม่มาเช็คอิน เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทยตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่างเท่าที่พูดคุยกับผดส.คนอื่น ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอาชีพมั่นคง มีฐานะ เช่น ครู อาจารย์ เจ้าของธุรกิจ ผวจ. พนักงานบริษัท บางท่านนั่งที่นั่งชั้นธุรกิจ เป็นสมาชิกการบินไทยระดับบัตรทองและบัตรเงินหลายคน (Royal Orchid Plus Member)
หลังจากนั้น ผดส.ทั้งหมดต้องกลับเข้ามาด่านตรวจค้นร่างกายใหม่ทีละคนพร้อมกับต้องหอบข้าวของสัมภาระรุงรังและหนักมาก ซึ่งทำให้เสียเวลาไปมาก จนล่วงเลยเวลา 23.00 น. ทั้งที่จริงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่การบินไทยควรจะเข้ามาเจรจาและสอบถามกับตม. ก่อนที่จะนำพาผดส. 60 คน มาผ่านตม.อย่างนี้ให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์และสร้างความลำบากเดือนร้อนที่ต้องแบกของหนักให้กับผดส.ด้วย
เข้าใจค่ะว่าอาหารต้องมีเวลาเตรียมการอย่างน้อย 1 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบถึงเรื่องนี้เช่นกัน สงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่นำอาหารที่เตรียมไว้บนเครื่องมาอุ่นและเสริฟผดส. จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนาน จนกระทั่งร้านค้าในสนามบินปิดกันเกือบหมด ขณะนั้นเวลา 23.00-23.30 น. ผดส.ไม่อาจทนรออาหารและน้ำเปล่าจากการบินไทยได้ จึงออกตระเวนหาร้านค้าจนเจออยู่หนึ่งร้านที่อยู่ชั้นบน ต่อมาในเวลาเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่ชายชาวเยอรมัน เพียง 1 คน จึงได้นำขนมปังทาเนยและใส่ชีส 1 ชิ้น น้ำผลไม้กล่องเล็ก แอปเปิ้ลผลเล็กรสฝาดๆ ขนมหวานแท่งๆ และน้ำอัดลม แต่ไม่มีน้ำเปล่ามาแจกให้ผดส. เขามาขอร้องให้จขกท.ช่วยสื่อสารกับผดส.ไทย จึงได้ช่วยยืนแจกจ่ายอาหาร และน้ำให้กับผดส.ในเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ไทยหายไปอยู่ไหนกันหมด
จขกท.สังเกตเห็นมีผดส.ต่างชาติอีก 3-4 คนที่บินกับเที่ยวบินนี้ ต้องนอนค้างที่สนามบินด้วย เพราะมีปัญหาเรื่องวีซ่าเหมือนกัน แต่เป็นเที่ยวบิน
co-share flight ของสายการบินลุฟท์ธันซ่า ได้รับแจกหมอนและผ้าห่มในเวลา 22.20 น. ในขณะที่ผดส.ไทย 60 คน ต้องร้องขอหมอนและผ้าห่มจากเจ้าหน้าที่ชายเยอรมันคนนั้นอยู่หลายครั้งในเวลาเที่ยงคืน และได้รับแจกผ้าห่มในเวลาต่อมา อากาศในสนามบินหนาวมาก แต่ได้รับแจกแค่เพียงผ้าห่มผืนเดียว ไม่มีหมอน จขกท.จึงใช้ผ้าห่มหนุนเป็นหมอนนอนและใช้เสื้อกันหนาวเป็นผ้าห่มแทน แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะไฟเปิดสว่างจ้าทุกดวง พร้อมกับเสียงทีวีทุกเครื่องที่ส่งเสียงดัง ผดส.หลายคนพูดเหมือนกันว่ารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งไว้ตามยถากรรม ไร้การเหลียวแลที่ดีพอจากสายการบินไทย ไม่มีคำขอโทษสักคำจากสายการบินหรือเจ้าหน้าที่ หลายคนเปรียบตัวเองเป็นพระเอกและนางเอกของภาพยนตร์เรื่อง The Terminal และพูดปลอบใจตัวเองว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิต เพราะถึงมีเงินมากมาย ก็ไม่อาจมานอนค้างคืนในสนามบินได้เช่นนี้
ถือว่าเป็นรสชาติและสีสันของชีวิต หากมองโลกในแง่ดีค่ะ
ตอนนี้กลับถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว อยากขอชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสักนิดค่ะ
บุคคลภายนอก รวมทั้งเจ้าหน้าที่สายการบินไทยที่เป็นคนไทยที่เยอรมันเข้าใจว่าเป็นความผิดของผดส.ไทย 60 คน ที่ขอวีซ่าเชงเก้นมาน้อยเกินไป แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ทางสถานทูตเยอรมันในไทยเป็นฝ่ายกำหนดระยะเวลาของวีซ่ามาให้กับผู้ขอวีซ่าตามจำนวนวันที่จองโรงแรมและประกันการเดินทางพอดีวันเป๊ะ ไม่ได้เผื่อวันเกินในวีซ่ามาให้เลย แม้ทางจขกท.จะขอให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเพิ่มจำนวนวันในวีซ่าให้แล้วก็ตาม
จขกท.เคยขอวีซ่าที่สถานทูตฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่นและอื่นๆ มักจะได้วีซ่ามา 3 เดือน ไม่เคยเจอสถานทูตใดที่ให้วีซ่ามาพอดีขนาดนี้มาก่อนและก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์สุดวิสัยเช่นนี้ด้วย
ดังนั้นขอให้กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่จะยื่นขอวีซ่าเชงเก้นที่สถานทูตเยอรมัน ต้องทำประกันสุขภาพและจองจำนวนวันพักโรงแรมให้เกินจำนวนระยะเวลาท่องเที่ยวอย่างน้อย 3-4 วัน เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินที่อาจคาดไม่ถึงเช่นนี้
เข้าใจค่ะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยด้านปัญหาเครื่องยนต์ แต่ผดส.คนอื่นแย้งว่าสายการบินไม่ได้เตรียมนำเครื่องบินที่อยู่ในสภาพพร้อมบินมารับผดส. เพราะรู้มาว่าเครื่องบินมีปัญหาตั้งแต่ขาบินมาที่นี่แล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
อยากให้ทางการบินไทยในกรุงเทพฯ ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและหาทางปรับปรุงแก้ไขบริการด้วยค่ะ
เจ้าหน้าที่ของสายการบินที่เคาน์เตอร์ ไม่ได้แจ้งประกาศเตือนอย่างเป็นทางการถึงการดีเลย์ของเครื่องบินเที่ยวบิน TG 923 จากเดิม 21.10 น. เป็น 22.00 น. เลย นอกจากโชว์เวลาที่เปลี่ยนแปลงบนจอทีวีเท่านั้น ปล่อยให้ผดส.นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเวลา 22.00 เป็นต้นไป เริ่มมีผดส.ต่างชาติเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำเคาน์เตอร์มากขึ้นและโวยวาย จขกท.จึงเข้าไปสอบถามถึงสาเหตุของการดีเลย์ของเที่ยวบินนี้ จึงทราบว่ามีปัญหาขัดข้องด้านเครื่องยนต์ กำลังรออะไหล่มาเปลี่ยน ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไร
ผดส.ต่างชาติเริ่มไม่พอใจมากขึ้นและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาโดยเร็ว ขณะที่ผดส.คนไทยยังคงเฝ้ารออย่างเงียบๆ
เวลา 22.20 น. เจ้าหน้าที่สายการบินจึงตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินนี้ แต่ไม่ได้ประกาศให้รับทราบอย่างเป็นทางการเช่นเคย มีเพียงผดส.ไม่กี่คนที่เข้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงจะทราบเรื่องและนำมากระจายข่าวกันต่อๆ มา
มีผดส.ไทยและต่างชาติบางส่วนออกไปพักที่โรงแรมเชอราตันได้ เพราะไม่มีปัญหาด้านวีซ่า แต่เจ้าหน้าสายการบินไม่ได้แจ้งให้ผดส.คนไทย 60 คนที่มีปัญหาเรื่องวีซ่าที่หมดอายุในวันที่ 29 เม.ย. ทราบถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น แต่นำผดส.ทั้งหมดไปผ่านด่านตม. แต่เจ้าหน้าที่ตม.ระดับล่างไม่อนุญาต เพราะเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ ผดส.บางคนจึงเสนอขอให้ทางสายการบินไทยติดต่อสถานทูตไทยในเยอรมัน เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยเจรจากับตม.ระดับสูง ในการขอผ่อนผันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเข้าพักที่โรงแรม แต่เจ้าหน้าที่สายการบินไทยก็ไม่ได้ทำตามขอเสนอ
เข้าใจค่ะว่ากฏก็คือกฏ แต่กฏก็ยังมีข้อยกเว้นไว้เสมอ ในกรณีนี้ไม่ได้เป็นความผิดของผดส.เลย จึงอยากให้ทางการบินไทยให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่มากกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าไม่ได้มีการแจ้งให้นายสถานีประจำสนามบินแฟรงค์เฟิร์ตทราบเรื่อง หรือเจ้าหน้าที่บริหารคนไทยระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจให้เข้ามาแก้ไขปัญหาตั้งแต่แรก แต่ส่วนใหญ่มักให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติระดับพนักงานมาแก้ไขปัญหา ซึ่งเขาบอกว่าทำอะไรไม่ได้ และไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ต้องให้รอเจ้าหน้าที่คนไทยเท่านั้น ซึ่งในเวลาขณะนั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
เหตุผลที่ไม่อนุญาตให้เข้าพักโรงแรม เพราะกลัวหนี ไม่กลับประเทศไทย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้น เพราะผดส. 60 คนคงไม่มาเช็คอิน เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทยตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่างเท่าที่พูดคุยกับผดส.คนอื่น ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอาชีพมั่นคง มีฐานะ เช่น ครู อาจารย์ เจ้าของธุรกิจ ผวจ. พนักงานบริษัท บางท่านนั่งที่นั่งชั้นธุรกิจ เป็นสมาชิกการบินไทยระดับบัตรทองและบัตรเงินหลายคน (Royal Orchid Plus Member)
หลังจากนั้น ผดส.ทั้งหมดต้องกลับเข้ามาด่านตรวจค้นร่างกายใหม่ทีละคนพร้อมกับต้องหอบข้าวของสัมภาระรุงรังและหนักมาก ซึ่งทำให้เสียเวลาไปมาก จนล่วงเลยเวลา 23.00 น. ทั้งที่จริงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่การบินไทยควรจะเข้ามาเจรจาและสอบถามกับตม. ก่อนที่จะนำพาผดส. 60 คน มาผ่านตม.อย่างนี้ให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์และสร้างความลำบากเดือนร้อนที่ต้องแบกของหนักให้กับผดส.ด้วย
เข้าใจค่ะว่าอาหารต้องมีเวลาเตรียมการอย่างน้อย 1 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบถึงเรื่องนี้เช่นกัน สงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่นำอาหารที่เตรียมไว้บนเครื่องมาอุ่นและเสริฟผดส. จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนาน จนกระทั่งร้านค้าในสนามบินปิดกันเกือบหมด ขณะนั้นเวลา 23.00-23.30 น. ผดส.ไม่อาจทนรออาหารและน้ำเปล่าจากการบินไทยได้ จึงออกตระเวนหาร้านค้าจนเจออยู่หนึ่งร้านที่อยู่ชั้นบน ต่อมาในเวลาเที่ยงคืน เจ้าหน้าที่ชายชาวเยอรมัน เพียง 1 คน จึงได้นำขนมปังทาเนยและใส่ชีส 1 ชิ้น น้ำผลไม้กล่องเล็ก แอปเปิ้ลผลเล็กรสฝาดๆ ขนมหวานแท่งๆ และน้ำอัดลม แต่ไม่มีน้ำเปล่ามาแจกให้ผดส. เขามาขอร้องให้จขกท.ช่วยสื่อสารกับผดส.ไทย จึงได้ช่วยยืนแจกจ่ายอาหาร และน้ำให้กับผดส.ในเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ไทยหายไปอยู่ไหนกันหมด
จขกท.สังเกตเห็นมีผดส.ต่างชาติอีก 3-4 คนที่บินกับเที่ยวบินนี้ ต้องนอนค้างที่สนามบินด้วย เพราะมีปัญหาเรื่องวีซ่าเหมือนกัน แต่เป็นเที่ยวบิน
co-share flight ของสายการบินลุฟท์ธันซ่า ได้รับแจกหมอนและผ้าห่มในเวลา 22.20 น. ในขณะที่ผดส.ไทย 60 คน ต้องร้องขอหมอนและผ้าห่มจากเจ้าหน้าที่ชายเยอรมันคนนั้นอยู่หลายครั้งในเวลาเที่ยงคืน และได้รับแจกผ้าห่มในเวลาต่อมา อากาศในสนามบินหนาวมาก แต่ได้รับแจกแค่เพียงผ้าห่มผืนเดียว ไม่มีหมอน จขกท.จึงใช้ผ้าห่มหนุนเป็นหมอนนอนและใช้เสื้อกันหนาวเป็นผ้าห่มแทน แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะไฟเปิดสว่างจ้าทุกดวง พร้อมกับเสียงทีวีทุกเครื่องที่ส่งเสียงดัง ผดส.หลายคนพูดเหมือนกันว่ารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งไว้ตามยถากรรม ไร้การเหลียวแลที่ดีพอจากสายการบินไทย ไม่มีคำขอโทษสักคำจากสายการบินหรือเจ้าหน้าที่ หลายคนเปรียบตัวเองเป็นพระเอกและนางเอกของภาพยนตร์เรื่อง The Terminal และพูดปลอบใจตัวเองว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิต เพราะถึงมีเงินมากมาย ก็ไม่อาจมานอนค้างคืนในสนามบินได้เช่นนี้
ถือว่าเป็นรสชาติและสีสันของชีวิต หากมองโลกในแง่ดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ขอความช่วยเหลือด่วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ TG923 ดีเลย์ ผดสไทย 60 คน ตกค้าง นอนสนามบินแฟรงค์เฟิร์ต