ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 3 ปีกว่าๆ ช่วงปิดเทอมตอนเรียนจบปีที่ 6 รู้ว่าต้องเลือกมาใช้ทุนที่ต่างจังหวัด พอกลับไปบ้านตอนปิดเทอมก็เลยพูดกับแม่เล่นๆว่า "แม่ถ้าสมมติจับพลัดจับพลู ไปอยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะทำยังไง".
แม่นิ่งไปซักพักเหมือนกำลังคิดอยู่
แต่ยายบอกทันทีเลยว่า "อย่าไปเด็ดขาด!!! ประเทศไทยมีอีกตั้งหลายจังหวัด" แล้วยายก็ทำสีหน้ากังวลเล็กน้อย
ส่วนแม่ก็ตอบในที่สุดว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คงไม่โชคร้ายหรอกมั้ง คนเราถ้าจะตายก็ต้องตาย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้น"
นี่เลย!! คุณแม่พูดปรัชญาชีวิต แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็รู้สึกว่าแค่ถามเล่นๆเท่านั้น
หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี่กับเพื่อนมากมาย ไปขับรถเที่ยวนิวซีแลนด์เกือบ20 วัน จนลืมไปเลยว่าวันเลือกใกล้จะมาถึงทุกทีทุกที. จนในที่สุดวันที่ 1 เมษายนก็มาถึง วันจับฉลากเลือกที่จะไปใช้ทุน หลังจากศึกษาจังหวัดต่างๆมาซักพักก็ตกลงใจกับเพื่อนสองคน ชื่อ เจ (นามสมมติ) กับ เป็ด (นามสมมติ) "ว่าเราจะไปอยู่จังหวัดพัทลุงด้วยกัน" หลังจากนั้นก็วาดฝันอันสวยงาม ทำงาน แล้วก็วันว่างๆก็ไปเที่ยวทะเล กินอาหารทะเลสดๆ ใช้ชีวิตเพลินในจังหวัดภาคใต้.
พอถึงตอนจับฉลากจริง (ซึ่งวิธีการคือ 1 เลือกจังหวัด 2.จับลูกปิงปองคัดคนออก ถ้าเกิดคนที่เลือกมีมากเกินจำนวนโควต้า จับปิงปองหลักหน่วยกับหลักสิบ คนที่ได้เลขจำนวนน้อยกว่า ก็ต้องสละสิทธิแล้วไปเลือกจังหวัดอื่นแทน) สรุปก็คือ เจ กับ เป็ด ได้ไปพัทลุง
ผมตกรอบ !!!!
เมื่อตกรอบก็จะเคว้งคว้าง สิ่งที่วาดฝันไว้ก็พังทลาย เราจะไปดึงเพื่อนให้มากับเรา ให้ตกมาตายตามกันก็ไม่ได้
นี่คือเหตุการณ์จริง มีความดราม่าเกิดขึ้นรอบห้องประชุม เพื่อนที่จะไปด้วยกัน ก็มีอันต้องพลัดพรากกันมากมาย แล้วเหล่าผู้เคว้งคว้างก็มารวมตัวกันตรงกลางห้องประชุม ตอนนั้นรู้สึกว่า "ห้องประชุมกว้างเหลือเกิน และตัวเราก็เล็กเหลือเกิน ชีวิตช่างหนาว และอ้างว้าวเหลือเกิน"
ตอนนั้นคำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า "สิ่งที่คาดหวังไว้ก็อันตรธานได้ สิ่งที่ไม่ได้คาดไว้ก็มีขึ้นได้" ดังกระซิบข้างหู อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก จุกๆตันๆ งงๆมึนๆ
สุดท้ายพอเริ่มตั้งสติได้ ก็เริ่มจับกลุ่มกับเพื่อนที่เหลืออยู่ (พวกที่ตกรอบแรก) เพื่อจะเริ่มเลือกรอบใหม่ตอนบ่าย
ตอนเลือกรอบที่สองก็เลยเลือกจังหวัดระนอง ซึ่งเอาแค่ 10 ที่ แต่มีคนเลือก 11 คน ถ้าจะเอาจังหวัดนี้ก็ต้องจับลูกปิงปองอีก ซึ่งก็อาจจะผิดหวังอีก ตอนนั้นมองไปที่ใบหน้าเพื่อนที่รู้จักแล้วก็มองไปยังโต๊ะที่ไม่มีใครเลือกที่อยู่ข้างๆ
"นราธิวาส - ที่อยู่ของคนดี" ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครเลือก ไม่มีใครต่อแถวซักคน
เอาล่ะ เราควรจะเป็นผู้ที่เลือกเอง ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ชีวิตที่เลือกและกำหนดเองย่อมดีกว่า แม้จะเลือกที่อยู่ไม่ได้แต่ก็ยังมีเพื่อนที่รู้จักย่อมดีกว่า ก็เลยจับกับเพื่อนอีกสองคนชื่อ นาม(นามสมมติ) กับโอ (นามสมมติ) แล้วก็กลั้นใจเลือก
มึนไปมึนมา ก็มึนๆมาอยู่ที่แถวของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งรับโควต้าประมาณ 5 คน แถวของนราธิวาสนั้นไม่มีใครมาต่อแถวอีกมีแค่เราสามคนในตอนนั้น เมื่อเสียงสัญญาณการเลือกรอบสองสิ้นสุดลง ไม่ต้องจับฉลากลุ้นอะไรทั้งสิ้น
"คุณได้รับสิทธินั้นเดี๋ยวนี้!!!"
นราธิวาส ไม่มีอะไรผิดโผ ไม่ได้ฝันไป นี่คือชีวิตที่เราเลือกเอง...
โทรไปหาแม่ โทรแจ้งข่าว บอกแม่บอกพ่อ เสียงปลายสายเงียบไปซักพัก แล้วแม่ก็พูดสั้นๆ "ก็ดีเหมือนกัน" แล้วหลังจากนั้นข่าวก็แพร่กระจายไปในครอบครัวและหมู่ญาติ อีกสองสัปดาห์หลังจากวันนั้น(วันที่เลือกพื้นที่) ก็ต้องคอยตอบคำถามญาติฝ่ายต่างๆ คอยปลอบใจญาติ(แทนที่ญาติจะปลอบเรา555) ญาติบางคนทำหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินข่าวราวกับผมกำลังจะไปทำสงคราม
"ไปรักษาคนครับ ไม่ได้ไปรบ" ตอบญาติไปอย่างเหนื่อยๆ สุดท้ายแล้วแทนที่จะกลัวก็เลยกลายเป็นเรื่องสนุกแทน เพราะความกลัวทั้งหลายเหล่าญาติที่รักได้กลัวแทนหมดแล้ว
ภาพขณะนั่งรอที่เกทเพื่อนั่งเครื่องบินไปนรา
[CR] สิ่งดีๆที่ได้รับ จากการมาทำงานอยู่ชายแดนใต้ 3 ปี
แม่นิ่งไปซักพักเหมือนกำลังคิดอยู่
แต่ยายบอกทันทีเลยว่า "อย่าไปเด็ดขาด!!! ประเทศไทยมีอีกตั้งหลายจังหวัด" แล้วยายก็ทำสีหน้ากังวลเล็กน้อย
ส่วนแม่ก็ตอบในที่สุดว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คงไม่โชคร้ายหรอกมั้ง คนเราถ้าจะตายก็ต้องตาย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้น"
นี่เลย!! คุณแม่พูดปรัชญาชีวิต แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็รู้สึกว่าแค่ถามเล่นๆเท่านั้น
หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี่กับเพื่อนมากมาย ไปขับรถเที่ยวนิวซีแลนด์เกือบ20 วัน จนลืมไปเลยว่าวันเลือกใกล้จะมาถึงทุกทีทุกที. จนในที่สุดวันที่ 1 เมษายนก็มาถึง วันจับฉลากเลือกที่จะไปใช้ทุน หลังจากศึกษาจังหวัดต่างๆมาซักพักก็ตกลงใจกับเพื่อนสองคน ชื่อ เจ (นามสมมติ) กับ เป็ด (นามสมมติ) "ว่าเราจะไปอยู่จังหวัดพัทลุงด้วยกัน" หลังจากนั้นก็วาดฝันอันสวยงาม ทำงาน แล้วก็วันว่างๆก็ไปเที่ยวทะเล กินอาหารทะเลสดๆ ใช้ชีวิตเพลินในจังหวัดภาคใต้.
พอถึงตอนจับฉลากจริง (ซึ่งวิธีการคือ 1 เลือกจังหวัด 2.จับลูกปิงปองคัดคนออก ถ้าเกิดคนที่เลือกมีมากเกินจำนวนโควต้า จับปิงปองหลักหน่วยกับหลักสิบ คนที่ได้เลขจำนวนน้อยกว่า ก็ต้องสละสิทธิแล้วไปเลือกจังหวัดอื่นแทน) สรุปก็คือ เจ กับ เป็ด ได้ไปพัทลุง
ผมตกรอบ !!!!
เมื่อตกรอบก็จะเคว้งคว้าง สิ่งที่วาดฝันไว้ก็พังทลาย เราจะไปดึงเพื่อนให้มากับเรา ให้ตกมาตายตามกันก็ไม่ได้
นี่คือเหตุการณ์จริง มีความดราม่าเกิดขึ้นรอบห้องประชุม เพื่อนที่จะไปด้วยกัน ก็มีอันต้องพลัดพรากกันมากมาย แล้วเหล่าผู้เคว้งคว้างก็มารวมตัวกันตรงกลางห้องประชุม ตอนนั้นรู้สึกว่า "ห้องประชุมกว้างเหลือเกิน และตัวเราก็เล็กเหลือเกิน ชีวิตช่างหนาว และอ้างว้าวเหลือเกิน"
ตอนนั้นคำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า "สิ่งที่คาดหวังไว้ก็อันตรธานได้ สิ่งที่ไม่ได้คาดไว้ก็มีขึ้นได้" ดังกระซิบข้างหู อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก จุกๆตันๆ งงๆมึนๆ
สุดท้ายพอเริ่มตั้งสติได้ ก็เริ่มจับกลุ่มกับเพื่อนที่เหลืออยู่ (พวกที่ตกรอบแรก) เพื่อจะเริ่มเลือกรอบใหม่ตอนบ่าย
ตอนเลือกรอบที่สองก็เลยเลือกจังหวัดระนอง ซึ่งเอาแค่ 10 ที่ แต่มีคนเลือก 11 คน ถ้าจะเอาจังหวัดนี้ก็ต้องจับลูกปิงปองอีก ซึ่งก็อาจจะผิดหวังอีก ตอนนั้นมองไปที่ใบหน้าเพื่อนที่รู้จักแล้วก็มองไปยังโต๊ะที่ไม่มีใครเลือกที่อยู่ข้างๆ
"นราธิวาส - ที่อยู่ของคนดี" ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครเลือก ไม่มีใครต่อแถวซักคน
เอาล่ะ เราควรจะเป็นผู้ที่เลือกเอง ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก ชีวิตที่เลือกและกำหนดเองย่อมดีกว่า แม้จะเลือกที่อยู่ไม่ได้แต่ก็ยังมีเพื่อนที่รู้จักย่อมดีกว่า ก็เลยจับกับเพื่อนอีกสองคนชื่อ นาม(นามสมมติ) กับโอ (นามสมมติ) แล้วก็กลั้นใจเลือก
มึนไปมึนมา ก็มึนๆมาอยู่ที่แถวของจังหวัดนราธิวาส ซึ่งรับโควต้าประมาณ 5 คน แถวของนราธิวาสนั้นไม่มีใครมาต่อแถวอีกมีแค่เราสามคนในตอนนั้น เมื่อเสียงสัญญาณการเลือกรอบสองสิ้นสุดลง ไม่ต้องจับฉลากลุ้นอะไรทั้งสิ้น
"คุณได้รับสิทธินั้นเดี๋ยวนี้!!!" นราธิวาส ไม่มีอะไรผิดโผ ไม่ได้ฝันไป นี่คือชีวิตที่เราเลือกเอง...
โทรไปหาแม่ โทรแจ้งข่าว บอกแม่บอกพ่อ เสียงปลายสายเงียบไปซักพัก แล้วแม่ก็พูดสั้นๆ "ก็ดีเหมือนกัน" แล้วหลังจากนั้นข่าวก็แพร่กระจายไปในครอบครัวและหมู่ญาติ อีกสองสัปดาห์หลังจากวันนั้น(วันที่เลือกพื้นที่) ก็ต้องคอยตอบคำถามญาติฝ่ายต่างๆ คอยปลอบใจญาติ(แทนที่ญาติจะปลอบเรา555) ญาติบางคนทำหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยินข่าวราวกับผมกำลังจะไปทำสงคราม
"ไปรักษาคนครับ ไม่ได้ไปรบ" ตอบญาติไปอย่างเหนื่อยๆ สุดท้ายแล้วแทนที่จะกลัวก็เลยกลายเป็นเรื่องสนุกแทน เพราะความกลัวทั้งหลายเหล่าญาติที่รักได้กลัวแทนหมดแล้ว
ภาพขณะนั่งรอที่เกทเพื่อนั่งเครื่องบินไปนรา