มาสู่ตอนที่ 2 กันเลยนะครับ ตอนนี้อาจจะสั้นๆหน่อยเพราะเสียเวลากับการเดินทางซะส่วนใหญ่ครับ รถติดมากกกก ... เอาล่ะมาลุยกันต่อเลยครับ
วันที่ 3 Go Go Go Ambleside Lake District (12/04/14)
7:00 น. ตื่นนอน....แต่กว่าจะออกจากโรงแรมได้ก็ 9:30 น. เพราะห้องในโรงแรมไม่มีไดร์เป่าผม หรือต้องใช้ที่ม้วนผมไฟฟ้าทำให้แห้งแทน ใช้เวลาในขั้นตอนนี้ 1:30 ชม.....นานสลัดเลยหล่ะ มารู้อีกทีตอนเช็คเอาท์ ว่าเขาให้มายืมได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ Reception ของโรงแรม ได้คนละ 2 ชม. (กรำ >.< หนูไม่ยู้)
10:00 น. ลากกระเป๋าออกจากโรงแรมไปเอารถที่ Bloomsbury Square
โฉมหน้าพาหนะคู่ใจของเราต่อจากนี้ไปอีก 5 วัน ^3^ (รูปนี้ถ่ายตอนถึง Ambleside แล้ว)
ระหว่างทางรถติดมากกกกก......เสียเวลา 1:30 ชม. เนื่องมีอุบัติเหตุ รถจิ้มตรูดกันนิ๊ดเดียว
คุณเจ้าหน้าที่แกปิดถนน 2 เลนขวา (ตามรูป) รถมันก็ติดยับเยินอ่ะสิฮ่ะ.....ทีแรกอิชั้นนึกว่ารถบรรทุกคว่ำ ถ้าเป็นเมืองไทยบ้านเราจิ้มกันแค่นี้ ป่านนี้เคลียร์กันเรียบร้อยไปแล้ว....สงสัยต้องเชิญคุณเจ้าหน้าที่ มาดูงานที่เมืองไทยสักหน่อยนะฮ่ะ
"ที่อังกฤษนี้ คนเขาขับรถค่อนข้างเป็นระเบียบมากครับ ชอบมาก เวลาถนนถูกบีบให้เบียดเป็นคอขวด รถแต่ละคันก็จะปล่อยให้พลัดกันไปเลนละคันสองคันสลับกันไป ถึงรถจะติดยังไง ก็ยังไหลได้เรื่อยๆครับไม่ถึงกับแหงก แต่ก็อย่างที่เห็นครับ ที่นี่จะค่อนข้าง over action ในเรื่อง safety จนทำให้เราเห็นแล้วมันดูเยอะไปนั้นแหละครับ ... ถ้าใครใช้ Google Map ก็จะมี Report ให้นะครับว่าตุดไหนมีอุบัติเหตุหรือปิดซ่อมถนน สามารถดูได้ครับ แต่ก็ไม่ update 100% นะครับ เชื่อใจได้ 80% ... ส่วนป้ายบนถนน Motorway ก็ละเอียดและไม่รกรุงรังครับ อ่านง่ายมาก"
จากแผนเดิมที่กะว่าจะไปหม่ำ Hooters ที่ Nothingham กลายเป็นต้องหม่ำที่ Berger king ที่ Service ระหว่างทาง หม่ำๆเสร็จก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อย คนขับรถเลยพาแวะ Birmingham เป็นเมืองอุตสาหกรรมไม่มีรัยน่าสนใจอารัยเลย ก็เลยช้อปปิ้งนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็หาของฝากติดมือเล็กหน่อย มาฝากแฟนเพจ (ขายนั่นแหล่ะ...เผื่อจะได้ค่าที่จอดรถคืนมาบ้าง) ก็ได้ Rimmel, Sleek, Lush และ Bio Oil เป็นพวกเครื่องสำอางที่สาวๆชอบซื้อเป็นของฝากกันค่ะ (ลอนดอนก้อมีนะตัวเธอว์...แอบงงเหมือนกันว่าจะช้อปที่นี่ไปทำไม บางอันเมืองไทยก็มีมาขายใน Boots แล้วแต่ไม่รู้เองอ่ะ 555 )
ก่อนจะออกจาก Birmingham ก็แวะซื้อข้าวกล่อง เป็นข้าวหมูแดงกะข้าวหมูกรอบที่ร้าน China Town (คุณผู้ชายบอกว่าอร่อย) กลับมาเผื่อมื้อเย็น
แอบถ่ายรูปหน้าร้านมาได้นิดนุง
"Birmingham" นั้นเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจาก London นะครับ แต่บรรยากาศเมือนนั้นออกไปทางเมืองใหม่มากกว่าครับ มีห้าง Shopping ใหญ่นั้นก็คือ Bullring ครับ คนไทยเท่าที่เจอส่วนมากจะเป็นนักเรียนที่มาเรียนเมืองนี้มากกว่านักท่องเที่ยวครับ มีมหาวิทยาลังดังๆคือ Aston U กับ U of Birmingham"
"ตามเมืองใหญ่ๆจะสามารถเห็นคนขายหนังสือ Big Issue นั้นไม่ต้องงงครับว่าหนังสืออะไร นี่คือหนังสือที่สังคม Homeless เขาทำมาเพื่อให้คนไม่มีที่อยู่ขายมีรายได้ครับ ไม่ใช่เป็นขอทาน แนวๆขาย Lotto บ้านเรานั้นแหละครับ"
ขับรถต่อมาอีกประมาณ 3 ชม.
ระหว่างทางวิวทิวทัศน์ สบายตามาก ดูธรรมชาติ สบายๆ บ้านเมืองอยู่กันเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ สวยๆทั้งนั้นเลย
19:30 : ถึงที่พัก.....เป็น Guest House ที่เจ้าของบ้านดูแลและให้บริการเองค่ะ เป็นกันเองและดูแลดีมากๆ โดยเฉลี่ยผู้ที่มาพัก หรือมาเที่ยวแถว Lake District จะเป็นผู้สูงอายุวัยเกษียร หรือมากันเป็นครอบครัวค่ะ ส่วนมากจะเป็นคน UK มาเที่ยวกัน แบบเราไปเที่ยวพักผ่อนเขาใหญ่ประมาณนั้น มาที่นี่แทบไม่เจอคน Asia เลย
ความประทับใจกับการต้อนรับยังไม่ทันจางหาย พอเดินมาถึงห้องพักแทบกรี๊ด....มันสวยมาก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากค่ะ (ราคาพอๆกะ Budget Hotel ใน London แต่บริการและ Facilities เหนือกว่าเป็นไหนๆ...ก็นอกเมืองนี่เน๊อะ)
รูปภายนอกบ้าน, Common Room และ Dining Room ชั้น 1 (เห็นจักรยานสองคันนั้นไหม?.....เป็นของผู้มาพักวัยทำงานอีกกลุ่มนึงค่ะ นอกนั้นวัยเกษียรหมดแร้น)
"ระหว่างทางมา Lake District นั้นแอบเห็นรถขนจักรยานมาที่นี่เยอะมาก พอได้ขับรถเที่ยวใน Lake District ก็เข้าใจเลยว่ามันน่าขี่มากๆ แต่ขอเน้นว่าต้องมืออาชีพในการปั่นหน่อยนะครับ เพราะทางนั้นมีเนินขึ้นลงให้ลองปั่นกันมันส์เลยล่ะ และแอบถาม Host ของที่พักก็บอกว่ามีบริการให้เช่าจักรยานในเมืองด้วย ใครอยางลองก็น่าไปเที่ยวแถวนี้นะครับ"
ห้องพักค่ะ...สวยงามมาก หมอนขนเป็ดด้วย ที่นอนอุ่นสบายค่ะ
วิวจากหน้าต่างห้องพัก (ขณะนี้เป็นเวลา 2 ทุ่ม ฟ้ายังไม่มืดสนิทค่ะ)
ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปเราจะพักกันที่ Rysdales Guest House เป็นเวลา 2 คืน ^^
หมายเหตุ : ที่พักที่นี่แทบจะไม่มีข้อติเลย แต่นุชขอให้ 8/10 คะแนน เนื่องจากหน้าต่างห้องเป็นกระจกชั้นเดียว และ Heater เป็นแบบแก๊สระบบรวม ปิด/เปิด เป็นเวลา(เปิดช่วงเช้าและเย็นเท่านั้น)....ดึกๆหลังปิด Heater แล้วหนาวมาก ต้องรีบนอนก่อนที่เขาจะปิด Heater นะค่ะ
หลังจากเก็บกระเป๋า, ชื่นชมบรรยากาศที่พัก, ของที่ไป Shopping มาเมื่อตอนบ่าย และ หม่ำข้าวหมูกรอบ (อร่อยมาก แต่เยอะเกิ๊น ลืมไปว่าที่นี่ Portion ใหญ่ กินไม่ไหว เสียดายมาก)
จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นใกล้ๆที่พักค่ะ เผื่อจะหาร้านชิวๆ นั่งจิบเบียร์กันสักร้าน ด้วยความมืด จึงเดินไปไหนไม่ได้ไกลร้านที่เดินผ่านก็ไม่ค่อยน่านั่ง มีแต่เจ้าถิ่นไม่มีนักท่องเที่ยว เลยไม่กล้าแหยมค่ะ.....เลยแค่ซื้อน้ำเปล่ากลับที่พักมา 1 ขวด เท่านั้น
"จริงๆแล้วน้ำเปล่าที่ UK นั้นสามารถกินจากก๊อกได้เลยนะครับ แต่ต้องเปิดฝั่งน้ำเย็นนะครับ อย่าเผลอไปเปิดก๊อกน้ำร้อนล่ะ ตระกรันเพียบ ซึ่งเวลาไปกินตามร้านอาหาร ถ้าไม่อยากเสียเงินสั่งน้ำขวด ก็สามารถสั่งว่า tap water ได้ครับ นั้นก็คือน้ำก๊อกนั้นเอง ฟรีครับ"
วันที่ 4 Meet Peter Rabbit @Hill Top & Watching Liverpool Vs. Manchester City@Ambleside (13/04/14)
วิวจากหน้าต่างห้องยามเช้า มองไปตรงๆจะเห็นลานกิจกรรม และฉากหลังเป็นโบสถ์ประจำเมืองค่ะ....ขออวดอีกสักนิด ชอบที่นี่มากค่ะ
8:30 น. : อาหารเช้า.....ที่นีเสิร์ฟอาหารเช้าเป็นเวลาค่ะ (8:30 – 9:00) ตื่นสายอด อิอิ
เช้านี้ เราสองคนเลือกอาหารเช้าแบบ English Breakfast ปกติ (เจ้าของบ้านจะมีรายการอาหารเช้ามาให้เลือกล่วงหน้า ซึ่งมีไม่กี่รายการ และให้เรานำมาวางไว้ข้างล่างก่อนออกจากห้องพัก เพื่อที่เขาจะได้เตรียมสำหรับวันรุ่งขึ้นให้เราค่ะ) อาหารเช้าจะปรุงสดค่ะ....เราจะต้องมาโชว์ตัวที่ห้องอาหารก่อน โดยจะมีหมายเลขห้องอยู่ที่โต๊ะ(นั่งมั่วไม่ได้นะ) เขาถึงจะเริ่มทำอาหารตามเมนูที่เราแจ้งไว้เมื่อคืน
9:30 น.: มุ่งหน้าสู่ Hill Top(อยู่อีกฝั่งของ Lake) บ้าน Beatrix Potter ถิ่นกำเนิด Peter Rabbit ใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที….
บ้าน Beatrix Potter มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมคนละ 10ปอนด์ ถือว่าแพงมากสำหรับการเข้าชมบ้าน 2/3หลัง(มีโซนกั้นไม่ให้เข้าด้วยจ๊ะ) เขาจะมีการบรรยายเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 20 นาที สำหรับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม ซึ่งตอนซื้อคูปองเขาจะแจ้งให้เราทราบว่า เราจะได้รอบกี่โมง (อีกประมาณ 10 นาที) เราสองคนไม่รอค่ะ....เลยเดินไปพร้อมกับกลุ่มก่อนหน้านี้ เดินดูไปรอบๆบ้านด้วยตัวเอง เขาพยายามทำให้บ้านเหมือนตอนที่ Beatrix Potter อยู่ให้มากที่สุด (ตามความเข้าใจของนุช) โต๊ะเขียนหนังสือเต็มบ้านไปหมด แทบทุกห้องเลย และก้อวางกระดาษร่างภาพและจดหมายต่างๆของ Beatrix Potter เอาไว้ (เว่อร์ไปหน่อยนะ)
โดยรวมไม่ค่อยประทับใจและเสียดายเงินค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับ Peter Rabbit
รูปหน้าบ้านของ Beatrix Potter (ภายในบ้านห้ามถ่ายรูป)
"เรื่องราวในนิทานของ Beatrix Potter นั้นได้ใช้สถานที่จริงใน Lake District มาเป็นสถานที่ในเรื่องครับ หลายๆที่นั้นมีจริงตามรูปวาดของ Beatrix ตามรูปเลยครับ ถ้าใครชอบและเป็นแฟนตัวยง ก็ควรมาเที่ยวตามรอยกระต่ายน้อย Peter นะครับ"
11:30 น. เดินทางกลับ Ambleside หาอาหารกลางวัน และที่นั่งชมฟุตบอล Big Match (Liverpool Vs. Manchester City) เดินวนเล่นรอบเมืองเพื่อเล็งร้านที่น่าสนใจที่สุด สุดท้ายก็กลับมา Irish Pub ร้านแรกที่เดินผ่าน....ทว่า สายไปเสียแล้ว คนเต็มหมดแล้วฮ้าฟฟฟ (เวลา 12:00น.)
สุดท้ายร้านที่เราได้นั่งชมฟุตบอล ชื่อ The Cellar Bar อยู่ใต้ดิน Guest House แห่งหนึ่ง ยังพอมีที่ให้นั่งบ้าง แล้วเราก็ได้แต่ดื่มเบียร์แทนข้าว เพราะที่นี่ Pub ไม่ค่อยมีอาหารให้กิน ส่วนมากจะเป็นเบอร์เกอร์ทำแบบลวกๆ หรือไม่ก็กิน Walker เป็นกับแกล้ม (เลย์บ้านเรานี่เอง) สรุปดื่มกันไปคนละ 2 ½ pint…..ใครว่าเบียร์ฝรั่งดื่มแล้วไม่เมา เขาถึงดื่มกันแทนน้ำได้ อันนี้อิชั้นขอเถียง...เมาไม่ต่างกันเลยฮ่ะ
สนุกดีค่ะ.....ที่ได้มาดูบอลแมตช์สำคัญที่อังกฤษ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ถ้าไปดูที่ร้านในเมืองใหญ่ๆ น่าจะสนุกขึ้นอีกเยอะ....
Q : ทำไมไม่ไปดูที่สนาม? อุตส่าห์บินไปถึงถิ่น
A : เห็นราคาแล้วจ่ายไม่ลงค่ะ >.<
15:30 น. : หลังจากดูบอลเสร็จแล้ว หน้ามืดหิวโซเดินเข้าร้านที่เห็นเด่นชัดที่สุด ณ จุดนั้น....O_o Fish&Chips ? และมันก็ไม่อร่อยอีกแร้วววววว.....พอทานเสร็จเรียบร้อย เดินออกมานอกร้าน เจอร้านน่านั่ง น่ากินเพียบเลยค่ะ (ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า)
17:00 น. : กลับถึงที่พัก งีบหลับกันทั้งคู่ เหนื่อยเง๊อะ....ตื่นมาอีกทีเกือบ 3 ทุ่ม เพราะลมแรงฝนตก สุดท้ายวันนี้จึงจบลงแต่เพียงเท่านี้ ...
By
ChattO+Nuzz -
http://www.groovykidsshop.com
ตอนก่อนหน้านี้
http://ppantip.com/topic/31963382 - Prologue
http://ppantip.com/topic/31966836 - ตอนที่ 1
เที่ยว London > Lake District > Cotswolds [ตอนที่ 2] มุ่งสู่ทางเหนือ Lake District
วันที่ 3 Go Go Go Ambleside Lake District (12/04/14)
7:00 น. ตื่นนอน....แต่กว่าจะออกจากโรงแรมได้ก็ 9:30 น. เพราะห้องในโรงแรมไม่มีไดร์เป่าผม หรือต้องใช้ที่ม้วนผมไฟฟ้าทำให้แห้งแทน ใช้เวลาในขั้นตอนนี้ 1:30 ชม.....นานสลัดเลยหล่ะ มารู้อีกทีตอนเช็คเอาท์ ว่าเขาให้มายืมได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ Reception ของโรงแรม ได้คนละ 2 ชม. (กรำ >.< หนูไม่ยู้)
10:00 น. ลากกระเป๋าออกจากโรงแรมไปเอารถที่ Bloomsbury Square
โฉมหน้าพาหนะคู่ใจของเราต่อจากนี้ไปอีก 5 วัน ^3^ (รูปนี้ถ่ายตอนถึง Ambleside แล้ว)
ระหว่างทางรถติดมากกกกก......เสียเวลา 1:30 ชม. เนื่องมีอุบัติเหตุ รถจิ้มตรูดกันนิ๊ดเดียว
คุณเจ้าหน้าที่แกปิดถนน 2 เลนขวา (ตามรูป) รถมันก็ติดยับเยินอ่ะสิฮ่ะ.....ทีแรกอิชั้นนึกว่ารถบรรทุกคว่ำ ถ้าเป็นเมืองไทยบ้านเราจิ้มกันแค่นี้ ป่านนี้เคลียร์กันเรียบร้อยไปแล้ว....สงสัยต้องเชิญคุณเจ้าหน้าที่ มาดูงานที่เมืองไทยสักหน่อยนะฮ่ะ
จากแผนเดิมที่กะว่าจะไปหม่ำ Hooters ที่ Nothingham กลายเป็นต้องหม่ำที่ Berger king ที่ Service ระหว่างทาง หม่ำๆเสร็จก็เหลือเวลาอีกนิดหน่อย คนขับรถเลยพาแวะ Birmingham เป็นเมืองอุตสาหกรรมไม่มีรัยน่าสนใจอารัยเลย ก็เลยช้อปปิ้งนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็หาของฝากติดมือเล็กหน่อย มาฝากแฟนเพจ (ขายนั่นแหล่ะ...เผื่อจะได้ค่าที่จอดรถคืนมาบ้าง) ก็ได้ Rimmel, Sleek, Lush และ Bio Oil เป็นพวกเครื่องสำอางที่สาวๆชอบซื้อเป็นของฝากกันค่ะ (ลอนดอนก้อมีนะตัวเธอว์...แอบงงเหมือนกันว่าจะช้อปที่นี่ไปทำไม บางอันเมืองไทยก็มีมาขายใน Boots แล้วแต่ไม่รู้เองอ่ะ 555 )
ก่อนจะออกจาก Birmingham ก็แวะซื้อข้าวกล่อง เป็นข้าวหมูแดงกะข้าวหมูกรอบที่ร้าน China Town (คุณผู้ชายบอกว่าอร่อย) กลับมาเผื่อมื้อเย็น
แอบถ่ายรูปหน้าร้านมาได้นิดนุง
ขับรถต่อมาอีกประมาณ 3 ชม.
ระหว่างทางวิวทิวทัศน์ สบายตามาก ดูธรรมชาติ สบายๆ บ้านเมืองอยู่กันเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ สวยๆทั้งนั้นเลย
19:30 : ถึงที่พัก.....เป็น Guest House ที่เจ้าของบ้านดูแลและให้บริการเองค่ะ เป็นกันเองและดูแลดีมากๆ โดยเฉลี่ยผู้ที่มาพัก หรือมาเที่ยวแถว Lake District จะเป็นผู้สูงอายุวัยเกษียร หรือมากันเป็นครอบครัวค่ะ ส่วนมากจะเป็นคน UK มาเที่ยวกัน แบบเราไปเที่ยวพักผ่อนเขาใหญ่ประมาณนั้น มาที่นี่แทบไม่เจอคน Asia เลย
ความประทับใจกับการต้อนรับยังไม่ทันจางหาย พอเดินมาถึงห้องพักแทบกรี๊ด....มันสวยมาก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากค่ะ (ราคาพอๆกะ Budget Hotel ใน London แต่บริการและ Facilities เหนือกว่าเป็นไหนๆ...ก็นอกเมืองนี่เน๊อะ)
รูปภายนอกบ้าน, Common Room และ Dining Room ชั้น 1 (เห็นจักรยานสองคันนั้นไหม?.....เป็นของผู้มาพักวัยทำงานอีกกลุ่มนึงค่ะ นอกนั้นวัยเกษียรหมดแร้น)
ห้องพักค่ะ...สวยงามมาก หมอนขนเป็ดด้วย ที่นอนอุ่นสบายค่ะ
วิวจากหน้าต่างห้องพัก (ขณะนี้เป็นเวลา 2 ทุ่ม ฟ้ายังไม่มืดสนิทค่ะ)
ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปเราจะพักกันที่ Rysdales Guest House เป็นเวลา 2 คืน ^^
หมายเหตุ : ที่พักที่นี่แทบจะไม่มีข้อติเลย แต่นุชขอให้ 8/10 คะแนน เนื่องจากหน้าต่างห้องเป็นกระจกชั้นเดียว และ Heater เป็นแบบแก๊สระบบรวม ปิด/เปิด เป็นเวลา(เปิดช่วงเช้าและเย็นเท่านั้น)....ดึกๆหลังปิด Heater แล้วหนาวมาก ต้องรีบนอนก่อนที่เขาจะปิด Heater นะค่ะ
หลังจากเก็บกระเป๋า, ชื่นชมบรรยากาศที่พัก, ของที่ไป Shopping มาเมื่อตอนบ่าย และ หม่ำข้าวหมูกรอบ (อร่อยมาก แต่เยอะเกิ๊น ลืมไปว่าที่นี่ Portion ใหญ่ กินไม่ไหว เสียดายมาก)
จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นใกล้ๆที่พักค่ะ เผื่อจะหาร้านชิวๆ นั่งจิบเบียร์กันสักร้าน ด้วยความมืด จึงเดินไปไหนไม่ได้ไกลร้านที่เดินผ่านก็ไม่ค่อยน่านั่ง มีแต่เจ้าถิ่นไม่มีนักท่องเที่ยว เลยไม่กล้าแหยมค่ะ.....เลยแค่ซื้อน้ำเปล่ากลับที่พักมา 1 ขวด เท่านั้น
วันที่ 4 Meet Peter Rabbit @Hill Top & Watching Liverpool Vs. Manchester City@Ambleside (13/04/14)
วิวจากหน้าต่างห้องยามเช้า มองไปตรงๆจะเห็นลานกิจกรรม และฉากหลังเป็นโบสถ์ประจำเมืองค่ะ....ขออวดอีกสักนิด ชอบที่นี่มากค่ะ
8:30 น. : อาหารเช้า.....ที่นีเสิร์ฟอาหารเช้าเป็นเวลาค่ะ (8:30 – 9:00) ตื่นสายอด อิอิ
เช้านี้ เราสองคนเลือกอาหารเช้าแบบ English Breakfast ปกติ (เจ้าของบ้านจะมีรายการอาหารเช้ามาให้เลือกล่วงหน้า ซึ่งมีไม่กี่รายการ และให้เรานำมาวางไว้ข้างล่างก่อนออกจากห้องพัก เพื่อที่เขาจะได้เตรียมสำหรับวันรุ่งขึ้นให้เราค่ะ) อาหารเช้าจะปรุงสดค่ะ....เราจะต้องมาโชว์ตัวที่ห้องอาหารก่อน โดยจะมีหมายเลขห้องอยู่ที่โต๊ะ(นั่งมั่วไม่ได้นะ) เขาถึงจะเริ่มทำอาหารตามเมนูที่เราแจ้งไว้เมื่อคืน
9:30 น.: มุ่งหน้าสู่ Hill Top(อยู่อีกฝั่งของ Lake) บ้าน Beatrix Potter ถิ่นกำเนิด Peter Rabbit ใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที….
บ้าน Beatrix Potter มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมคนละ 10ปอนด์ ถือว่าแพงมากสำหรับการเข้าชมบ้าน 2/3หลัง(มีโซนกั้นไม่ให้เข้าด้วยจ๊ะ) เขาจะมีการบรรยายเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 20 นาที สำหรับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม ซึ่งตอนซื้อคูปองเขาจะแจ้งให้เราทราบว่า เราจะได้รอบกี่โมง (อีกประมาณ 10 นาที) เราสองคนไม่รอค่ะ....เลยเดินไปพร้อมกับกลุ่มก่อนหน้านี้ เดินดูไปรอบๆบ้านด้วยตัวเอง เขาพยายามทำให้บ้านเหมือนตอนที่ Beatrix Potter อยู่ให้มากที่สุด (ตามความเข้าใจของนุช) โต๊ะเขียนหนังสือเต็มบ้านไปหมด แทบทุกห้องเลย และก้อวางกระดาษร่างภาพและจดหมายต่างๆของ Beatrix Potter เอาไว้ (เว่อร์ไปหน่อยนะ)
โดยรวมไม่ค่อยประทับใจและเสียดายเงินค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับ Peter Rabbit
รูปหน้าบ้านของ Beatrix Potter (ภายในบ้านห้ามถ่ายรูป)
11:30 น. เดินทางกลับ Ambleside หาอาหารกลางวัน และที่นั่งชมฟุตบอล Big Match (Liverpool Vs. Manchester City) เดินวนเล่นรอบเมืองเพื่อเล็งร้านที่น่าสนใจที่สุด สุดท้ายก็กลับมา Irish Pub ร้านแรกที่เดินผ่าน....ทว่า สายไปเสียแล้ว คนเต็มหมดแล้วฮ้าฟฟฟ (เวลา 12:00น.)
สุดท้ายร้านที่เราได้นั่งชมฟุตบอล ชื่อ The Cellar Bar อยู่ใต้ดิน Guest House แห่งหนึ่ง ยังพอมีที่ให้นั่งบ้าง แล้วเราก็ได้แต่ดื่มเบียร์แทนข้าว เพราะที่นี่ Pub ไม่ค่อยมีอาหารให้กิน ส่วนมากจะเป็นเบอร์เกอร์ทำแบบลวกๆ หรือไม่ก็กิน Walker เป็นกับแกล้ม (เลย์บ้านเรานี่เอง) สรุปดื่มกันไปคนละ 2 ½ pint…..ใครว่าเบียร์ฝรั่งดื่มแล้วไม่เมา เขาถึงดื่มกันแทนน้ำได้ อันนี้อิชั้นขอเถียง...เมาไม่ต่างกันเลยฮ่ะ
สนุกดีค่ะ.....ที่ได้มาดูบอลแมตช์สำคัญที่อังกฤษ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ถ้าไปดูที่ร้านในเมืองใหญ่ๆ น่าจะสนุกขึ้นอีกเยอะ....
Q : ทำไมไม่ไปดูที่สนาม? อุตส่าห์บินไปถึงถิ่น
A : เห็นราคาแล้วจ่ายไม่ลงค่ะ >.<
15:30 น. : หลังจากดูบอลเสร็จแล้ว หน้ามืดหิวโซเดินเข้าร้านที่เห็นเด่นชัดที่สุด ณ จุดนั้น....O_o Fish&Chips ? และมันก็ไม่อร่อยอีกแร้วววววว.....พอทานเสร็จเรียบร้อย เดินออกมานอกร้าน เจอร้านน่านั่ง น่ากินเพียบเลยค่ะ (ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า)
17:00 น. : กลับถึงที่พัก งีบหลับกันทั้งคู่ เหนื่อยเง๊อะ....ตื่นมาอีกทีเกือบ 3 ทุ่ม เพราะลมแรงฝนตก สุดท้ายวันนี้จึงจบลงแต่เพียงเท่านี้ ...
By
ChattO+Nuzz - http://www.groovykidsshop.com
ตอนก่อนหน้านี้
http://ppantip.com/topic/31963382 - Prologue
http://ppantip.com/topic/31966836 - ตอนที่ 1