Microsoft เตือน Internet Explorer เสี่ยงถูกแฮก

กระทู้สนทนา


      ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศเตือนลูกค้าทั่วโลกให้ระวังช่องโหว่ในโปรแกรมท่องเน็ต "ไออี (Internet Explorer)" ซึ่งอาจเปิดช่องให้นักเจาะระบบสามารถสวมรอยและขโมยข้อมูลส่วนตัวในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ระบุช่องโหว่นี้ส่งผลตั้งแต่ Internet Explorer เวอร์ชัน 6 ถึง 11 เบื้องต้นไมโครซอฟท์ยืนยันช่องโหว่นี้ยังไม่ถูกนำไปใช้เพื่อเจาะระบบวงกว้าง แต่เป็นการโจมตีเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น
      
       การประกาศเตือนภัยผู้ใช้โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer ครั้งนี้ทำให้โลกตื่นตัวอย่างมาก ข้อมูลเบื้องต้นจากบริษัทวิจัย NetMarket Share ระบุว่าสัดส่วนผู้ใช้ Internet Explorer เวอร์ชัน 6 ถึง 11 ที่ได้รับผลกระทบจากรูรั่วนี้คิดเป็น 50% ของตลาดผู้ใช้เว็บเบราว์เซอร์ทั่วโลก คาดว่าผู้ใช้กลุ่มนี้จะกระจายตัวอยู่ในเอเชียจำนวนไม่น้อย
      
       ทั้งหมดนี้ ไมโครซอฟท์ประกาศว่าบริษัทกำลังเร่งมือสอบสวนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง คาดว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยการให้ลูกค้าอัปเดทความปลอดภัยของโปรแกรมผ่านการอัปเดทประจำเดือนได้ หรืออาจจะเปิดให้ผู้ใช้อัปเดทตามต้องการโดยไม่ต้องอิงกับช่วงเวลาให้บริการอัปเดทซอฟต์แวร์
      
       สำหรับความเสี่ยงจากช่องโหว่นี้ ไมโครซอฟท์ยอมรับว่านักเจาะระบบสามารถสร้างเว็บไซต์ปลอมที่ฝังชุดคำสั่งอันตรายไว้ เมื่อผู้ใช้เผลอคลิกเปิดเว็บไซต์นี้ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ Internet Explorer นักแฮกจะสามารถโจมตีคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้จากระยะไกล และจะควบคุมคอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้อย่างสมบูรณ์
      
       ในเบื้องต้น ไมโครซอฟท์แนะนำให้ผู้ใช้ระมัดระวังการเปิดเว็บไซต์แปลกปลอมที่อาจส่งมาทางเครือข่ายสังคมออนไลน์หรืออีเมล รวมถึงโปรแกรมสนทนาหรือ instant messenger จุดนี้หากไม่มีการคลิกเปิดเว็บไซต์ Internet Explorer ก็จะไม่มีความเสี่ยงในการถูกโจมตีใดๆ
      
       หากการโจมตีสำเร็จ นักเจาะระบบจะสามารถติดตั้งโปรแกรมใดก็ได้บนคอมพิวเตอร์โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็สามารถเรียกชม เปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูลในเครื่องได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงการสร้างชื่อบัญชีใหม่เพื่อให้ได้สิทธิเป็นผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่แท้จริงได้แบบเบ็ดเสร็จ
      
       สำหรับผู้ใช้ในองค์กรธุรกิจ ไมโครซอฟท์แนะนำให้ผู้ใช้ Internet Explorer บนระบบปฏิบัติการ Windows Server 2003, Windows Server 2008, Windows Server 2008 R2, Windows Server 2012 และ Windows Server 2012 R2 สามารถเปิดการทำงานในระบบป้องกันได้ เพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากช่องโหว่นี้ในเบื้องต้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่