!!!! อ้าว งานยังไม่เสร็จ ทะเลาะกันก่อนซะแล้ว กลับไปอยู่บ้านเลี้ยงหลานดีกว่าไม๊
สายหยุด ติงป๋าไม่ให้เกียรติ ให้ทส.ต่อสายคุย - ลั่นไม่ได้กระ
กระสนไปพบ แต่ถูกเรียกไป
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะประธานคณะรัฐบุคคล ชี้แจง กรณีที่ พล.ท.พิษณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ออกมาระบุว่า พล.อ.เปรม แค่รับทราบข้อเสนอของคณะรัฐบุรุษ กรณีที่จะร่างพระบรมราชโองการ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไทยแก้วิกฤติประเทศ ว่า สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริงและไม่รู้ว่าทำไม พล.อ.เปรม ถึงเปลี่ยนใจ ต้องไปถามท่าน ยืนยันว่าพูดความจริงทุกอย่าง และเมื่อวานนี้(27 เม.ย.) พล.อ.เปรม ได้ให้ นายทหารคนสนิทโทรศัพย์มาหาตนเพื่อให้พูดคุยกับ พล.อ.เปรม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทาง พล.อ.เปรม บอกว่า ตนเข้าใจผิด ซึ่งตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าสิ่งที่พูดไปเรื่องจริง
"เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 เม.ย. ผมได้พูดคุยป๋าเปรม โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า ในเรื่องการแก้วิกฤติของประเทศ และก่อนผมจะกลับออกจากบ้านสี่เสาร์เทเวศ ได้พูดกับ ป๋า ว่า จะนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงกับสื่อมวลชน ให้รับทราบเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดในลักษณะนี้ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้เรื่องกลับตาลปัตร ซึ่งตอนแรกที่ให้ผมเข้าพบ ป๋า เป็นฝ่ายยกหูมาหาผม แต่มาวันนี้กลับให้ทหารคนสนิทยกหูมาหา ต้องให้เกียรติผมด้วย และการที่ผมไปพบป๋า ผมไม่ได้กระ
กระสนไป ท่านเป็นฝ่ายเชิญผม"
พล.อ.สายหยุด กล่าวว่า ก่อนที่ตนจะออกมาพูดได้บอกกล่าว พล.เปรม แล้วว่าจะชี้แตงสื่อมวลชน โดยท่านไม่ได้แย้งอะไร ส่วนร่างดังกล่าวกำลังดำเนินการ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และจะดำเนินการต่อ จะไม่ยุติยืนยันจะเดินหน้าต่อไปเพื่อยุติความขัดแย้งให้ได้ ส่วนการที่ พล.อ.เปรม เปลี่ยนใจก็ไม่ผิดหวังอะไร
ทั้งนี้ เมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูนนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้กล่าวไว้ว่า จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ได้มีมาคณะรัฐบุคคลนำโดยพล.อ.สายหยุด เกิดผล ได้เข้าพบ พล.อ.เปรมจริง แต่เป็นการรับทราบข้อมูลความเป็นมาที่มาที่ไป แนวคิดของรัฐบุคคลว่าเป็นอย่างไร และสิ่งที่คณะรัฐบุคคลจะทำเท่านั้น ยังไม่มีแนวคิดที่ไปไกลกว่านี้ ตามความคิดของคณะรัฐบุคคลแแต่อย่างใด
น่าจะเป็นการรับทราบข้อมูลเฉยๆ มากกว่า ไม่น่าจะไปไกลถึงกับการเห็นด้วยกับแนวคิดของคณะรัฐบุคคล น่าจะเป็นการรับทราบว่าคณะรัฐบุคคลมีความเป็นมาอย่างไร คิดอะไร จะทำอะไรเท่านั้น
สายหยุด ติงป๋าไม่ให้เกียรติ ให้ทส.ต่อสายคุย - ลั่นไม่ได้กระ:)กระสนไปพบ แต่ถูกเรียกไป
สายหยุด ติงป๋าไม่ให้เกียรติ ให้ทส.ต่อสายคุย - ลั่นไม่ได้กระกระสนไปพบ แต่ถูกเรียกไป
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะประธานคณะรัฐบุคคล ชี้แจง กรณีที่ พล.ท.พิษณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ออกมาระบุว่า พล.อ.เปรม แค่รับทราบข้อเสนอของคณะรัฐบุรุษ กรณีที่จะร่างพระบรมราชโองการ ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไทยแก้วิกฤติประเทศ ว่า สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริงและไม่รู้ว่าทำไม พล.อ.เปรม ถึงเปลี่ยนใจ ต้องไปถามท่าน ยืนยันว่าพูดความจริงทุกอย่าง และเมื่อวานนี้(27 เม.ย.) พล.อ.เปรม ได้ให้ นายทหารคนสนิทโทรศัพย์มาหาตนเพื่อให้พูดคุยกับ พล.อ.เปรม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทาง พล.อ.เปรม บอกว่า ตนเข้าใจผิด ซึ่งตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าสิ่งที่พูดไปเรื่องจริง
"เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 เม.ย. ผมได้พูดคุยป๋าเปรม โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่า ในเรื่องการแก้วิกฤติของประเทศ และก่อนผมจะกลับออกจากบ้านสี่เสาร์เทเวศ ได้พูดกับ ป๋า ว่า จะนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงกับสื่อมวลชน ให้รับทราบเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดในลักษณะนี้ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้เรื่องกลับตาลปัตร ซึ่งตอนแรกที่ให้ผมเข้าพบ ป๋า เป็นฝ่ายยกหูมาหาผม แต่มาวันนี้กลับให้ทหารคนสนิทยกหูมาหา ต้องให้เกียรติผมด้วย และการที่ผมไปพบป๋า ผมไม่ได้กระกระสนไป ท่านเป็นฝ่ายเชิญผม"
พล.อ.สายหยุด กล่าวว่า ก่อนที่ตนจะออกมาพูดได้บอกกล่าว พล.เปรม แล้วว่าจะชี้แตงสื่อมวลชน โดยท่านไม่ได้แย้งอะไร ส่วนร่างดังกล่าวกำลังดำเนินการ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และจะดำเนินการต่อ จะไม่ยุติยืนยันจะเดินหน้าต่อไปเพื่อยุติความขัดแย้งให้ได้ ส่วนการที่ พล.อ.เปรม เปลี่ยนใจก็ไม่ผิดหวังอะไร
ทั้งนี้ เมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูนนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้กล่าวไว้ว่า จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ได้มีมาคณะรัฐบุคคลนำโดยพล.อ.สายหยุด เกิดผล ได้เข้าพบ พล.อ.เปรมจริง แต่เป็นการรับทราบข้อมูลความเป็นมาที่มาที่ไป แนวคิดของรัฐบุคคลว่าเป็นอย่างไร และสิ่งที่คณะรัฐบุคคลจะทำเท่านั้น ยังไม่มีแนวคิดที่ไปไกลกว่านี้ ตามความคิดของคณะรัฐบุคคลแแต่อย่างใด
น่าจะเป็นการรับทราบข้อมูลเฉยๆ มากกว่า ไม่น่าจะไปไกลถึงกับการเห็นด้วยกับแนวคิดของคณะรัฐบุคคล น่าจะเป็นการรับทราบว่าคณะรัฐบุคคลมีความเป็นมาอย่างไร คิดอะไร จะทำอะไรเท่านั้น