สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง
หลังจากได้เริ่มต้นเขียนรีวิวครั้งแรกในชีวิตไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมเองก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ถ้ามีโอกาสเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกสักครั้ง จะกลับมาเขียนรีวิวให้ได้อ่านกันอีก จะว่าไปก็ไม่นึกเลยนะครับเนี่ยว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ (ยังไม่สองเดือนเลยเนี่ยนะ..!!??) ก็มีหลายคนที่ถามเข้ามาเหมือนกันนะครับว่าจะไปบ่อยอะไรนักหนา บ้านอยู่ที่นั่นหรือไง บางคนก็คาดเดากันไปต่างๆนานา ว่าแอบซุกสาวๆเก็บไว้ที่ญี่ปุ่นรึเปล่า (ถ้ามีก็ดีสิครับ แหม่!!
)
จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากความต้องการที่จะแก้ตัว จากทริปเมื่อปีที่แล้ว ที่ผมได้ร่วมคณะทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพี่ๆที่รู้จักกัน รวมทั้งคุณแม่ ซึ่งเป็นทริปแรกที่ผมซื้อกล้อง DSLR มาใช้ (จำได้ว่าซื้อก่อนเดินทาง 2 วัน แล้วไปฝึกหัดใช้ที่ญี่ปุ่นเลยครับ
ตัวผมเองนั้นไม่ได้มีความรู้ในเรื่องการใช้กล้อง DSLR มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาเคยซื้อกล้องมาใช้แค่ตัวเดียว นู่นเลยตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ฟิล์มอยู่ (บอกอายุเลยแหะ
) หลังจากนั้นก็ไม่ได้แตะกล้องอีกเลยครับ ใช้แต่มือถือถ่ายเอาล้วนๆ ผลที่ตามมาจากการเริ่มต้นลองของจริงแบบไม่มีซ้อม ทำให้รูปจากทริปเมื่อปีที่แล้ว "ใช้แทบไม่ได้เลยครับ"
โฟกัสผิดตำแหน่ง ตั้งใจจะให้หน้าชัดก็กลายเป็นหน้าเบลอหลังชัดไปซะงั้น ค่า F Shutterspeed ISO คืออะไร ณ ตอนนั้นยังแทบจะอธิบายไม่ได้ น่าขายหน้าสุดๆ
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ตัวจากเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับเข้าใกล้ช่วงซากุระบานที่ญี่ปุ่นพอดี ทริปนี้เลยตั้งใจที่จะไปลองเก็บภาพสวยๆที่มีซากุระเป็นฉากหน้ากลับมาแบ่งปันให้พี่ๆน้องๆชาวพันทิปสักหน่อย แต่เนื่องจากเป็นทริปที่เกิดขึ้นแบบกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถหาผู้ร่วมชะตากรรมไปด้วยได้เลยครับ
(บ้างก็ติดงาน บ้างก็ติดเลี้ยงลูกเลี้ยงภรรยา บ้างก็มีปัญหาทางบ้าน) ไม่มีทางเลือกครับ นอกจากต้องบินเดี่ยวเที่ยวคนเดียวแล้วล่ะ สารภาพกันตรงๆแบบไม่อายเลยว่า ความคิดที่จะไปเที่ยวเพียงคนเดียวไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองผมเลยนะ อาจเพราะติดขี้ป๊อดมาตั้งแต่เด็กแถมไม่ค่อยกล้าที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ ภาษาญี่ปุ่นพูดได้สามสี่คำ ภาษาอังกฤษก็พูดไม่เก่ง แล้วมันจะอยู่รอดได้ยังไงฟระ? พูดกันง่ายๆก็คือกลัวนั่นแหละครับ กลัวเหงา กลัวหลง กลัวอดตาย กลัวคุยกับคนไม่รู้เรื่อง กลัวสารพัดจะกลัว
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วละ ใครๆเค้าก็ไปกัน พ่อแม่หลายคนเค้ายังส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเมืองนาเพียงคนเดียว เค้าก็เห็นอยู่ได้กันทั้งนั้น นี่เราอายุก็ปูนนี้แล้ว ไปเที่ยวแค่ไม่กี่วัน มันจะไปยากอะไร๊ !! (เสียงสูงประชดตัวเอง
) แต่ก่อนจะไปลุยก็ขอเตรียมตัวหน่อย ตามประสาคนขี้ป๊อด !!
การเตรียมตัว
สำหรับทริปนี้ ผมให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวค่อนข้างมากครับ อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ไปคนเดียวด้วย ก็เลยต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้
1. วางแผนการเดินทาง เนื่องจากจุดประสงค์หลักของผมคือการถ่ายภาพ ดังนั้น สภาพอากาศจึงเป็นตัวแปรสำคัญมากๆ ที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก การวางแผนการเดินทางของผมจึงพยายามที่จะไม่กำหนดแบบตายตัว ผมจะเขียนแผนคร่าวๆเอาไว้ แพลนแบบหลวมๆให้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้วันต่อวัน ลิสสถานที่เที่ยวและวิธีการเดินทางใส่ตารางเอาไว้ เพื่อให้หยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เที่ยวสิบครั้งไม่มีหลง !! อิอิ (สุดท้ายก็หลงอยู่ดี)”
นี่คือบางส่วนของตารางที่ผมทำขึ้นมาคร่าวๆ ด้วยความเข้าใจของผมเอง (อาจมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้างนะครับ) โดยจะลิสสถานที่เที่ยวที่ผมสนใจทั้งหมดในโซนที่ผมจะไปเอาไว้ ในทุกๆคืนก่อนเดินทางจะเปิดดูเพื่อเลือกแพลนสถานที่ที่จะไปได้ง่าย ซึ่งในตารางช่องสุดท้ายผมจะทำเป็นลิงค์เชื่อมต่อไปยังเวปที่มีข้อมูล ถ้าเกิดจำเป็นจริงๆก็สามารถเปิดดูได้ (มีกระทู้รีวิวของพี่ๆน้องๆหลายๆคนในพันทิปด้วยน้า)
2. การจองที่พัก ผมพยายามเลือกที่พักที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ และง่ายต่อการเดินทางไปสถานที่เที่ยวต่างๆ เพื่อความสะดวกของการสับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้อย่างอิสระถ้าหากว่าสภาพอากาศไม่เป็นใจ และพยายามที่จะไม่เปลี่ยนที่พักบ่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆไปไหนมาไหนบ่อยๆ แต่ก็มีบางที่ที่มีข้อยกเว้น เช่น ที่พักบนเขา หรือ บริเวณรอบๆฟูจิ ซึ่งที่พักเหล่านี้ต้องวัดดวงกันแล้วละครับว่า วันนั้นสภาพอากาศจะเป็นยังไง (เนื่องจากการจองที่พักล่วงหน้าหลายๆวัน เราคงไม่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศในบริเวณนั้นได้อย่างแม่นยำ จะรอจองใกล้ๆก็คงจะเต็มหมด
)
ป.ล. ผมเลือกห้องพักแบบพักเดี่ยวนะครับ เพราะการนอนรวมแบบ Guesthouse เราไม่สามารถเลือกคนที่พักร่วมกับเราได้ ผมกลัวอุปกรณ์ถ่ายภาพหาย เลยต้องยอมที่จะจ่ายเพิ่มในส่วนนี้ (ข้อเสียของการเที่ยวคนเดียวก็คือไม่มีคนหารค่าห้องพักนี่แหละครับ จ่ายเต็มๆ ฮือๆ)
3. อุปกรณ์การถ่ายภาพ หลักๆก็มีเลนส์มุมกว้าง กับ เลนส์เทเล อย่างละตัวครับ ขาตั้งกล้องอีก 1 อัน (สำคัญมากให้ได้ภาพที่คมชัดและไว้ตั้งเวลาถ่ายตัวเอง) , ฟิลเตอร์ ND (ไว้ถ่ายน้ำตก ทำให้น้ำนิ่ง) , Remote Time Lapse (ซื้อมาไว้ เผื่อได้ถ่ายดาว) , Flash external (ไว้ถ่ายตัวเองเวลาย้อนแสง) , MEMORY Card 32 GB 4 อัน (สุดท้ายก็ไม่พอต้องไปซื้อ 64 อีกอัน) , แบตเตอร์รี่ 3 ก้อน (เพราะอากาศเย็นแบตจะหมดไวกว่าปกติ) แค่นี้ก็ร่วมๆ 5 กิโลแล้วครับ แบกมันเข้าไป ก็เราเน้นถ่ายภาพนี่นา
4. เสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทาง ทริปที่แล้วผมได้ลองสะพายเป้แบบแบ๊กแพคไปแล้ว เอาจริงๆมันก็สะดวกดีครับ แต่สำหรับทริปนี้มันคงไม่เหมาะ เนื่องจากในแผนการเดินทางไม่ได้เปลี่ยนที่พักทุกวัน และผมก็ตั้งใจที่จะเอากระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กมาด้วย เพื่อใช้จัดเป็นกระเป๋าเล็กแยกไปเที่ยวในบางสถานที่ เช่น บนเขา หรือ รอบๆฟูจิ ส่วนกระเป๋าลากก็จะใช้บริการแมวดำส่งไปยังที่หมายก่อน ดังนั้น ในทริปนี้ผมเลือกใช้กระเป๋าลากสี่ล้อ ขนาด 24 นิ้วครับ
รวมทั้งหมดก็จะมี กระเป๋าล้อลาก 1 ใบ กระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็ก 1 ใบ กระเป๋ากล้องใส่อุปกรณ์กล้องสะพายข้างอีก 1 ใบ ครับผม (ถ้า 3 ใบ คอมโบกันนี่หนักอย่าบอกใครเลย
)
เอาละ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันได้ครับ แต่เดี๋ยวก่อน!! แล้วเราจะไปไหนกันล่ะไปดูในรูปข้างล่างกันเล้ย
จากแพลนตอนแรก ผมตั้งใจที่จะเที่ยวแบบล่างขึ้นบน ตามเวลาการบานของซากุระ (เช็คจาก www.japan-guide.com) โดยไล่ตั้งแต่ภูมิภาคคิวชูขึ้นมา จึงได้จองเครื่องบินไปลงที่ Fukuoka และกลับที่ Tokyo แต่เนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องในเรื่องของตารางงาน เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนกะทันหัน ซึ่งไฟล์ทที่บินไปลง Fukuoka เต็มหมด (เพราะช่วงปลายมีนาคม - ต้นเมษายน เป็นช่วงที่ซากุระกำลังบานเต็มที่ในโซนคิวชู - คันไซ พอดิบพอดี) จะเปลี่ยนแผนไปลง Osaka ก็ไม่มีไฟล์ทดึกว่างเลย มีแต่ไปลง Tokyo เท่านั้นที่ว่าง
ในช่วงที่กำลังเครียดกับการตัดสินใจอยู่นั้น ก็บังเอิญนึกถึงรีวิวเที่ยว Japan Central Alps แบบ Unseen ของคุณ guTz ขึ้นมาพอดี พอเข้าเวปเช๊คสภาพอากาศที่บริเวณ Komagane , Nagano (อีกประมาณ 1 สัปดาห์จะถึงวันออกเดินทาง) ปรากฏว่า อากาศค่อนข้างแจ่มใสตลอดช่วง วันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายนพอดี ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนแบบกะทันหันไปตามรอย Unseen Japan Central Alps แบบคุณ guTz ทันที ดังนั้นผมจึงเลือกไฟล์ทไปลง Tokyo โดยบินคืนวันที่ 31 มีนาคม ไปถึงเช้าวันที่ 1 เมษายน ครับผม
ช่วงต่อไปจะเข้าสู่ช่วงการรีวิวแบบจริงๆจังๆซะทีนะครับ โดยผมจะแบ่งการรีวิวออกเป็น Part (เหตุเพราะรูปเยอะมากและต้องใช้เวลาระลึกชาติว่าไปไหนมาบ้าง) แต่จะค่อยๆทยอยเขียนให้เสร็จครบทุก part นะครับ
ป.ล. ต้องขออภัยที่เขียนบทนำมาซะยาว หวังว่าคงจะไม่เบื่อกันซะก่อนนะคร้าบ
[CR] Japan Alone Trip April,1-13 : ครั้งแรกในชีวิตกับการลุยเดี่ยว เที่ยวถ่ายภาพที่ญี่ปุ่น 13 วัน - Part 0-1. เตรียมตัวลุย
จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดจากความต้องการที่จะแก้ตัว จากทริปเมื่อปีที่แล้ว ที่ผมได้ร่วมคณะทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพี่ๆที่รู้จักกัน รวมทั้งคุณแม่ ซึ่งเป็นทริปแรกที่ผมซื้อกล้อง DSLR มาใช้ (จำได้ว่าซื้อก่อนเดินทาง 2 วัน แล้วไปฝึกหัดใช้ที่ญี่ปุ่นเลยครับ ตัวผมเองนั้นไม่ได้มีความรู้ในเรื่องการใช้กล้อง DSLR มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาเคยซื้อกล้องมาใช้แค่ตัวเดียว นู่นเลยตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ฟิล์มอยู่ (บอกอายุเลยแหะ ) หลังจากนั้นก็ไม่ได้แตะกล้องอีกเลยครับ ใช้แต่มือถือถ่ายเอาล้วนๆ ผลที่ตามมาจากการเริ่มต้นลองของจริงแบบไม่มีซ้อม ทำให้รูปจากทริปเมื่อปีที่แล้ว "ใช้แทบไม่ได้เลยครับ" โฟกัสผิดตำแหน่ง ตั้งใจจะให้หน้าชัดก็กลายเป็นหน้าเบลอหลังชัดไปซะงั้น ค่า F Shutterspeed ISO คืออะไร ณ ตอนนั้นยังแทบจะอธิบายไม่ได้ น่าขายหน้าสุดๆ
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ตัวจากเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับเข้าใกล้ช่วงซากุระบานที่ญี่ปุ่นพอดี ทริปนี้เลยตั้งใจที่จะไปลองเก็บภาพสวยๆที่มีซากุระเป็นฉากหน้ากลับมาแบ่งปันให้พี่ๆน้องๆชาวพันทิปสักหน่อย แต่เนื่องจากเป็นทริปที่เกิดขึ้นแบบกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถหาผู้ร่วมชะตากรรมไปด้วยได้เลยครับ (บ้างก็ติดงาน บ้างก็ติดเลี้ยงลูกเลี้ยงภรรยา บ้างก็มีปัญหาทางบ้าน) ไม่มีทางเลือกครับ นอกจากต้องบินเดี่ยวเที่ยวคนเดียวแล้วล่ะ สารภาพกันตรงๆแบบไม่อายเลยว่า ความคิดที่จะไปเที่ยวเพียงคนเดียวไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองผมเลยนะ อาจเพราะติดขี้ป๊อดมาตั้งแต่เด็กแถมไม่ค่อยกล้าที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ ภาษาญี่ปุ่นพูดได้สามสี่คำ ภาษาอังกฤษก็พูดไม่เก่ง แล้วมันจะอยู่รอดได้ยังไงฟระ? พูดกันง่ายๆก็คือกลัวนั่นแหละครับ กลัวเหงา กลัวหลง กลัวอดตาย กลัวคุยกับคนไม่รู้เรื่อง กลัวสารพัดจะกลัว แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วละ ใครๆเค้าก็ไปกัน พ่อแม่หลายคนเค้ายังส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเมืองนาเพียงคนเดียว เค้าก็เห็นอยู่ได้กันทั้งนั้น นี่เราอายุก็ปูนนี้แล้ว ไปเที่ยวแค่ไม่กี่วัน มันจะไปยากอะไร๊ !! (เสียงสูงประชดตัวเอง ) แต่ก่อนจะไปลุยก็ขอเตรียมตัวหน่อย ตามประสาคนขี้ป๊อด !!
การเตรียมตัว
สำหรับทริปนี้ ผมให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวค่อนข้างมากครับ อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่ไปคนเดียวด้วย ก็เลยต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้
1. วางแผนการเดินทาง เนื่องจากจุดประสงค์หลักของผมคือการถ่ายภาพ ดังนั้น สภาพอากาศจึงเป็นตัวแปรสำคัญมากๆ ที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก การวางแผนการเดินทางของผมจึงพยายามที่จะไม่กำหนดแบบตายตัว ผมจะเขียนแผนคร่าวๆเอาไว้ แพลนแบบหลวมๆให้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้วันต่อวัน ลิสสถานที่เที่ยวและวิธีการเดินทางใส่ตารางเอาไว้ เพื่อให้หยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เที่ยวสิบครั้งไม่มีหลง !! อิอิ (สุดท้ายก็หลงอยู่ดี)”
นี่คือบางส่วนของตารางที่ผมทำขึ้นมาคร่าวๆ ด้วยความเข้าใจของผมเอง (อาจมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้างนะครับ) โดยจะลิสสถานที่เที่ยวที่ผมสนใจทั้งหมดในโซนที่ผมจะไปเอาไว้ ในทุกๆคืนก่อนเดินทางจะเปิดดูเพื่อเลือกแพลนสถานที่ที่จะไปได้ง่าย ซึ่งในตารางช่องสุดท้ายผมจะทำเป็นลิงค์เชื่อมต่อไปยังเวปที่มีข้อมูล ถ้าเกิดจำเป็นจริงๆก็สามารถเปิดดูได้ (มีกระทู้รีวิวของพี่ๆน้องๆหลายๆคนในพันทิปด้วยน้า)
2. การจองที่พัก ผมพยายามเลือกที่พักที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ และง่ายต่อการเดินทางไปสถานที่เที่ยวต่างๆ เพื่อความสะดวกของการสับเปลี่ยนแผนการเดินทางได้อย่างอิสระถ้าหากว่าสภาพอากาศไม่เป็นใจ และพยายามที่จะไม่เปลี่ยนที่พักบ่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆไปไหนมาไหนบ่อยๆ แต่ก็มีบางที่ที่มีข้อยกเว้น เช่น ที่พักบนเขา หรือ บริเวณรอบๆฟูจิ ซึ่งที่พักเหล่านี้ต้องวัดดวงกันแล้วละครับว่า วันนั้นสภาพอากาศจะเป็นยังไง (เนื่องจากการจองที่พักล่วงหน้าหลายๆวัน เราคงไม่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศในบริเวณนั้นได้อย่างแม่นยำ จะรอจองใกล้ๆก็คงจะเต็มหมด )
ป.ล. ผมเลือกห้องพักแบบพักเดี่ยวนะครับ เพราะการนอนรวมแบบ Guesthouse เราไม่สามารถเลือกคนที่พักร่วมกับเราได้ ผมกลัวอุปกรณ์ถ่ายภาพหาย เลยต้องยอมที่จะจ่ายเพิ่มในส่วนนี้ (ข้อเสียของการเที่ยวคนเดียวก็คือไม่มีคนหารค่าห้องพักนี่แหละครับ จ่ายเต็มๆ ฮือๆ)
3. อุปกรณ์การถ่ายภาพ หลักๆก็มีเลนส์มุมกว้าง กับ เลนส์เทเล อย่างละตัวครับ ขาตั้งกล้องอีก 1 อัน (สำคัญมากให้ได้ภาพที่คมชัดและไว้ตั้งเวลาถ่ายตัวเอง) , ฟิลเตอร์ ND (ไว้ถ่ายน้ำตก ทำให้น้ำนิ่ง) , Remote Time Lapse (ซื้อมาไว้ เผื่อได้ถ่ายดาว) , Flash external (ไว้ถ่ายตัวเองเวลาย้อนแสง) , MEMORY Card 32 GB 4 อัน (สุดท้ายก็ไม่พอต้องไปซื้อ 64 อีกอัน) , แบตเตอร์รี่ 3 ก้อน (เพราะอากาศเย็นแบตจะหมดไวกว่าปกติ) แค่นี้ก็ร่วมๆ 5 กิโลแล้วครับ แบกมันเข้าไป ก็เราเน้นถ่ายภาพนี่นา
4. เสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทาง ทริปที่แล้วผมได้ลองสะพายเป้แบบแบ๊กแพคไปแล้ว เอาจริงๆมันก็สะดวกดีครับ แต่สำหรับทริปนี้มันคงไม่เหมาะ เนื่องจากในแผนการเดินทางไม่ได้เปลี่ยนที่พักทุกวัน และผมก็ตั้งใจที่จะเอากระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กมาด้วย เพื่อใช้จัดเป็นกระเป๋าเล็กแยกไปเที่ยวในบางสถานที่ เช่น บนเขา หรือ รอบๆฟูจิ ส่วนกระเป๋าลากก็จะใช้บริการแมวดำส่งไปยังที่หมายก่อน ดังนั้น ในทริปนี้ผมเลือกใช้กระเป๋าลากสี่ล้อ ขนาด 24 นิ้วครับ
รวมทั้งหมดก็จะมี กระเป๋าล้อลาก 1 ใบ กระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็ก 1 ใบ กระเป๋ากล้องใส่อุปกรณ์กล้องสะพายข้างอีก 1 ใบ ครับผม (ถ้า 3 ใบ คอมโบกันนี่หนักอย่าบอกใครเลย )
เอาละ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันได้ครับ แต่เดี๋ยวก่อน!! แล้วเราจะไปไหนกันล่ะไปดูในรูปข้างล่างกันเล้ย
จากแพลนตอนแรก ผมตั้งใจที่จะเที่ยวแบบล่างขึ้นบน ตามเวลาการบานของซากุระ (เช็คจาก www.japan-guide.com) โดยไล่ตั้งแต่ภูมิภาคคิวชูขึ้นมา จึงได้จองเครื่องบินไปลงที่ Fukuoka และกลับที่ Tokyo แต่เนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องในเรื่องของตารางงาน เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนกะทันหัน ซึ่งไฟล์ทที่บินไปลง Fukuoka เต็มหมด (เพราะช่วงปลายมีนาคม - ต้นเมษายน เป็นช่วงที่ซากุระกำลังบานเต็มที่ในโซนคิวชู - คันไซ พอดิบพอดี) จะเปลี่ยนแผนไปลง Osaka ก็ไม่มีไฟล์ทดึกว่างเลย มีแต่ไปลง Tokyo เท่านั้นที่ว่าง
ในช่วงที่กำลังเครียดกับการตัดสินใจอยู่นั้น ก็บังเอิญนึกถึงรีวิวเที่ยว Japan Central Alps แบบ Unseen ของคุณ guTz ขึ้นมาพอดี พอเข้าเวปเช๊คสภาพอากาศที่บริเวณ Komagane , Nagano (อีกประมาณ 1 สัปดาห์จะถึงวันออกเดินทาง) ปรากฏว่า อากาศค่อนข้างแจ่มใสตลอดช่วง วันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายนพอดี ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนแบบกะทันหันไปตามรอย Unseen Japan Central Alps แบบคุณ guTz ทันที ดังนั้นผมจึงเลือกไฟล์ทไปลง Tokyo โดยบินคืนวันที่ 31 มีนาคม ไปถึงเช้าวันที่ 1 เมษายน ครับผม
ช่วงต่อไปจะเข้าสู่ช่วงการรีวิวแบบจริงๆจังๆซะทีนะครับ โดยผมจะแบ่งการรีวิวออกเป็น Part (เหตุเพราะรูปเยอะมากและต้องใช้เวลาระลึกชาติว่าไปไหนมาบ้าง) แต่จะค่อยๆทยอยเขียนให้เสร็จครบทุก part นะครับ
ป.ล. ต้องขออภัยที่เขียนบทนำมาซะยาว หวังว่าคงจะไม่เบื่อกันซะก่อนนะคร้าบ