ก่อนอื่นขอบคุณทุกคนที่ถามไถ่กันมานะคะ หายไปนานเลย ต่อไปก็พยายามลงทุกวันนะคะเพราะเขียนเรียบร้อยแล้วสามเรื่องกับสามปี ยังไม่ได้ไล่ดูคำผิดนัก แต่เดี๋ยวลองอ่านกันก่อนนะคะ
ผนึกเนรมิตรักแรก' ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31533016
2
‘ฤดูใบไม้ร่วง 2011 เมืองอิทาคา นิวยอร์ก บอลช์ฮอลล์ดอร์ม
ถึงกช เพื่อนที่เรารักที่สุด
ปีย์ไม่ได้เขียนจดหมายถึงกชนานเต็มที ตัวสบายดีใช่ไหมกช? รู้ไหมว่าปีย์กำลังเขียนจดหมายอยู่ที่ไหน? บนต้นไม้! กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนต้นเมเปิ้ลใหญ่หลังบอลช์ฮอลล์ดอร์ม อยากให้กชได้มาเห็นนิวยอร์กในฤดูใบไม้ร่วงนี้จัง ต้นเมเปิ้ลที่ขึ้นเรียงรายเต็มสองข้างทางหน้าดอร์มตอนนี้กลายเป็นสีเหลืองทอง บ้างร่วงหล่นกลาดเกลื่อนเต็มพื้นถนนหนทางไปทั่วสนามหญ้าในมหาวิทยาลัย
อากาศเวลานี้กำลังสบายพอดีตัวเชียวกช ไม่ร้อนและไม่หนาว นักศึกษาหญิงที่นี่กำลังฮิตใส่สายเดี่ยวรัดรูปโชว์สะดือ ทับด้วยเสื้อยีนส์เท่ห์ๆกับกางเกงยีนส์ขายาวกัน ไม่อยากจะปดว่าปีย์ก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาหญิงของที่นี่ ปีย์ก็เลยรู้สึกพอใจที่แต่งตัวแบบนั้นด้วย...
คืนวานนี้พ่อโทรมาจากเชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่าคุณเหมย หล่อนบ่นว่าค่าเรียนปีย์แพงหูฉี่ เลยอยากให้ตัวข้าพเจ้ารับเงินค่าเทอมจากพ่อเพิ่ม คงคิดว่าเราถลุงเงินในบัญชีที่ได้จากเงินส่วนของแม่มาใช้ไปหมดแล้วล่ะมั้งกช เรามันตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี่แล้ว ครั้นจะให้จะย้อนกลับไปแบมือขอเงินเค้าฟรีๆ เห็นจะยาก ตัวรู้ดีกว่าใครใช่ไหมข้อนี้ เขาคงนึกสมเพชเรามากกว่าสงสาร
พ่อน่ะเหรอ ด่าทอปีย์ตั้งแต่เมื่อแรกมาอยู่ที่นี่แล้ว คำว่าบ้าได้ยินจนจนหูชาไปข้าง ‘แกมันบ้านะปีย์ออกไปอยู่คนเดียวในเมืองแบบนั้น แกมันบ้าจริงๆที่หัวดื้อ อวดฉลาดนักก็อยู่ให้ได้อย่าร้องไห้กลับมาละกัน’ หลายครั้งนะที่พอปีย์รู้สึกท้อ คำพูดพวกนี้ของพ่อจะเป็นแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง ยังไงก็ตามปีย์มาไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้แล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงกำลังที่ผ่านไปก็มักจะพัดสายลมหนาวและหิมะแรกของปีมาด้วยเสมอ ชีวิตคนเราไม่เหมือนฤดู...นั่นก็เป็นอีกสัจธรรมที่แสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้อีก เพราะอดีต ไม่มีวันหมุนเวียนหวนคืนกลับมาอีกครั้ง มีแค่ปัจจุบันเท่านั้นที่เรากำลังดำรงอยู่และมันจริงแท้ที่สุด...
ช่วงนี้อ่านหนังสือหนักรึเปล่ากช อาการปป่วยเป็นยังไงบ้าง ถ้ายังไงหาเวลามาจิบชาทานขนมที่นี่บ้างจะได้ไหม? ข้าพเจ้าจะนับวันรอเลยขอให้ได้วันที่แน่นอนเขียนบอกมาในจดหมายฉบับต่อไปด้วยนะ มานอนค้างด้วยกันอีกซักสองสามคืนสิ เที่ยวนี้เป็นอะไรไม่รู้คิดถึงตัวจับใจ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ปากเรียวบางได้รูปยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนหุบยิ้มลงทันทีด้วยความไม่ประมาทที่จะให้ใครมาพบเห็นตัวเองนั่งอ่านจดหมายของเด็กผู้หญิงปริศนาที่ชื่อปีย์วราแล้วยังนั่งยิ้มให้กับจดหมายได้...
ปริศนาที่สามารถไขได้ข้อแรกคือ ปีย์วรา ศักดิ์วรกุลเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ซ้ำน้องกชยังเคยไปนอนค้างที่ดอร์มของฝ่ายนั้นเสียด้วย ราวกับว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกัน...แต่ทั้งสองจะสนิทกันระดับไหนนั้นเขาไม่แน่ใจนัก นลถอนหายใจสั้นๆอย่างหนักใจก่อนจะก้มลงเพ่งสายตาไปที่ตัวหนังสือที่นิ้วของเขาวางทับอยู่ในบรรทัดถัดมา
‘งานที่นี่ไม่มีอะไรหนักมาก เลิกคลาสปีย์ก็รับจ็อบซักผ้าให้เด็กๆที่ดอร์ม ที่นี่มีเด็กที่ร่ำรวยมาก บางปีมีทั้งลูกสาวอดีตประธานาธิบดี ลูกสาวนักธุรกิจดังของโลกมาเรียนด้วย ตลอดจนเด็กที่ต้องอาศัยทุนรัฐบาลของเขามาเรียนโดยที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยนัก ดังนั้นประเภทแรกนี่แหละที่เป็นลูกค้าของข้าพเจ้า ตอนหกโมงเย็นปีย์ก็ถีบจักรยานไปเก็บดอกคอลล่าที่สวนหลังดอร์มหนึ่งชั่วโมงตามค่าจ้าง หลังจากนั้นก็เป็นอันว่าข้าพเจ้ามีเวลาว่างแล้วสำหรับเวลาส่วนตัว บางทีก็กลั้นใจไปที่ตลาดเพื่อหาซื้อของใช้กับเจนี่ พอลลี่รูมเมทที่พักหลังไม่ได้กลับมาอยู่ดอร์มนัก แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาหรอก เราขอแค่ไปเดินดูก็พอแล้วล่ะ ส่วนเรื่องตัวของกช ปีย์พร้อมจะดูแลใจเสมอ” ดวงตาเรียวฉายแววสับสนในดวงตาอีกครั้ง เรื่องอะไร? ที่น้องกชปรึกษาเด็กปีย์วรานั่น?
นลฉุกคิด หากก็ยังไม่ละสายตาจากกระดาษขาวบาง เมื่อคิดไปถึงสภาพของเด็กผู้หญิงในจดหมาย คงจะมีปัญหากับที่บ้าน ถึงขนาดต้องออกมาหางานทำเพื่อส่งตัวเองเรียน ยังจะรับหน้าที่ดูแลใจของน้องกชอีกงั้นเหรอ? ทั้งที่เรื่องของตัวเองดูท่าว่าจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ
‘ขอร้องว่าถ้าตัวมีเรื่องอะไรต้องเล่าให้เราฟังให้หมด อย่าลืมสิ! เราเหมือนคนๆเดียวกันไม่ใช่เหรอกช? ตัวน่ะเจ๋งเสมอในสายตาเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นะ ยังจำวันนั้นได้ใช่ไหม เราสองคนเจอกันโดยบังเอิญที่สนามบิน LAX ให้ตายปีย์ยังจดจำได้ดีว่ากชน่ะตัวเล็กแค่ไหน ผมสั้นไม่เหมือนคนอายุสิบห้า ซ้ำตัวยังผ๊อม ผอม กะหร่องอย่างกะกระเหรี่ยงคอยาว ที่ว่าเพราะอยากให้กชทานเยอะๆ จะได้ตัวโตเท่าปีย์เสียทียังไงเล่า รักกชเสมอเนอะ รู้กันอยู่และรักจนไม่รู้จะรักยังไงไหว ข้าพเจ้าขอจบจดหมายฉบับแรกของฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้
รักกช ปีย์’
จดหมายฉบับแรกจบลงไปแล้ว...นลพับกระดาษเก็บไว้ตามรอยเดิม เขาไขปริศนาข้อที่สองได้แล้วว่าคนชื่อปีย์วรากับน้องกชรู้จักกันตอนน้องกชไปอเมริกาครั้งแรกเพื่อรักษาตัว...แล้วเขาไปทำอะไรอยู่ในตอนนั้น นลหวนนึกถึงเมื่อเจ็ดปีก่อน
เขาเดาไว้ว่า ปีย์วรา หรือปีย์ในจดหมายคงเป็นผู้หญิงอายุไล่เลี่ยกัน อาจจะเท่ากันกับน้องกช...เขาเป็นคนไปรับน้องกับคุณแม่ที่สนามบิน LAX ทำไมเขาจะไม่รู้ตารางที่ของน้องกชในแต่ละวันจะไปที่ไหน อยู่ยังไง ในเมื่อเขาคือคนวางโปรแกรมการพบแพทย์เองกับมือ หรือช่วงเวลาที่เขากลับไปเรียน น้องกชจะแอบพบกับเพื่อนสนิทคนนี้
จดหมายฉบับแรกเขียนเล่าความสัมพันธ์ของปีย์วรากับน้องกชชัดเจนนัก ทั้งสองแอบพบกันโดยที่พี่เลี้ยงของน้องกชไม่รู้ ถึงไม่ได้รายงานแม่หรือตัวเขาให้ทราบ แต่จากที่อ่านคำพูด และความรู้สึกที่จับได้ นลรู้ว่าคนๆนี้แทบจะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของน้องกช ตัวเขาเองก็เช่นกันคล้ายจะไม่มีเพื่อนสนิทเหมือนกัน
ด้วยสุขภาพที่โหดร้าย น้องกชไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนตามปกติ แต่อาศัยใช้การเรียนแบบ Home School ให้ครูมาสอนที่บ้านแทน ยิ่งเวลาอาการแกกำเริบก็แทบจะไม่ได้แตะตำราเรียน หรือพบเจอเพื่อนที่ไหน มีทางเดียวที่สองคนนี้จะได้เจอกันเห็นจะเป็นตามจดหมาย เริ่มต้นจากที่พวกเขาพบกันครั้งแรกที่แอลเอตามที่ปีย์วราในจดหมายบอก ก่อนจะตั้งคำถามกับตัวเองให้มากเสียจนไม่รู้ว่าจะตอบตัวเองได้หมดยังไงไหว เขาค่อยๆคลี่จดหมายฉบับที่วางเรียงซ้อนอยู่บนซองเมื่อสักครู่นี้ออกอ่าน ซองสีเดียวกันทั้งหมดราวกับว่าคนเขียนจะซื้อซองเอาไว้เป็นโหลแน่ เขาได้แต่หวังว่ามันจะช่วยอะไรได้มากกว่าที่ได้ข้อมูลมาไม่มากก็น้อย
‘ถึงกช เพื่อนที่รัก
ถึงแอลเอแล้วใช่ไหมกช? อิทาคาในเวลานี้ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน หลังจากตัวกลับไป ต้นไม้ที่เคยเขียวขจี ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะแทบทุกต้นเสียแล้ว’
น้องกชไปค้างตามคำชวนของ ปีย์วราหรอกหรือ? นลแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแม้แต่น้อย คนป่วยโรคหัวใจที่เจ็บออดๆแอดๆจะพาตัวเองข้ามไปหาเพื่อนที่นิวยอร์กตัวคนเดียว น้องจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?
‘เรื่องพี่ชายตัวน่ะ ข้าพเจ้าไม่สนหรอก เห็นจะเป็นแนะเด็กให้คนแก่ล่ะม๊าง’ คนอ่านเผลอกระตุกยิ้มเบาๆ ดวงดำเรียวคลี่ยิ้มตามตัวหนังสือที่ตั้งใจอ่านซ้ำอีกรอบอย่างละเอียด ‘นี่น้องกชคงไปเล่าอะไรให้แม่สาวคนนี้ฟังเกี่ยวกับตัวเขากัน?’ ‘ปล่อยคนอัจฉริยะคนนั้นไปเถิด ปีย์ขออยู่แบบหัวเดียวกระเทียมลีบดีกว่า ยังจำได้ว่าก่อนคริสต์มาส...เราเคยไปนั่งรอพี่ชายของเพื่อนมาห้าปี แม้จะปีละหนก็ไม่เคยลืมนะ!’
ถึงตรงนี้เองที่คนอ่านถึงกับงงจนรู้สึกว่าตัวชาไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่หัว...เหมือนกับว่าเขากำลังรู้สึกว่าคิดอะไรไม่ออก...เธอต้องรอเขาทุกปี เป็นเวลากว่าห้าปี!
'ผนึกเนรมิตรักแรก' ตอนที่ 2
ผนึกเนรมิตรักแรก' ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31533016
2
‘ฤดูใบไม้ร่วง 2011 เมืองอิทาคา นิวยอร์ก บอลช์ฮอลล์ดอร์ม
ถึงกช เพื่อนที่เรารักที่สุด
ปีย์ไม่ได้เขียนจดหมายถึงกชนานเต็มที ตัวสบายดีใช่ไหมกช? รู้ไหมว่าปีย์กำลังเขียนจดหมายอยู่ที่ไหน? บนต้นไม้! กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนต้นเมเปิ้ลใหญ่หลังบอลช์ฮอลล์ดอร์ม อยากให้กชได้มาเห็นนิวยอร์กในฤดูใบไม้ร่วงนี้จัง ต้นเมเปิ้ลที่ขึ้นเรียงรายเต็มสองข้างทางหน้าดอร์มตอนนี้กลายเป็นสีเหลืองทอง บ้างร่วงหล่นกลาดเกลื่อนเต็มพื้นถนนหนทางไปทั่วสนามหญ้าในมหาวิทยาลัย
อากาศเวลานี้กำลังสบายพอดีตัวเชียวกช ไม่ร้อนและไม่หนาว นักศึกษาหญิงที่นี่กำลังฮิตใส่สายเดี่ยวรัดรูปโชว์สะดือ ทับด้วยเสื้อยีนส์เท่ห์ๆกับกางเกงยีนส์ขายาวกัน ไม่อยากจะปดว่าปีย์ก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาหญิงของที่นี่ ปีย์ก็เลยรู้สึกพอใจที่แต่งตัวแบบนั้นด้วย...
คืนวานนี้พ่อโทรมาจากเชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่าคุณเหมย หล่อนบ่นว่าค่าเรียนปีย์แพงหูฉี่ เลยอยากให้ตัวข้าพเจ้ารับเงินค่าเทอมจากพ่อเพิ่ม คงคิดว่าเราถลุงเงินในบัญชีที่ได้จากเงินส่วนของแม่มาใช้ไปหมดแล้วล่ะมั้งกช เรามันตัดสินใจจะมาอยู่ที่นี่แล้ว ครั้นจะให้จะย้อนกลับไปแบมือขอเงินเค้าฟรีๆ เห็นจะยาก ตัวรู้ดีกว่าใครใช่ไหมข้อนี้ เขาคงนึกสมเพชเรามากกว่าสงสาร
พ่อน่ะเหรอ ด่าทอปีย์ตั้งแต่เมื่อแรกมาอยู่ที่นี่แล้ว คำว่าบ้าได้ยินจนจนหูชาไปข้าง ‘แกมันบ้านะปีย์ออกไปอยู่คนเดียวในเมืองแบบนั้น แกมันบ้าจริงๆที่หัวดื้อ อวดฉลาดนักก็อยู่ให้ได้อย่าร้องไห้กลับมาละกัน’ หลายครั้งนะที่พอปีย์รู้สึกท้อ คำพูดพวกนี้ของพ่อจะเป็นแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง ยังไงก็ตามปีย์มาไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้แล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงกำลังที่ผ่านไปก็มักจะพัดสายลมหนาวและหิมะแรกของปีมาด้วยเสมอ ชีวิตคนเราไม่เหมือนฤดู...นั่นก็เป็นอีกสัจธรรมที่แสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้อีก เพราะอดีต ไม่มีวันหมุนเวียนหวนคืนกลับมาอีกครั้ง มีแค่ปัจจุบันเท่านั้นที่เรากำลังดำรงอยู่และมันจริงแท้ที่สุด...
ช่วงนี้อ่านหนังสือหนักรึเปล่ากช อาการปป่วยเป็นยังไงบ้าง ถ้ายังไงหาเวลามาจิบชาทานขนมที่นี่บ้างจะได้ไหม? ข้าพเจ้าจะนับวันรอเลยขอให้ได้วันที่แน่นอนเขียนบอกมาในจดหมายฉบับต่อไปด้วยนะ มานอนค้างด้วยกันอีกซักสองสามคืนสิ เที่ยวนี้เป็นอะไรไม่รู้คิดถึงตัวจับใจ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ปากเรียวบางได้รูปยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนหุบยิ้มลงทันทีด้วยความไม่ประมาทที่จะให้ใครมาพบเห็นตัวเองนั่งอ่านจดหมายของเด็กผู้หญิงปริศนาที่ชื่อปีย์วราแล้วยังนั่งยิ้มให้กับจดหมายได้...
ปริศนาที่สามารถไขได้ข้อแรกคือ ปีย์วรา ศักดิ์วรกุลเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ซ้ำน้องกชยังเคยไปนอนค้างที่ดอร์มของฝ่ายนั้นเสียด้วย ราวกับว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกัน...แต่ทั้งสองจะสนิทกันระดับไหนนั้นเขาไม่แน่ใจนัก นลถอนหายใจสั้นๆอย่างหนักใจก่อนจะก้มลงเพ่งสายตาไปที่ตัวหนังสือที่นิ้วของเขาวางทับอยู่ในบรรทัดถัดมา
‘งานที่นี่ไม่มีอะไรหนักมาก เลิกคลาสปีย์ก็รับจ็อบซักผ้าให้เด็กๆที่ดอร์ม ที่นี่มีเด็กที่ร่ำรวยมาก บางปีมีทั้งลูกสาวอดีตประธานาธิบดี ลูกสาวนักธุรกิจดังของโลกมาเรียนด้วย ตลอดจนเด็กที่ต้องอาศัยทุนรัฐบาลของเขามาเรียนโดยที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยนัก ดังนั้นประเภทแรกนี่แหละที่เป็นลูกค้าของข้าพเจ้า ตอนหกโมงเย็นปีย์ก็ถีบจักรยานไปเก็บดอกคอลล่าที่สวนหลังดอร์มหนึ่งชั่วโมงตามค่าจ้าง หลังจากนั้นก็เป็นอันว่าข้าพเจ้ามีเวลาว่างแล้วสำหรับเวลาส่วนตัว บางทีก็กลั้นใจไปที่ตลาดเพื่อหาซื้อของใช้กับเจนี่ พอลลี่รูมเมทที่พักหลังไม่ได้กลับมาอยู่ดอร์มนัก แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาหรอก เราขอแค่ไปเดินดูก็พอแล้วล่ะ ส่วนเรื่องตัวของกช ปีย์พร้อมจะดูแลใจเสมอ” ดวงตาเรียวฉายแววสับสนในดวงตาอีกครั้ง เรื่องอะไร? ที่น้องกชปรึกษาเด็กปีย์วรานั่น?
นลฉุกคิด หากก็ยังไม่ละสายตาจากกระดาษขาวบาง เมื่อคิดไปถึงสภาพของเด็กผู้หญิงในจดหมาย คงจะมีปัญหากับที่บ้าน ถึงขนาดต้องออกมาหางานทำเพื่อส่งตัวเองเรียน ยังจะรับหน้าที่ดูแลใจของน้องกชอีกงั้นเหรอ? ทั้งที่เรื่องของตัวเองดูท่าว่าจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ
‘ขอร้องว่าถ้าตัวมีเรื่องอะไรต้องเล่าให้เราฟังให้หมด อย่าลืมสิ! เราเหมือนคนๆเดียวกันไม่ใช่เหรอกช? ตัวน่ะเจ๋งเสมอในสายตาเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นะ ยังจำวันนั้นได้ใช่ไหม เราสองคนเจอกันโดยบังเอิญที่สนามบิน LAX ให้ตายปีย์ยังจดจำได้ดีว่ากชน่ะตัวเล็กแค่ไหน ผมสั้นไม่เหมือนคนอายุสิบห้า ซ้ำตัวยังผ๊อม ผอม กะหร่องอย่างกะกระเหรี่ยงคอยาว ที่ว่าเพราะอยากให้กชทานเยอะๆ จะได้ตัวโตเท่าปีย์เสียทียังไงเล่า รักกชเสมอเนอะ รู้กันอยู่และรักจนไม่รู้จะรักยังไงไหว ข้าพเจ้าขอจบจดหมายฉบับแรกของฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้
รักกช ปีย์’
จดหมายฉบับแรกจบลงไปแล้ว...นลพับกระดาษเก็บไว้ตามรอยเดิม เขาไขปริศนาข้อที่สองได้แล้วว่าคนชื่อปีย์วรากับน้องกชรู้จักกันตอนน้องกชไปอเมริกาครั้งแรกเพื่อรักษาตัว...แล้วเขาไปทำอะไรอยู่ในตอนนั้น นลหวนนึกถึงเมื่อเจ็ดปีก่อน
เขาเดาไว้ว่า ปีย์วรา หรือปีย์ในจดหมายคงเป็นผู้หญิงอายุไล่เลี่ยกัน อาจจะเท่ากันกับน้องกช...เขาเป็นคนไปรับน้องกับคุณแม่ที่สนามบิน LAX ทำไมเขาจะไม่รู้ตารางที่ของน้องกชในแต่ละวันจะไปที่ไหน อยู่ยังไง ในเมื่อเขาคือคนวางโปรแกรมการพบแพทย์เองกับมือ หรือช่วงเวลาที่เขากลับไปเรียน น้องกชจะแอบพบกับเพื่อนสนิทคนนี้
จดหมายฉบับแรกเขียนเล่าความสัมพันธ์ของปีย์วรากับน้องกชชัดเจนนัก ทั้งสองแอบพบกันโดยที่พี่เลี้ยงของน้องกชไม่รู้ ถึงไม่ได้รายงานแม่หรือตัวเขาให้ทราบ แต่จากที่อ่านคำพูด และความรู้สึกที่จับได้ นลรู้ว่าคนๆนี้แทบจะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของน้องกช ตัวเขาเองก็เช่นกันคล้ายจะไม่มีเพื่อนสนิทเหมือนกัน
ด้วยสุขภาพที่โหดร้าย น้องกชไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนตามปกติ แต่อาศัยใช้การเรียนแบบ Home School ให้ครูมาสอนที่บ้านแทน ยิ่งเวลาอาการแกกำเริบก็แทบจะไม่ได้แตะตำราเรียน หรือพบเจอเพื่อนที่ไหน มีทางเดียวที่สองคนนี้จะได้เจอกันเห็นจะเป็นตามจดหมาย เริ่มต้นจากที่พวกเขาพบกันครั้งแรกที่แอลเอตามที่ปีย์วราในจดหมายบอก ก่อนจะตั้งคำถามกับตัวเองให้มากเสียจนไม่รู้ว่าจะตอบตัวเองได้หมดยังไงไหว เขาค่อยๆคลี่จดหมายฉบับที่วางเรียงซ้อนอยู่บนซองเมื่อสักครู่นี้ออกอ่าน ซองสีเดียวกันทั้งหมดราวกับว่าคนเขียนจะซื้อซองเอาไว้เป็นโหลแน่ เขาได้แต่หวังว่ามันจะช่วยอะไรได้มากกว่าที่ได้ข้อมูลมาไม่มากก็น้อย
‘ถึงกช เพื่อนที่รัก
ถึงแอลเอแล้วใช่ไหมกช? อิทาคาในเวลานี้ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน หลังจากตัวกลับไป ต้นไม้ที่เคยเขียวขจี ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะแทบทุกต้นเสียแล้ว’
น้องกชไปค้างตามคำชวนของ ปีย์วราหรอกหรือ? นลแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองแม้แต่น้อย คนป่วยโรคหัวใจที่เจ็บออดๆแอดๆจะพาตัวเองข้ามไปหาเพื่อนที่นิวยอร์กตัวคนเดียว น้องจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?
‘เรื่องพี่ชายตัวน่ะ ข้าพเจ้าไม่สนหรอก เห็นจะเป็นแนะเด็กให้คนแก่ล่ะม๊าง’ คนอ่านเผลอกระตุกยิ้มเบาๆ ดวงดำเรียวคลี่ยิ้มตามตัวหนังสือที่ตั้งใจอ่านซ้ำอีกรอบอย่างละเอียด ‘นี่น้องกชคงไปเล่าอะไรให้แม่สาวคนนี้ฟังเกี่ยวกับตัวเขากัน?’ ‘ปล่อยคนอัจฉริยะคนนั้นไปเถิด ปีย์ขออยู่แบบหัวเดียวกระเทียมลีบดีกว่า ยังจำได้ว่าก่อนคริสต์มาส...เราเคยไปนั่งรอพี่ชายของเพื่อนมาห้าปี แม้จะปีละหนก็ไม่เคยลืมนะ!’
ถึงตรงนี้เองที่คนอ่านถึงกับงงจนรู้สึกว่าตัวชาไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่หัว...เหมือนกับว่าเขากำลังรู้สึกว่าคิดอะไรไม่ออก...เธอต้องรอเขาทุกปี เป็นเวลากว่าห้าปี!