[img]http://f.ptcdn.info/266/018/000/1398571343-IMG3674JPG-
สวัสดีค่ะ ขอความเป็นธรรม
เด็กหญิง ณัฐณิชา ฉิมดี หรือน้องต้นข้าว อายุ 3 ขวบ 1 เดือน 16 วัน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 เวลาประมาณ 20.00 น. บัตรทอง 30 บาท ด้วยอาการ ไข้ขึ้นสูง 40 องศา อาเจียน 2 รอบ ปวดท้องเล็กน้อย หมอให้นอนดูอาการ เจาะเลือด ให้น้ำเกลือ งดน้ำและอาหาร เวลากลางคืน ได้มีพยาบาลวัดความดัน คุณย่าเฝ้าอาการหลาน เช็ดตัวให้ทั้งคืน เช้าวันที่ 10 เมษายน 2557 นักศึกษาแพทย์มากดท้อง และแจ้งย่าว่า หลานเป็นไส้ติ่งต้องผ่าตัด ย่าชี้แจงอาการหลานเมื่อคืนไม่ได้ปวดท้องมีแต่ไข้ขึ้นสูง หมอย้ำว่า ยังงัยก็ต้องผ่าเพราะเป็นไส้ติ่ง ให้ย่าตามไปเซ็นเอกสารทันที ย่าถาม แล้วต้องเอ๊กซ์เรย์ก่อนหรือไม่ หมอบอกไม่ต้องเพราะมีผลเลือดแล้ว
หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ได้พาเด็กไปเอ๊กซ์เรย์ ให้น้ำเกลือ พร้อมยาฆ่าเชื้อ แต่เด็กยังคงมีไข้ 38 องศา และมีไข้ขึ้นเรื่อยๆ 41,42 องศา คุณย่าและแม่เด็กเห็นอาการไม่ดีขึ้น พยายามแจ้งหมอ หมอบอกปกติดี อาจจะเป็นเพราะ แผลอับเสบเลยมีไข้ร่วมด้วย หลังจากนั้น เด็กยังเดินไม่ได้เพราะมีไข้ ตัวแดง ตัวสั่น หมอมาแจ้งว่าถ้าเดินไม่ได้จะไม่ได้กลับบ้าน เด็กพยายามให้ย่าประคองเดินไปห้องน้ำ เดินมาเจอหมอที่ผ่าตัดให้ ขอตรวจดูอาการหน้าห้องน้ำ พร้อมแจ้งว่า ปกติดี ย่าบอกว่า แต่ยังคงมีไข้ตลอด ต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืน ย่าลัแม่สังเกตอาการไม่ดีขึ้น นอนเพล้อ แจ้งหมอขอย้ายโรงพยาบาล หมอยังไม่ตกลง ขอดูอาการ วันที่ 12 เมษายน 2557 หมอเจาะเลือด สงสัยเด็กจะเป็นไข้เลือดออก วันที่ 13 เมษายน 2557 เจาะเลือดอีกครั้ง และมาแจ้งเด็กเป็นไข้เลือดออก มีน้ำเกิน น้ำท่วมปอด ย่าและแม่ ย้ำอีกครั้ง ขอเสียเงินเองขอให้ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล หมอแจ้งเคสหนักกว่านี้ก็รักษามาแล้ว และเด็กอาการไม่ดีขึ้น นอนไม่มีแรง มีไข้ขึ้นสูง ไม่ได้ทานอะไร แม่เด็กไปพูดคุยกับหมอ ขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอบอกว่าเพื่อความสบายใจของแม่ จะทำเรื่องย้ายให้ หมอยังย้ำว่า คุณแม่เห็นเด็กไม่ปกติตรงไหนเหรอ แม่ตอบ ก็ตอนนี้ลูกไข้ขึ้นสูง ตัวสั่น นอนเพล้อแล้ว ยังว่าปกติอีกหรือไม่.
วันที่ 15 เมษายน 2557 จึงให้ย้าย ไปโรงพยาบาลเด็กราชวิถี พร้อมกับใส่ท่อที่ปาก เครื่องช่วยหายใจ เด็กร้องด้วยความเจ็บปวด พ่อแม่ได้ยินเสียงลูกร้อง น้ำตาไหล แม่สงสัย ถามหมอว่าต้องใส่ด้วยเหรอ ไหนหมอว่าปกติ แต่ลูกยังหายใจเองได้นะคะ แย่ท่อที่ปาก วางยาไหมคะ หมอแจ้ง ให้ดมยาสลบ แต่เท่าที่แม่ได้ยินลูกร้อง เด็กยังไม่สลบ ถึงได้ยินเสียงลูกร้อง และได้มีรถของโรงพยาบาลไปส่ง มีพ่อแม่เด็กนั่งไปด้วย ระหว่างทางเรียกชื่อลูก น้องต้นข้าวไปตลอดทาง เพื่อไม่ให้ลูกหลับ แต่เด็กเบลอๆ ลืมตาได้ ฟังรู้เรื่องแต่มีท่อใหญ่ๆที่ปากเลยพูดไม่ได้ มาถึงโรงพยาบาลต้องเข้า ICU หลังจากนั้นเด็กก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มีสายเต็มตัวไปหมด เห็นสภาพ ณ ตอนนั้น สงสารหลานมากๆ
วันที่ 16 เมษายน 2557 หมอขอพูดคุยกับญาติๆ เพื่อแจ้งอาการของเด็ก ว่าเด็กเป็นไข้เลือดออกรุนแรง ภาวะช๊อค มีน้ำท่วมปอด ตับหวาย ต้องฟอกไตด้วย อาการวิกฤติ มีโอกาส 30% และค่าใช้จ่ายบางส่วนนอกเหนือจากบัตร 30บาท เช่นตัวยา หรืออุปกรณ์ ต้องเสียเงินซื้อเอง ทุกคนเต็มใจยอมรับทุกอย่าง
วันที่ 17 เมษายน 2557 อาการเด็กยังคง ทรงตัว และป้าเด็กได้ติดต่อโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อขอพบ ผอ เพื่อขอพูดคุยแนวทางการรักษาว่าเด็กเป็นโรคอะไร ทำไมอาการเด็กแย่มาก หลังจากที่ย้ายมา และมีส่วนรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ทางโรงพยาบาลยังไม่ตกลง ขอโทรกลับภายหลัง เวลาห่างกันเล็กน้อยโทรกลับมานัดวัน เวลา คือวันที่ 18 เมษายน 2557 เวลา 13.00 น.
วันที่ 18 เมษายน 2557 เวลา 09.00 น. หมอเรียกญาติๆ ดูอาการเด็ก ต้องปั้มหัวใจ ระหว่างปั้มก็มีเลือดไหลตามท่อที่ปากและรอยแผลออกมาด้วย จนเห็นแล้วสงสารหลานมากจากความเจ็บปวด ซึ่งไม่อาการตอบสนองแล้ว ตัวซีดมาก ลัเวลาต่อมา น้องต้นข้าวได้จากไปเวลา 09.40 น. สาเหตุการเสียชีวิต ไข้เลือดออก และเราก็มีนัดกับทางโรงพยาบาลแต่ต้องทำธุระเรื่องศพ ก่อนจะไปตามนัด เราได้ไปบันทึกประจำวันก่อนที่ สน พญาไทยและทำหนังสือให้ทำเรื่องส่งชันสูติศพที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ญาติขอคุยกับทางโรงพยาบาลสมุทรปราการจึงเลื่อนการผ่าชันสูติออกไปก่อน และระหว่างเดินทางมีเจ้าหน้าที่ประสานงานคอยโทรถามการเดินทางของเรา ถึงไหนแล้ว เอารถอะไร ป้ายทะเบียนอะไร อ้างว่าจะที่จอดไว้ให้ เราได้พบแหทย์ผู้เชี่ยวชาญและคนอื่นๆอีก 7-8 คน ยกเว้น ผอ นักศึกษาแพทย์ และแพทย์ผ่าตัด ไม่ได้มานั่งพูดคุยด้วย พร้อมกับญาติๆ 5 คน
ผลสรุป คำวินิฉัย ว่าเด็กเป็นไส้ติ่ง พร้อมกับไข้เลือดออกภายหลัง แต่ไม่มีหลักฐานใดๆมาแสดงให้ชัดเจน อ้างว่าถ้าจะรับ จะทำเรื่องขอเอกสารทุกอย่างให้ แต่ต้องใช้เวลา ส่วนมาตรการกรณีเสียชีวิต ได้มาตรา 41 ต้องทำเรื่องเอกสารส่งถึงคณะกรรมการก่อน ไม่แน่ใจว่าจะได้ค่าชดใช้อย่างไรบ้าง ทุกอย่างญาติๆยังไม่ปักใจเชื่อถึงขึ้นตอนการรักษาของหมอ
หลังจากนั้นได้เดินทางกลับ มีเจ้าหน้าทีห้องสบายใจเดินมาส่ง แจ้งเราว่า มีอะไรให้ช่วยเหลือ สอบถาม ขอเอกสาร โทรมาได้นะคะ
วันที่ 19 เมษายน 2557 ป้าเด็กได้เดินทางไปมูลนิธิปวีณา เพื่อขอชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา เพื่อขอความเป็นธรรมให้หลาน เพราะเสียชีวิตจากเหตุใด มูลนิธิขอเปลี่ยนส่งศพชันสูติไปโรงพบาลตำรวจแทน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผล 45 วัน และได้นำศพหลานไปทำพิธีที อำเภอตะพานหิน จ.พิจิตร เผาวันที่ 23 เมษายน 2557 เสร็จสิ้นแล้ว
ประเด็น คือ ขอความเป็นธรรมและความยุติธรรม ช่วยพิสูจน์ความเป็นจริงถึงสาเหตุการณ์ตายที่แน่ชัด
ช่วยเป็นสื่อกลางให้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุกๆคน
ความเป็นธรรมและความยุติธรรมอยู่ไหน??
สวัสดีค่ะ ขอความเป็นธรรม
เด็กหญิง ณัฐณิชา ฉิมดี หรือน้องต้นข้าว อายุ 3 ขวบ 1 เดือน 16 วัน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 เวลาประมาณ 20.00 น. บัตรทอง 30 บาท ด้วยอาการ ไข้ขึ้นสูง 40 องศา อาเจียน 2 รอบ ปวดท้องเล็กน้อย หมอให้นอนดูอาการ เจาะเลือด ให้น้ำเกลือ งดน้ำและอาหาร เวลากลางคืน ได้มีพยาบาลวัดความดัน คุณย่าเฝ้าอาการหลาน เช็ดตัวให้ทั้งคืน เช้าวันที่ 10 เมษายน 2557 นักศึกษาแพทย์มากดท้อง และแจ้งย่าว่า หลานเป็นไส้ติ่งต้องผ่าตัด ย่าชี้แจงอาการหลานเมื่อคืนไม่ได้ปวดท้องมีแต่ไข้ขึ้นสูง หมอย้ำว่า ยังงัยก็ต้องผ่าเพราะเป็นไส้ติ่ง ให้ย่าตามไปเซ็นเอกสารทันที ย่าถาม แล้วต้องเอ๊กซ์เรย์ก่อนหรือไม่ หมอบอกไม่ต้องเพราะมีผลเลือดแล้ว
หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ได้พาเด็กไปเอ๊กซ์เรย์ ให้น้ำเกลือ พร้อมยาฆ่าเชื้อ แต่เด็กยังคงมีไข้ 38 องศา และมีไข้ขึ้นเรื่อยๆ 41,42 องศา คุณย่าและแม่เด็กเห็นอาการไม่ดีขึ้น พยายามแจ้งหมอ หมอบอกปกติดี อาจจะเป็นเพราะ แผลอับเสบเลยมีไข้ร่วมด้วย หลังจากนั้น เด็กยังเดินไม่ได้เพราะมีไข้ ตัวแดง ตัวสั่น หมอมาแจ้งว่าถ้าเดินไม่ได้จะไม่ได้กลับบ้าน เด็กพยายามให้ย่าประคองเดินไปห้องน้ำ เดินมาเจอหมอที่ผ่าตัดให้ ขอตรวจดูอาการหน้าห้องน้ำ พร้อมแจ้งว่า ปกติดี ย่าบอกว่า แต่ยังคงมีไข้ตลอด ต้องเช็ดตัวให้ทั้งคืน ย่าลัแม่สังเกตอาการไม่ดีขึ้น นอนเพล้อ แจ้งหมอขอย้ายโรงพยาบาล หมอยังไม่ตกลง ขอดูอาการ วันที่ 12 เมษายน 2557 หมอเจาะเลือด สงสัยเด็กจะเป็นไข้เลือดออก วันที่ 13 เมษายน 2557 เจาะเลือดอีกครั้ง และมาแจ้งเด็กเป็นไข้เลือดออก มีน้ำเกิน น้ำท่วมปอด ย่าและแม่ ย้ำอีกครั้ง ขอเสียเงินเองขอให้ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล หมอแจ้งเคสหนักกว่านี้ก็รักษามาแล้ว และเด็กอาการไม่ดีขึ้น นอนไม่มีแรง มีไข้ขึ้นสูง ไม่ได้ทานอะไร แม่เด็กไปพูดคุยกับหมอ ขอย้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอบอกว่าเพื่อความสบายใจของแม่ จะทำเรื่องย้ายให้ หมอยังย้ำว่า คุณแม่เห็นเด็กไม่ปกติตรงไหนเหรอ แม่ตอบ ก็ตอนนี้ลูกไข้ขึ้นสูง ตัวสั่น นอนเพล้อแล้ว ยังว่าปกติอีกหรือไม่.
วันที่ 15 เมษายน 2557 จึงให้ย้าย ไปโรงพยาบาลเด็กราชวิถี พร้อมกับใส่ท่อที่ปาก เครื่องช่วยหายใจ เด็กร้องด้วยความเจ็บปวด พ่อแม่ได้ยินเสียงลูกร้อง น้ำตาไหล แม่สงสัย ถามหมอว่าต้องใส่ด้วยเหรอ ไหนหมอว่าปกติ แต่ลูกยังหายใจเองได้นะคะ แย่ท่อที่ปาก วางยาไหมคะ หมอแจ้ง ให้ดมยาสลบ แต่เท่าที่แม่ได้ยินลูกร้อง เด็กยังไม่สลบ ถึงได้ยินเสียงลูกร้อง และได้มีรถของโรงพยาบาลไปส่ง มีพ่อแม่เด็กนั่งไปด้วย ระหว่างทางเรียกชื่อลูก น้องต้นข้าวไปตลอดทาง เพื่อไม่ให้ลูกหลับ แต่เด็กเบลอๆ ลืมตาได้ ฟังรู้เรื่องแต่มีท่อใหญ่ๆที่ปากเลยพูดไม่ได้ มาถึงโรงพยาบาลต้องเข้า ICU หลังจากนั้นเด็กก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มีสายเต็มตัวไปหมด เห็นสภาพ ณ ตอนนั้น สงสารหลานมากๆ
วันที่ 16 เมษายน 2557 หมอขอพูดคุยกับญาติๆ เพื่อแจ้งอาการของเด็ก ว่าเด็กเป็นไข้เลือดออกรุนแรง ภาวะช๊อค มีน้ำท่วมปอด ตับหวาย ต้องฟอกไตด้วย อาการวิกฤติ มีโอกาส 30% และค่าใช้จ่ายบางส่วนนอกเหนือจากบัตร 30บาท เช่นตัวยา หรืออุปกรณ์ ต้องเสียเงินซื้อเอง ทุกคนเต็มใจยอมรับทุกอย่าง
วันที่ 17 เมษายน 2557 อาการเด็กยังคง ทรงตัว และป้าเด็กได้ติดต่อโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อขอพบ ผอ เพื่อขอพูดคุยแนวทางการรักษาว่าเด็กเป็นโรคอะไร ทำไมอาการเด็กแย่มาก หลังจากที่ย้ายมา และมีส่วนรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ทางโรงพยาบาลยังไม่ตกลง ขอโทรกลับภายหลัง เวลาห่างกันเล็กน้อยโทรกลับมานัดวัน เวลา คือวันที่ 18 เมษายน 2557 เวลา 13.00 น.
วันที่ 18 เมษายน 2557 เวลา 09.00 น. หมอเรียกญาติๆ ดูอาการเด็ก ต้องปั้มหัวใจ ระหว่างปั้มก็มีเลือดไหลตามท่อที่ปากและรอยแผลออกมาด้วย จนเห็นแล้วสงสารหลานมากจากความเจ็บปวด ซึ่งไม่อาการตอบสนองแล้ว ตัวซีดมาก ลัเวลาต่อมา น้องต้นข้าวได้จากไปเวลา 09.40 น. สาเหตุการเสียชีวิต ไข้เลือดออก และเราก็มีนัดกับทางโรงพยาบาลแต่ต้องทำธุระเรื่องศพ ก่อนจะไปตามนัด เราได้ไปบันทึกประจำวันก่อนที่ สน พญาไทยและทำหนังสือให้ทำเรื่องส่งชันสูติศพที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ญาติขอคุยกับทางโรงพยาบาลสมุทรปราการจึงเลื่อนการผ่าชันสูติออกไปก่อน และระหว่างเดินทางมีเจ้าหน้าที่ประสานงานคอยโทรถามการเดินทางของเรา ถึงไหนแล้ว เอารถอะไร ป้ายทะเบียนอะไร อ้างว่าจะที่จอดไว้ให้ เราได้พบแหทย์ผู้เชี่ยวชาญและคนอื่นๆอีก 7-8 คน ยกเว้น ผอ นักศึกษาแพทย์ และแพทย์ผ่าตัด ไม่ได้มานั่งพูดคุยด้วย พร้อมกับญาติๆ 5 คน
ผลสรุป คำวินิฉัย ว่าเด็กเป็นไส้ติ่ง พร้อมกับไข้เลือดออกภายหลัง แต่ไม่มีหลักฐานใดๆมาแสดงให้ชัดเจน อ้างว่าถ้าจะรับ จะทำเรื่องขอเอกสารทุกอย่างให้ แต่ต้องใช้เวลา ส่วนมาตรการกรณีเสียชีวิต ได้มาตรา 41 ต้องทำเรื่องเอกสารส่งถึงคณะกรรมการก่อน ไม่แน่ใจว่าจะได้ค่าชดใช้อย่างไรบ้าง ทุกอย่างญาติๆยังไม่ปักใจเชื่อถึงขึ้นตอนการรักษาของหมอ
หลังจากนั้นได้เดินทางกลับ มีเจ้าหน้าทีห้องสบายใจเดินมาส่ง แจ้งเราว่า มีอะไรให้ช่วยเหลือ สอบถาม ขอเอกสาร โทรมาได้นะคะ
วันที่ 19 เมษายน 2557 ป้าเด็กได้เดินทางไปมูลนิธิปวีณา เพื่อขอชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา เพื่อขอความเป็นธรรมให้หลาน เพราะเสียชีวิตจากเหตุใด มูลนิธิขอเปลี่ยนส่งศพชันสูติไปโรงพบาลตำรวจแทน ตอนนี้อยู่ระหว่างรอผล 45 วัน และได้นำศพหลานไปทำพิธีที อำเภอตะพานหิน จ.พิจิตร เผาวันที่ 23 เมษายน 2557 เสร็จสิ้นแล้ว
ประเด็น คือ ขอความเป็นธรรมและความยุติธรรม ช่วยพิสูจน์ความเป็นจริงถึงสาเหตุการณ์ตายที่แน่ชัด
ช่วยเป็นสื่อกลางให้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุกๆคน