อยากทราบว่ามีหมอเฉพาะทางด้านหืดหอบที่เก่งๆเปิดคลีนิคในกรุงเทพบ้างมั้ยคะ อยากพาแม่ย้ายร.พ. เพราะปัจจุบันรักษาแบบประกันสังคมหมอก็ไม่มีความรู้เท่าที่ควรให้ยาแม่เกินโดสเกือบเสียชีวิตมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าจะหาหมอเฉพาะทางก็แพง ไม่ทราบว่าใครพอจะรู้จักหมอเก่งๆด้านนี้ที่ไม่ค่อยแพงบ้างคะ
คุณแม่ได้รับยาเกินโดสจากหมอที่รักษาประกันสังคม มีอยู่2ตัวค่ะ คือยาพ่นแบบละอองยาแบบที่ต้องพ่นกับหน้ากาก และตัวยาฉีดคือยาชื่อdexa( ไม่แน่ใจตัวสะกดค่ะ) คุณแม่ดิฉันไม่ได้แพ้ยานี้แน่นอนเพราะคุณแม่เป็นหืดหอบมาตั้งแต่กำเนิด และส่วนใหญ่จะเข้ารับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางของร.พ.เอกชนที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในสมัยนั้น(ซึ่งก็นานมากแล้ว)คุณแม่เคยรักษาที่ร.พ.เอกชนดังๆแทบจะทุกที่จนคุณแม่มีความรู้เรื่องยาหืดหอบที่แพทย์ใช้รักษาคุณแม่จึงค่อนข้างจะรู้ขั้นตอนการรักษา คือขั้นตอนการรับการรักษาทุกๆโรงพยาบาลที่เป็นแพทย์เฉพาะทางนั้น เมื่อคุณหมอจ่ายยาฉีดหรือยาพ่นในปริมาณที่เหมาะสมให้แล้ว คุณหมอจะทำการตรวจเช็คอาการของคนไข้อีกรอบเพื่อดูอาการ และหากอาการยังไม่ดีขึ้นคุณหมอก็อาจจะพิจารณาให้รับการพ่นละอองยาอีกรอบ หรือไม่ก็อาจให้นอนร.พ.เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่ตั้งแต่เข้ารับการรักษาแบบประกันสังคมเพราะเนื่องจากฐานะไม่ค่อยสู้ดีเหมือนสมัยก่อน ดิฉันขอไม่เอ่ยชื่อร.พ.นะคะ คือมีหลายต่อหลายครั้งที่หมอไม่มีความรู้และไม่ใส่ใจที่ควร ได้แต่สั่งจ่ายยาแบบมั่วๆโดยไม่ได้พิจารณาก่อนว่าปริมาณยาเหมาะสมหรือไม่ มีอยู่ครั้งนึง หมอท่านนึงสั่งจ่ายยาฉีดให้โดยที่เกินโดสไปเยอะมาก จำไม่ๆได้ว่ามันเกินๆปเท่าไรนะคะ แต่ด้วยความโชคดีที่นางพยาบาลแอบมาลดยาให้เพราะนางพยาบาลเล่าให้แม่ฟังว่าหมอท่านนี้เพิ่งฉีดยาให้คนไข้เกินโดสไปจนคนไข้ช็อคเสียชีวิตค่ะ และอีกหลายๆครั้งที่หมอประกันสังคมท่านอื่นจ่ายยาพ่นแบบละอองให้แม่ดิฉันเกินโดส คือตามหลักแล้ว คุณหมอเฉพาะทางจะให้พ่นละอองยาก่อนรอบนึง แต่ถ้ายังมีอาการหลอดลมตีบมากอยู่ก็จะให้พ่นซ้ำโดยจะให้เว้นช่วงในการพ่นแต่ละครั้งต้องห่างกันประมาณ20-30นาที เพราะยาพ่นแบบละอองจะมีผลคือทำให้ใจสั่นค่ะ แต่หมอประกันสังคมกลับให้พ่นทีเดียว3หลอดไม่ให้เว้นช่วงคือให้พ่นติดกันเลย ทีนี้คุณแม่ดิฉันเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว พอพ่นหลอด2 เริ่มอาการใจสั่นมากเพราะคุณแม่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติอยู่แล้วด้วย จึงแจ้งนางพยาบาลให้ทราบ แต่พยาบาลบอกว่าคุณหมอสั่งให้พ่นแบบนี้คนไข้ก็ต้องทนต้องพ่นไปโดยพยาบาลแจ้งว่าเดี๋ยวพอพ่นครบแล้วคุณหมอจะเข้ามาดูอาการ ปรากฎว่าคุณแม่ดิฉันรออยู่อย่างนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่ได้เข้ามาดู ดีที่คุณแม่ดิฉันใช้วิธีแอบเอาหน้ากากออกตอนที่นางพยาบาลเผลอค่ะไม่งั้นหัวใจอาจจะทำงานหนักจนทนไม่ไหวก็ได้ ล่าสุด คุณแม่ขอร้องให้หมอประกันสังคมช่วยส่งตัวแม่ไปรักษาที่แผนกทางเดินหายใจ เพราะเนื่องจากว่าคุณแม่หอบหนักและท่านรู้ตัวดีว่าตอนนี้ปอดอักเสบ ก็ขอร้องอยู่นานแทบจะกราบกรานกว่าจะส่งไป อุตส่าห์หลงดีใจที่ได้ถูกส่งตัวขึ้นไปรับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง แต่โชคร้ายมาเยือนอีกครั้ง เมื่อแพทย์ท่านนั้นไล่แม่ดิฉันเหมือนหมูเหมือนหมาเพียงเพราะใช้สิทธิประกันสังคม คือคุณแม่ขอร้องให้ช่วยตรวจสมรรถภาพปอดเพราะจำเป็นอย่างมาก แต่แพทย์ท่านนั้นกลับตอบว่าไม่จำเป็น แค่รับยากับหมอประกันสังคมก็พอ นี่เป็น1ในหลายๆครั้งที่แม่ได้รับการรักษาในลักษณะแบบนี้ จนดิฉันเพิ่งมาทราบจากปากนางพนาบาลด้วยความบังเอิญว่า เป็นนโยบายของทางร.พ.ที่ต้องแบ่งเกรดการรักษาของคนที่เสียเงินกับคนที่ใช้สิทธิประกันสังคม มันเป็นเหตุผลที่ทำไมดิฉันจะต้องหาที่รักษาที่ใหม่เผื่อว่าคุณแม่หอบหนักอีก
( ไม่เคยไปรับรักษาที่ร.พ.รัฐมาก่อนเลยค่ะ และไม่ทราบขั้นตอนการเข้ารับการรักษา หากต้องพาแม่ไปนั่งแกร่วเกรงจะไม่ค่อยไหว เพราะนิสัยหลักๆของคนเป็นหืดหอบจะนั่งรออะไรนานๆไม่ค่อยได้ เพราะจะอึดอัดหงุดหงิด แต่เคยได้ยินว่าอาจารย์แพทย์บางท่านมีเปิดคลีนิคส่วนตัวเฉพาะทางด้วย แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์เฉพาะทางโรคหืดหอบ เลยค่ะ)
ขอบคุณมากค่ะ
ด่วนมากค่ะ ขอคำแนะนำเรื่องคลีนิคโรคหืดหอบเพื่อรักษาแม่ค่ะ
คุณแม่ได้รับยาเกินโดสจากหมอที่รักษาประกันสังคม มีอยู่2ตัวค่ะ คือยาพ่นแบบละอองยาแบบที่ต้องพ่นกับหน้ากาก และตัวยาฉีดคือยาชื่อdexa( ไม่แน่ใจตัวสะกดค่ะ) คุณแม่ดิฉันไม่ได้แพ้ยานี้แน่นอนเพราะคุณแม่เป็นหืดหอบมาตั้งแต่กำเนิด และส่วนใหญ่จะเข้ารับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางของร.พ.เอกชนที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในสมัยนั้น(ซึ่งก็นานมากแล้ว)คุณแม่เคยรักษาที่ร.พ.เอกชนดังๆแทบจะทุกที่จนคุณแม่มีความรู้เรื่องยาหืดหอบที่แพทย์ใช้รักษาคุณแม่จึงค่อนข้างจะรู้ขั้นตอนการรักษา คือขั้นตอนการรับการรักษาทุกๆโรงพยาบาลที่เป็นแพทย์เฉพาะทางนั้น เมื่อคุณหมอจ่ายยาฉีดหรือยาพ่นในปริมาณที่เหมาะสมให้แล้ว คุณหมอจะทำการตรวจเช็คอาการของคนไข้อีกรอบเพื่อดูอาการ และหากอาการยังไม่ดีขึ้นคุณหมอก็อาจจะพิจารณาให้รับการพ่นละอองยาอีกรอบ หรือไม่ก็อาจให้นอนร.พ.เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่ตั้งแต่เข้ารับการรักษาแบบประกันสังคมเพราะเนื่องจากฐานะไม่ค่อยสู้ดีเหมือนสมัยก่อน ดิฉันขอไม่เอ่ยชื่อร.พ.นะคะ คือมีหลายต่อหลายครั้งที่หมอไม่มีความรู้และไม่ใส่ใจที่ควร ได้แต่สั่งจ่ายยาแบบมั่วๆโดยไม่ได้พิจารณาก่อนว่าปริมาณยาเหมาะสมหรือไม่ มีอยู่ครั้งนึง หมอท่านนึงสั่งจ่ายยาฉีดให้โดยที่เกินโดสไปเยอะมาก จำไม่ๆได้ว่ามันเกินๆปเท่าไรนะคะ แต่ด้วยความโชคดีที่นางพยาบาลแอบมาลดยาให้เพราะนางพยาบาลเล่าให้แม่ฟังว่าหมอท่านนี้เพิ่งฉีดยาให้คนไข้เกินโดสไปจนคนไข้ช็อคเสียชีวิตค่ะ และอีกหลายๆครั้งที่หมอประกันสังคมท่านอื่นจ่ายยาพ่นแบบละอองให้แม่ดิฉันเกินโดส คือตามหลักแล้ว คุณหมอเฉพาะทางจะให้พ่นละอองยาก่อนรอบนึง แต่ถ้ายังมีอาการหลอดลมตีบมากอยู่ก็จะให้พ่นซ้ำโดยจะให้เว้นช่วงในการพ่นแต่ละครั้งต้องห่างกันประมาณ20-30นาที เพราะยาพ่นแบบละอองจะมีผลคือทำให้ใจสั่นค่ะ แต่หมอประกันสังคมกลับให้พ่นทีเดียว3หลอดไม่ให้เว้นช่วงคือให้พ่นติดกันเลย ทีนี้คุณแม่ดิฉันเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว พอพ่นหลอด2 เริ่มอาการใจสั่นมากเพราะคุณแม่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติอยู่แล้วด้วย จึงแจ้งนางพยาบาลให้ทราบ แต่พยาบาลบอกว่าคุณหมอสั่งให้พ่นแบบนี้คนไข้ก็ต้องทนต้องพ่นไปโดยพยาบาลแจ้งว่าเดี๋ยวพอพ่นครบแล้วคุณหมอจะเข้ามาดูอาการ ปรากฎว่าคุณแม่ดิฉันรออยู่อย่างนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมงแต่คุณหมอก็ไม่ได้เข้ามาดู ดีที่คุณแม่ดิฉันใช้วิธีแอบเอาหน้ากากออกตอนที่นางพยาบาลเผลอค่ะไม่งั้นหัวใจอาจจะทำงานหนักจนทนไม่ไหวก็ได้ ล่าสุด คุณแม่ขอร้องให้หมอประกันสังคมช่วยส่งตัวแม่ไปรักษาที่แผนกทางเดินหายใจ เพราะเนื่องจากว่าคุณแม่หอบหนักและท่านรู้ตัวดีว่าตอนนี้ปอดอักเสบ ก็ขอร้องอยู่นานแทบจะกราบกรานกว่าจะส่งไป อุตส่าห์หลงดีใจที่ได้ถูกส่งตัวขึ้นไปรับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง แต่โชคร้ายมาเยือนอีกครั้ง เมื่อแพทย์ท่านนั้นไล่แม่ดิฉันเหมือนหมูเหมือนหมาเพียงเพราะใช้สิทธิประกันสังคม คือคุณแม่ขอร้องให้ช่วยตรวจสมรรถภาพปอดเพราะจำเป็นอย่างมาก แต่แพทย์ท่านนั้นกลับตอบว่าไม่จำเป็น แค่รับยากับหมอประกันสังคมก็พอ นี่เป็น1ในหลายๆครั้งที่แม่ได้รับการรักษาในลักษณะแบบนี้ จนดิฉันเพิ่งมาทราบจากปากนางพนาบาลด้วยความบังเอิญว่า เป็นนโยบายของทางร.พ.ที่ต้องแบ่งเกรดการรักษาของคนที่เสียเงินกับคนที่ใช้สิทธิประกันสังคม มันเป็นเหตุผลที่ทำไมดิฉันจะต้องหาที่รักษาที่ใหม่เผื่อว่าคุณแม่หอบหนักอีก
( ไม่เคยไปรับรักษาที่ร.พ.รัฐมาก่อนเลยค่ะ และไม่ทราบขั้นตอนการเข้ารับการรักษา หากต้องพาแม่ไปนั่งแกร่วเกรงจะไม่ค่อยไหว เพราะนิสัยหลักๆของคนเป็นหืดหอบจะนั่งรออะไรนานๆไม่ค่อยได้ เพราะจะอึดอัดหงุดหงิด แต่เคยได้ยินว่าอาจารย์แพทย์บางท่านมีเปิดคลีนิคส่วนตัวเฉพาะทางด้วย แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์เฉพาะทางโรคหืดหอบ เลยค่ะ)
ขอบคุณมากค่ะ