แมนเชสเตอร์ อีเวนนิ่ง นิวส์ หนังสือพิมพ์ประจำเมืองแมนเชสเตอร์ได้เปิดเผยว่า เดวิด มอยส์ อดีตกุนซือชาวสก็อตของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ได้ถูกเตือน เกี่ยวกับความพยายามในการสร้างนักเตะรุ่นใหม่ที่เน้นเรื่องทักษะการเล่นกับบอลน้อยลง
เดวิด มอยส์ เป็นคนตัดเชือกนิรภัยของเขาเอง โดยการพยายามปรับเปลี่ยนสไตล์การสอนของอคาเดมี่
ย้อนกลับไปยังวันคืนเก่าๆเมื่อปี 1989 เมื่อครั้น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อนาคตแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฐานะผู้จัดการทีมในขณะนั้นกำลังพบกับคำครหามากขึ้นเรื่อยๆ และเหล่าแฟนๆก็เริ่มจะหมดความอดทน งานวางรากฐานเบื้องหลังในระบบเยาวชนของเฟอร์กี้เป็นสิ่งที่ช่วยเซฟเก้าอี้ของเขาไว้
แม้แฟนๆในสนามส่วนใหญ่จะมองไม่เห็น แต่เฟอร์กี้ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายของสโมสรแต่เดิมที่ไม่ใส่ใจในระบบเยาวชนเลย และรื้อระบบแมวมองเสียใหม่
ด้วยการเรียนรู้จากเพื่อนบ้านผู้น่ารัก แมนฯซิตี้ ซึ่งทีมเยาวชนของพวกเขาได้แชมป์ FA Youth Cup ในปี 1986 ก่อนที่เฟอร์กี้จะเดินทางมาจากอเบอร์ดีน และได้เห็นว่า เมน โร้ด ( สนามเก่าของแมนฯซิตี้ ) ได้ดูดเอาผู้เล่นฝีมือดีๆในท้องถิ่นไปหมด เฟอร์กูสันได้ตั้งเป้าหมายในการทำให้สโมสรปิศาจแดงกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าเด็กๆฝีเท้าดีในท้องถิ่นแทนทีมเพื่อนบ้าน
เลส เคอร์ชอว์ เข้ามาสู่บอร์ดบริหารในตำแหน่งหัวหน้าของทีมแมวมอง และน็อบบี้ สไตลส์ และ ไบรอัน คิดด์ เด็กเก่าของทีมก็ถูกจ้างเข้ามาเป็นโค้ชทีมเยาวชน
จิตวิญญาณแห่งยุคสมัยของบัสบี้เบ๊บได้แบ่งบานอีกครั้ง เมื่อยูไนเต็ดเริ่มเข้ามามีอิทธิพลเหนือเมืองแมนเชสเตอร์ และคลาสออฟ 92 นี้เองที่เป็นความสำเร็จอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อพวกเขาเอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ในการแข่งขัน FA Youth Cup ปี 1993
นอกเหนือไปจากการค้นพบเพชรเม็ดงามแล้ว ทีมงานเยาวชนจะต้องสอนรูปแบบการเล่นที่จะถูกนำไปใช้ทั้งสโมสร ตั้งแต่เด็กฝึกหัดยันผู้เล่นชุดใหญ่ พวกเขาจะได้รับการสอนให้เล่นในแบบของยูไนเต็ด
เป็นเพราะการทำงานเบื้องหลังนี้เอง ที่บอร์ดบริหารของยูไนเต็ด ซึ่งประกอบด้วยประธานคือ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ และผู้อำนวยการ เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน มัวริซ วัตกินส์ และ ไมเคิล เอเดลสัน ไม่เคยเลยที่จะต้องมาถกเถียงกันเรื่องการไล่เฟอร์กี้ออกจากตำแหน่งในช่วงปลายยุค 80 แม้ว่าจะมีผลงานในลีกไม่ดีและแฟนๆก็เริ่มจะออกมาประท้วงก็ตาม
นโยบายเกี่ยวกับเยาวชนนั้นเป็นดั่งเชือกนิรภัยให้กับเฟอร์กี้
โชคไม่ดีที่ มอยส์ พยายามชักชวนให้คนอื่นเห็นตาม โดยใช้เก้าอี้ของเขาเป็นเดิมพัน ในความพยายามที่จะสร้างนักเตะรุ่นใหม่ที่มีความแข็งแรงในร่างกายมากขึ้น แต่ให้เน้นเรื่องทักษะการเล่นกับบอลน้อยลง
สต๊าฟที่ทำงานกับผู้เล่นเยาวชนจำนวนมากไม่สบายใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และทีมงานบางคนที่ยังพยายามปกป้องแนวทางในการพัฒนาผู้เล่นของเฟอร์กี้อยู่ ก็ไม่มั่นใจว่าวันไหนพวกเขาจะถูกเรียกขึ้นไปบนออฟฟิศของมอยส์และได้เห็นซองขาววางอยู่บนโต๊ะ
สุดท้ายก็เป็นผู้จัดการทีมที่ถูกเชือดไป และด้วยความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเยาวชนนี่เองทำให้มอยส์นั้นไม่มีเชือกนิรภัยเหมือนกับเฟอร์กี้ ที่ได้สร้างระบบของเขาขึ้นมาเองเมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่แล้วเมื่อผลงานในลีกนั้นไม่เป็นไปดั่งใจของเขา
http://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/david-moyes-tried-change-manchester-7025321
--------------
จากข่าวนี้ นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด...
เดวิด มอยส์ ก่อนที่จะโดนไล่ออก กำลังที่จะทำลายรากฐานของเฟอร์กี้และยูไนเต็ดทีละช้าๆ ตั้งแต่ระบบเยาวชนขึ้นมาเลย...
ไม่เกี่ยวกับว่า ผู้จัดการทีมแต่ละคนก็มีแนวทางที่แตกต่างกัน แต่นี่เป็นเรื่องของความถูก-ผิด และแนวทางของมอยส์นั้นผิด ผิดอย่างมหันต์มากๆ
ในการเล่นฟุตบอลระดับสูงนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความแข็งแกร่งของร่างกาย พละกำลัง เบียดเก่ง วิ่งเร็ว วิ่งเยอะ แต่อย่างใดเลย... แต่เป็นการใช้ทักษะ รวมทั้งแทคติก ในการเล่นเป็นทีมให้เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่างหาก...
ถ้าอยากได้ผู้เล่นที่ร่างกายแข็งแรงๆ ขยันวิ่ง ไปทำทีมกรีฑาก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมาทำทีมฟุตบอล...
หากปล่อยให้เดวิด มอยส์ ทำงานต่อไป เป็นไปได้ว่ารากฐานของทีมในการเล่นฟุตบอลแบบยูไนเต็ดทั้งหมดจะถูกทำลายทิ้ง และทดแทนด้วยฟุตบอลพละกำลังของเดวิด มอยส์ ซึ่งไม่มีทางพาทีมไปไหนได้เกินกว่ากลางตาราง ลุ้นไปยูโรป้าแค่นั้น...
นี่คือเวลาที่เหมาะสมแล้วครับ ที่เราจะต้องแยกทางกัน...
สื่อเผย !!! การพยายามไปปรับเปลี่ยนระบบเยาวชนของแมนยู เป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้มอยส์ตกเก้าอี้
เดวิด มอยส์ เป็นคนตัดเชือกนิรภัยของเขาเอง โดยการพยายามปรับเปลี่ยนสไตล์การสอนของอคาเดมี่
ย้อนกลับไปยังวันคืนเก่าๆเมื่อปี 1989 เมื่อครั้น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อนาคตแห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฐานะผู้จัดการทีมในขณะนั้นกำลังพบกับคำครหามากขึ้นเรื่อยๆ และเหล่าแฟนๆก็เริ่มจะหมดความอดทน งานวางรากฐานเบื้องหลังในระบบเยาวชนของเฟอร์กี้เป็นสิ่งที่ช่วยเซฟเก้าอี้ของเขาไว้
แม้แฟนๆในสนามส่วนใหญ่จะมองไม่เห็น แต่เฟอร์กี้ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายของสโมสรแต่เดิมที่ไม่ใส่ใจในระบบเยาวชนเลย และรื้อระบบแมวมองเสียใหม่
ด้วยการเรียนรู้จากเพื่อนบ้านผู้น่ารัก แมนฯซิตี้ ซึ่งทีมเยาวชนของพวกเขาได้แชมป์ FA Youth Cup ในปี 1986 ก่อนที่เฟอร์กี้จะเดินทางมาจากอเบอร์ดีน และได้เห็นว่า เมน โร้ด ( สนามเก่าของแมนฯซิตี้ ) ได้ดูดเอาผู้เล่นฝีมือดีๆในท้องถิ่นไปหมด เฟอร์กูสันได้ตั้งเป้าหมายในการทำให้สโมสรปิศาจแดงกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าเด็กๆฝีเท้าดีในท้องถิ่นแทนทีมเพื่อนบ้าน
เลส เคอร์ชอว์ เข้ามาสู่บอร์ดบริหารในตำแหน่งหัวหน้าของทีมแมวมอง และน็อบบี้ สไตลส์ และ ไบรอัน คิดด์ เด็กเก่าของทีมก็ถูกจ้างเข้ามาเป็นโค้ชทีมเยาวชน
จิตวิญญาณแห่งยุคสมัยของบัสบี้เบ๊บได้แบ่งบานอีกครั้ง เมื่อยูไนเต็ดเริ่มเข้ามามีอิทธิพลเหนือเมืองแมนเชสเตอร์ และคลาสออฟ 92 นี้เองที่เป็นความสำเร็จอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อพวกเขาเอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ในการแข่งขัน FA Youth Cup ปี 1993
นอกเหนือไปจากการค้นพบเพชรเม็ดงามแล้ว ทีมงานเยาวชนจะต้องสอนรูปแบบการเล่นที่จะถูกนำไปใช้ทั้งสโมสร ตั้งแต่เด็กฝึกหัดยันผู้เล่นชุดใหญ่ พวกเขาจะได้รับการสอนให้เล่นในแบบของยูไนเต็ด
เป็นเพราะการทำงานเบื้องหลังนี้เอง ที่บอร์ดบริหารของยูไนเต็ด ซึ่งประกอบด้วยประธานคือ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ และผู้อำนวยการ เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน มัวริซ วัตกินส์ และ ไมเคิล เอเดลสัน ไม่เคยเลยที่จะต้องมาถกเถียงกันเรื่องการไล่เฟอร์กี้ออกจากตำแหน่งในช่วงปลายยุค 80 แม้ว่าจะมีผลงานในลีกไม่ดีและแฟนๆก็เริ่มจะออกมาประท้วงก็ตาม
นโยบายเกี่ยวกับเยาวชนนั้นเป็นดั่งเชือกนิรภัยให้กับเฟอร์กี้
โชคไม่ดีที่ มอยส์ พยายามชักชวนให้คนอื่นเห็นตาม โดยใช้เก้าอี้ของเขาเป็นเดิมพัน ในความพยายามที่จะสร้างนักเตะรุ่นใหม่ที่มีความแข็งแรงในร่างกายมากขึ้น แต่ให้เน้นเรื่องทักษะการเล่นกับบอลน้อยลง
สต๊าฟที่ทำงานกับผู้เล่นเยาวชนจำนวนมากไม่สบายใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และทีมงานบางคนที่ยังพยายามปกป้องแนวทางในการพัฒนาผู้เล่นของเฟอร์กี้อยู่ ก็ไม่มั่นใจว่าวันไหนพวกเขาจะถูกเรียกขึ้นไปบนออฟฟิศของมอยส์และได้เห็นซองขาววางอยู่บนโต๊ะ
สุดท้ายก็เป็นผู้จัดการทีมที่ถูกเชือดไป และด้วยความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาระบบเยาวชนนี่เองทำให้มอยส์นั้นไม่มีเชือกนิรภัยเหมือนกับเฟอร์กี้ ที่ได้สร้างระบบของเขาขึ้นมาเองเมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่แล้วเมื่อผลงานในลีกนั้นไม่เป็นไปดั่งใจของเขา
http://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/david-moyes-tried-change-manchester-7025321
--------------
จากข่าวนี้ นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด...
เดวิด มอยส์ ก่อนที่จะโดนไล่ออก กำลังที่จะทำลายรากฐานของเฟอร์กี้และยูไนเต็ดทีละช้าๆ ตั้งแต่ระบบเยาวชนขึ้นมาเลย...
ไม่เกี่ยวกับว่า ผู้จัดการทีมแต่ละคนก็มีแนวทางที่แตกต่างกัน แต่นี่เป็นเรื่องของความถูก-ผิด และแนวทางของมอยส์นั้นผิด ผิดอย่างมหันต์มากๆ
ในการเล่นฟุตบอลระดับสูงนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความแข็งแกร่งของร่างกาย พละกำลัง เบียดเก่ง วิ่งเร็ว วิ่งเยอะ แต่อย่างใดเลย... แต่เป็นการใช้ทักษะ รวมทั้งแทคติก ในการเล่นเป็นทีมให้เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่างหาก...
ถ้าอยากได้ผู้เล่นที่ร่างกายแข็งแรงๆ ขยันวิ่ง ไปทำทีมกรีฑาก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมาทำทีมฟุตบอล...
หากปล่อยให้เดวิด มอยส์ ทำงานต่อไป เป็นไปได้ว่ารากฐานของทีมในการเล่นฟุตบอลแบบยูไนเต็ดทั้งหมดจะถูกทำลายทิ้ง และทดแทนด้วยฟุตบอลพละกำลังของเดวิด มอยส์ ซึ่งไม่มีทางพาทีมไปไหนได้เกินกว่ากลางตาราง ลุ้นไปยูโรป้าแค่นั้น...
นี่คือเวลาที่เหมาะสมแล้วครับ ที่เราจะต้องแยกทางกัน...