World Insight : ความเคลื่อนไหวของผู้นำรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกเคจีบี ได้หลุดคำว่า "โนโวรอสซิยา"หรือ รัสเซียใหม่ ทำให้หลายคนหวั่นเกรงว่า รัสเซียกำลังมีความคิดที่จะฟื้นสหภาพโซเวียตขึ้นมาอีกครั้ง
"โนโวรอสซิยา"เป็นคำที่ประธานาธิบดีปูติน พูดออกมาในระหว่างการตอบคำถามรายการโทรทัศน์ตลอด 4 ชั่วโมงเต็ม เป็นรายการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปในประเทศ มีช่วงหนึ่ง ที่ผู้นำรัสเซียพูดถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ซึ่งผู้นำรัสเซียเลือกที่จะใช้คำว่า "โนโวรอสสิยา" แทนพื้นที่นี้
โนโวรอสซิยา หรือ นิวรัสเซีย หมายถึง ดินแดนใหม่ ที่พระนางแคธเธอรีน มหาราชได้มาจากการทำสงครามชนะจักรวรรดิออตโตมาน เมื่อปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งในปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่คาร์คีฟ ลูฮันสค์ โดเนตสค์ เคียร์ซอน นิโคลาเยฟ และโอเดสซา หรือ ภาคตะวันออกไปจนถึงภาคใต้ยูเครน จนกระทั่งปี 1920 ในยุคสหภาพโซเวียต ที่โนโวรอสซิยา ต้องถูกส่งต่อให้ไปอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครนมาจนถึงปัจจุบัน
"โนโวรอสซิยา"จึงไม่ได้มีความหมายในเชิงประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซียในอดีตเท่านั้น แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การที่ปูตินเลือกใช้คำนี้ ก็เพราะต้องการแก้ไขความผิดพลาดในอดีต เหมือนที่เคยทำมาแล้วกับไครเมีย และยังแสดงถึงความทะเยอทะยานของปูติน ที่ต้องการให้รัสเซียกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังต้องเสื่อมถอย นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1991
ไม่เพียงแต่ผู้นำรัสเซียที่พูดถึงโนโวรอสซิยา แต่ขบวนการและกองกำลังฝ่ายนิยมรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน ก็หยิบยกคำนี้มาใช้รณรงค์และเรียกร้องเอกราชจากยูเครน โดยเฉพาะที่แคว้นโดเนตสค์ กองกำลังติดอาวุธที่เรียกตนเองว่า กลุ่มแอนไทไมดาน บุกยึดสถานที่ราชการตามเมืองต่างๆถึง 10 เมือง เช่นที่ครามาตอสค์ สลาฟยันสค์ กอร์ลอฟกา รวมถึงที่แคว้นลูฮันสค์ และแคว้นคาร์คีฟด้วย
แม้ว่ากลุ่มแอนไทไมดาน จะมีความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติและภาษาที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย แต่บางส่วนก็ไม่ได้ต้องการที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เหมือนที่เกิดขึ้นกับไครเมีย เพียงแต่พวกเขาไม่มั่นใจในรัฐบาลใหม่ยูเครนที่มีนโยบายใกล้ชิดกับยุโรป และกลัวว่า ชีวิตประจำวันของพวกเขาอาจถูกคุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความไม่แน่นอนในสถานะของภาษารัสเซียที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทางภาคตะวันออกของประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประกาศให้ภาษายูเครนเป็นภาษาประจำชาติ และกลุ่มแอนไทไมดาน เรียกร้องให้ใช้ภาษารัสเซียในโรงเรียนและเอกสารราชการด้วย
ขณะที่การกระจายอำนาจเพื่อให้คนเชื้อสายรัสเซียในยูเครนมีอำนาจในการปกครองตนเองมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงอำนาจในการจัดเก็บภาษี ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเรียกร้อง เพราะหากมองในมิติเศรษฐกิจ แคว้นโดเนตสค์ ถือเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมของยูเครน โดยมูลค่าจีดีพีของโดเนตสค์ คิดเป็นร้อยละ 12 ของจีดีพีทั้งประเทศ และหากพวกเขาจัดเก็บภาษีได้ด้วยตัวเอง ก็หมายถึงเม็ดเงินมหาศาลที่จะนำมาใช้ในการพัฒนา
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้ยูเครนปกครองในแบบสหพันธรัฐ อาจเป็นคำตอบของคนเชื้อสายรัสเซียจำนวนไม่น้อยในยูเครน และสอดคล้องกับเจตนารมย์ของผู้นำรัสเซีย ที่ต้องการให้บุคคลเหล่านี้ปกครองตนเองเท่านั้น เพราะการผนวกดินแดน ไม่เพียงจะถูกประณามจากนานาชาติ แต่ก็มีราคาที่รัสเซียต้องจ่าย สุดท้ายแล้วสิ่งที่รัสเซียต้องการก็คือ ให้ดินแดนแถบนี้กลายเป็นสหพันธรัฐ สกัดกั้นการแผ่อิทธิพลของตะวันตก ไม่ให้เข้ามาประชิดพรมแดนรัสเซียนั่นเอง
http://www.krobkruakao.com/ข่าวต่างประเทศ/92197/World-Insight---รัสเซียหวังฟื้น-โนโวรอสซิยา.html
World Insight : รัสเซียหวังฟื้น โนโวรอสซิยา
"โนโวรอสซิยา"เป็นคำที่ประธานาธิบดีปูติน พูดออกมาในระหว่างการตอบคำถามรายการโทรทัศน์ตลอด 4 ชั่วโมงเต็ม เป็นรายการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปในประเทศ มีช่วงหนึ่ง ที่ผู้นำรัสเซียพูดถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ซึ่งผู้นำรัสเซียเลือกที่จะใช้คำว่า "โนโวรอสสิยา" แทนพื้นที่นี้
โนโวรอสซิยา หรือ นิวรัสเซีย หมายถึง ดินแดนใหม่ ที่พระนางแคธเธอรีน มหาราชได้มาจากการทำสงครามชนะจักรวรรดิออตโตมาน เมื่อปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งในปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่คาร์คีฟ ลูฮันสค์ โดเนตสค์ เคียร์ซอน นิโคลาเยฟ และโอเดสซา หรือ ภาคตะวันออกไปจนถึงภาคใต้ยูเครน จนกระทั่งปี 1920 ในยุคสหภาพโซเวียต ที่โนโวรอสซิยา ต้องถูกส่งต่อให้ไปอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครนมาจนถึงปัจจุบัน
"โนโวรอสซิยา"จึงไม่ได้มีความหมายในเชิงประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซียในอดีตเท่านั้น แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า การที่ปูตินเลือกใช้คำนี้ ก็เพราะต้องการแก้ไขความผิดพลาดในอดีต เหมือนที่เคยทำมาแล้วกับไครเมีย และยังแสดงถึงความทะเยอทะยานของปูติน ที่ต้องการให้รัสเซียกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังต้องเสื่อมถอย นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1991
ไม่เพียงแต่ผู้นำรัสเซียที่พูดถึงโนโวรอสซิยา แต่ขบวนการและกองกำลังฝ่ายนิยมรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน ก็หยิบยกคำนี้มาใช้รณรงค์และเรียกร้องเอกราชจากยูเครน โดยเฉพาะที่แคว้นโดเนตสค์ กองกำลังติดอาวุธที่เรียกตนเองว่า กลุ่มแอนไทไมดาน บุกยึดสถานที่ราชการตามเมืองต่างๆถึง 10 เมือง เช่นที่ครามาตอสค์ สลาฟยันสค์ กอร์ลอฟกา รวมถึงที่แคว้นลูฮันสค์ และแคว้นคาร์คีฟด้วย
แม้ว่ากลุ่มแอนไทไมดาน จะมีความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติและภาษาที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย แต่บางส่วนก็ไม่ได้ต้องการที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เหมือนที่เกิดขึ้นกับไครเมีย เพียงแต่พวกเขาไม่มั่นใจในรัฐบาลใหม่ยูเครนที่มีนโยบายใกล้ชิดกับยุโรป และกลัวว่า ชีวิตประจำวันของพวกเขาอาจถูกคุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความไม่แน่นอนในสถานะของภาษารัสเซียที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทางภาคตะวันออกของประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประกาศให้ภาษายูเครนเป็นภาษาประจำชาติ และกลุ่มแอนไทไมดาน เรียกร้องให้ใช้ภาษารัสเซียในโรงเรียนและเอกสารราชการด้วย
ขณะที่การกระจายอำนาจเพื่อให้คนเชื้อสายรัสเซียในยูเครนมีอำนาจในการปกครองตนเองมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงอำนาจในการจัดเก็บภาษี ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเรียกร้อง เพราะหากมองในมิติเศรษฐกิจ แคว้นโดเนตสค์ ถือเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมของยูเครน โดยมูลค่าจีดีพีของโดเนตสค์ คิดเป็นร้อยละ 12 ของจีดีพีทั้งประเทศ และหากพวกเขาจัดเก็บภาษีได้ด้วยตัวเอง ก็หมายถึงเม็ดเงินมหาศาลที่จะนำมาใช้ในการพัฒนา
ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้ยูเครนปกครองในแบบสหพันธรัฐ อาจเป็นคำตอบของคนเชื้อสายรัสเซียจำนวนไม่น้อยในยูเครน และสอดคล้องกับเจตนารมย์ของผู้นำรัสเซีย ที่ต้องการให้บุคคลเหล่านี้ปกครองตนเองเท่านั้น เพราะการผนวกดินแดน ไม่เพียงจะถูกประณามจากนานาชาติ แต่ก็มีราคาที่รัสเซียต้องจ่าย สุดท้ายแล้วสิ่งที่รัสเซียต้องการก็คือ ให้ดินแดนแถบนี้กลายเป็นสหพันธรัฐ สกัดกั้นการแผ่อิทธิพลของตะวันตก ไม่ให้เข้ามาประชิดพรมแดนรัสเซียนั่นเอง
http://www.krobkruakao.com/ข่าวต่างประเทศ/92197/World-Insight---รัสเซียหวังฟื้น-โนโวรอสซิยา.html