สวัสดีคะ ตอนที่ 3แล้วนะคะ สำหรับคนที่เพิ่งเหนและอยากอ่านตอนก่อนหน้าที่
ตอนที่ 0 : แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับคนที่สนใจเดือนสุดท้ายในการสมัคร Work&Study : http://ppantip.com/topic/31947809
ตอนที่ 1: แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับการเลือกเอเจนซี่และการจัดกระเป๋าคะ : http://ppantip.com/topic/31949648
ตอนที่ 2: แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับอะไรที่มันเป็นครั้งแรก : http://ppantip.com/topic/31954617
ตอนที่ 4: แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับช้อปปิ้งและซื้อของถูกคะ : http://ppantip.com/topic/31965000
ตอนที่ 5: แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับชีวิตประจำวันในเดือนแรก : http://ppantip.com/topic/31969214
ตอนที่ 6: แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับการคบเพื่อน กิจกรรมและสถานที่เที่ยว : http://ppantip.com/topic/31973231
ตอนที่ 7: แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาที่ Canada กับค่าใช่จ่าย การหาบ้าน และThe Rockies Mtn : http://ppantip.com/topic/32004307

          ก่อนอื่นเราขอย้ำอีกครั้งนะคะ ว่า โครงการ Work&Study รัฐบาลแคนาดาเค้าจะยกเลิกแล้ว คือต้องยื่นวีซ่าภายในวันที่ 1 มิถุนายน ปีนี้นะคะ เพราะฉนั้นใครอยากไป รีบสมัครเลยคะ แต่ถ้าหายใครยังเรียนไม่จบแล้วอยากไปจิงๆ เราว่าให้เรียนจบแล้วค่อยไป แบบยาวๆ เพราะเมื่อคืนคุยกับพี่เอเจ่น เค้าบอกว่ารัฐบาลแคนาดา เค้าเปลี่ยนกฎหมายเรื่องวีซ่า และมีข่าวดีสำหรับคนที่ถือวีซ่านักเรียนคะ

ตอนนี้เราจะพูดถึงสถาบันที่เราไปเรียนนะคะ สถาบันเราชื่อ VEC หรือชื่อเต็มว่า Vancouver English Centre สำหรับเรา เป็นสถาบันที่ดีคะ ถึงแม้คนไทยจะเยอะหน่อย ประมานว่าถ้ามีเด็ก 500 คนในสถาบัน ก็จะเป็นเด็กไทยสัก 30 - 45 คนคะ สถาบันเรามีหลานคลาสให้เลือกคะ เน้นไป 3 กลุ่มหลักๆ คือ
1. เรียนไปเพื่อพูดอังกฤษได้
2. เรียนเพื่อมาทำงาน และ โครงการ Work&Study
3. เรียนเพื่อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยคะ

โดยโรงเรียนจะแบ่งเป็นคลาสเช้า และบ่าย
          คลาสเช้าส่วนมากจะเน้นแกรมม่าเป็นหลักคะ โดยที่แกรมม่าจะเริ่มที่เลเวล 2 ไปจนถึง 15 คะ แต่ละเลเวลก็จะมีประมาน 2 ห้องขึ้นไปคะ แล้วแต่จำนวนนักเรียนในเลเวลนั้น ห้องนึงเรียนไม่เกิน 15 คนมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิด ฮ่าๆๆ แต่ส่วนมากไม่ถึงหรอกคะที่เราไปเรียนมา ตอนเราสอบเข้าไปเราได้แกรมม่าเลเวล 5 ถือว่าต่ำนะคะ ฮ่าๆๆ จำได้เลยว่าเรียนเรื่อง ที่เราเคยเรียนตอนมอต้น แต่เรารู้สึกดีกับคลาสแกรมม่าที่นี้มากเลยนะคะ เพราะเค้าสอนในบางสิ่งที่เมืองไทยไม่ได้สอน แต่เราสามารถน้ำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างเช่น เราจะใช้คะว่า Very Too Enough  เมื่อไหร่ และเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่เราใช้ได้จริงอ่ะคะ แต่ตอนเช้าไม่ได้มีคลาสแกรมม่าอย่างเดียวนะคะ มี Communication ด้วย คือบางคนเลเวลแกรมม่าสูงแต่ว่าการพูดได้ต่ำ เค้าก็จะให้ลงพูดในตอนเช้า และตอนบ่ายด้วยคะ และยังมีคลาสที่ให้คนที่สนใจเรียนต่อเรียนด้วยนะคะ เช่น  IELTS class  เริ่มเรียนตอน 9 โมงคะ มีเบรกตอน 10.30 แล้วก็เลิกเรียนตอน 11.50 หลังจากนั้นก็พักคะ

          คลาสตอนบ่ายจะเน้น communication class คะ คือเน้นเรียนพูดเป็นหลัก แต่ก็มีเรียนเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยด้วยนะคะ เช่น Reading&Writing Listning คะ และอีกคลาสนึงเป็นที่นิยมของคนไทยมาก คือ pronunciation class ส่วนมากมีแต่คนเอเชียเรียนคะ เกาหลีก็ชอบลงเรียนคลาสนี้ เป็นคลาสหัดออกเสียงให้ถูกต้อง เราเคยลงเรียนด้วยคะ แต่เรียนได้แค่ 2 วัน เราขอเปลี่ยนคลาสไปเรียนพูดเหมือนเดินเลยคะ คือเราเป็นคนพูดมาก ฮ่าๆๆ แต่  pronunciation class มันเน้นการทำเสียง รูปปาก การวางลิ้น พูดตามครู เราอึดอัดมาก ขอย้ายเลยคะ แต่เค้าบอกว่าดีมากๆๆ นะคะ แต่สำหรับเรา การฝึกออกเสียง คือการคุยคะ อาจเพราะเราได้เพื่อนดี สอนเราทุกอย่าง อีกอย่างเวลาเราคุยกับเพื่อนแล้วเราออกเสียงไม่ถูกหลัก ครูเค้าได้ยิน เค้าก็มาช่วยบอกว่าต้องออกเสียงยังไม่คะ อีกคลาสในตอนบ่ายคือ เกี่ยวกับการทำงานคะ ตอนบ่ายเริ่มเรียน 12.50 - 03.40 คะ

ที่สถาบนเค้ามีหลายโปรแกรมให้เลือกนะคะ เช่น
1. เรียนภาษาอย่างเดียวอย่างที่เราไปเรียน คือเรียนตั้งแต่จันทร์ ถึงพฤหัสบดี เต็มวันส่วนวันศุกร์ เรียนแค่ครึ่งวันเช้าคะ
2. โครงการ Work&Study คะ เรียนเหมือนเรา แต่วันศุกร์เรียนเต็มวัน แต่วันศุกร์บ่ายต้องเลือกวิชาใหม่อีก 1 คลาสคะ บางคลาสก็ชิว อย่างเช่นถ่ายรูป บางคลาสก็มีประโยชน์มาก เช่นการเขีนน resume
3. อันนี้เราไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าโครงการอะไรนะคะ คือเรียนทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ แต่เรียนเฉพาะครึ่งวันเช้า ครึ่งวันบ่ายเค้าพาไปเที่ยวคะ ส่วนมากจะเป็นนักเรียนที่ปิดเทอมและมาเรียนคอร์สสั้นๆและได้เที่ยวด้วย ตอนที่เราเรียนอยู่ มีโรงเรียนที่ไทยนี่แหละคะ พาเด็กไปเรียนกลุ่มนึง ประมาน 10 กว่าคน เป็นเด็กอายุตั้งแต่ 8 - 15 ปีเลยคะ
และยังมีอีก เราจำได้แค่นี้แหละคะ