10 อันดับ เรื่องที่ ผู้ใหญ่ชอบทำให้วัยรุ่นเสียใจ

กระทู้คำถาม
เรื่องที่ ผู้ใหญ่ชอบทำให้วัยรุ่นเสียใจ
อันดับ 10 เมื่อเด็ก (วัยรุ่น) ทำความดีผู้ใหญ่กับเมินเฉย หรือมีความรู้สึกยินดีเพียงชั่วขณะ
ผู้ใหญ่หลายท่านมักคิดเสมอว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูกของคุณประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง คุณแสดงความยินดีเก็บเด็กเพียงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นคุณก็แทบจะลืมมันออกไปจากสมองโดยทันที สิ่งที่ทำให้คุณจะนึกถึงเรื่องของเด็กขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อคุณอยากโอ้อวดสิ่งนั้นกับบุคคลอื่น ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะทำให้เด็กมีความรู้สึกที่ไม่ภาคภูมิใจกับสิ่งที่ได้มา

อันดับที่ 9 สิทธิของเด็ก (วัยรุ่น) ในสถาบันครอบครัว การแสดงความคิดเห็นของเด็ก
ผู้ใหญ่หลายท่านในประเทศไทยมักจะจำกัดสิทธิของเด็กโดยสิ้นเชิง (รวมไปถึงหลายๆ สถาบัน) พ่อ แม่ ครู สามารถไม่พอใจกับสิ่งที่เด็กประพฤติไม่ดีได้ แต่เด็กร้อยละ 90 ไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจออกมาได้เมื่อผู้ใหญ่ประพฤติผิด
เพราะอะไร… เมื่อเด็กแสดงอาการออกมาเด็กจะถูกว่า ถูกดุ ว่าทำตัวไม่เหมาะสม ทำไมผู้ใหญ่ถึงดุเมื่อเด็กแสดงอาการอย่างนั้นเนื่องจากในใจลึกๆ ผู้ใหญ่ก็ไม่ชอบให้ใครมาติเตียนแสดงอาการไม่พอใจใส่
แล้วเด็กละ…??? เด็กก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกันแต่เด็กห้ามทำ ข้อสังเกตเมื่อเด็กเบื่อหน่ายที่จะแสดงความคิดเห็น คือเด็กจะพูดน้อยลง เมื่อคุณถามสิ่งที่ต้องเลือก เด็กจะตอบกลับมาว่า \”แล้วแต่\”

อันดับ 8 ?การรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูด หรือนำมาว่ากล่าวซ้ำ
ผู้ใหญ่ส่วนมากเวลาเด็กทำผิดแล้วจะว่ากล่าวนั้น น้อยคนมากที่จะดุเฉพาะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเรื่องที่ทำผิด
เมื่อเริ่มว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจบไป ผู้ใหญ่ก็จะใส่อารมณ์มากขึ้นราวกับได้ระบายอารมณ์ ผู้ใหญ่ส่วนมากจะรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ที่เด็กทำผิดมาว่าซ้ำ ซ้ำเติม และพูดได้เลยว่าผู้ใหญ่ร้อยละ 50 ที่แสดงอาการแบบนี้จะหยุดก็ต่อเมื่อเด็กเกิดอาการเสียใจ
ถ้าเด็กยังแสดงอาการเฉยๆ หรือต่อต้านไม่มีทางหยุดง่ายๆ แน่นอน ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเจ็บใจ โกรธ แต่ไม่สำนึกอย่างแน่นอน

อันดับ 7 ?การเป็นที่ปรึกษาที่ไม่ดี เปิดเผยความลับของเด็ก (วัยรุ่น) แก่คนอื่น
ทุกวันนี้ในสังคมไทยเด็กจะเลือกปรึกษาปัญหากับเพื่อนก่อนเป็นอันดับแรก อันดับสองคือพี่น้อง อันดับสามคือบุคคลในอินเตอร์เน็ต ส่วนอันดับสี่ถึงจะเป็น พ่อ แม่
ทำไมผู้ใหญ่ในสถาบันครอบครัวถึงกลายเป็นอันดับสี่ไปได้ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นอันดับหนึ่ง หรือสองนั่นก็เพราะคำว่า แก้ปัญหาไม่เป็น ไม่ได้ช่วยอะไร และ สามี-ภรรยา ไม่มีความลับต่อกัน แก้ปัญหาให้ลูกไม่เป็น คือ การที่บอกวิธีในการแก้ปัญหามาแต่เมื่อทำไปแล้วไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง  สามี-ภรรยา ไม่มีความลับต่อกัน อันนี้คือสาเหตุหลักความลับคือสิ่งที่เด็กไม่อยากให้คนจำนวนมากรู้ ถ้าเด็กเลือที่จะบอกแม่ ร้อยละ 80 ของครอบครัวชาวไทย พ่อต้องรู้ด้วยแต่เป็นการรู้จากการที่แม่เป็นคนไปบอกอะไรทำนองนี้ การทำแบบนี้จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อใจพ่อและแม่

อันดับ 6 อารมณ์เสียใส่เด็ก เหวี่ยงใส่เด็ก หาเรื่องว่าเด็ก
ผู้ใหญ่มักจะไม่รู้ตัวเมื่ออารมณ์เสียแล้วชอบหาเรื่องว่าคนอื่น โดยเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเนื่องจากมีการตอบโต้ที่น้อย จากเรื่องเล็กที่เป็นข้อผิดพลาดนิดหน่อยจะกล่าวเป็นความผิดร้ายแรงได้ทันที
อย่างเช่น ลืมล้างจาน โดนว่าพอว่าเสร็จก็จะวกไปเข้าอันดับ 08 รื้อฟื้นเรื่องเก่ามาว่าต่อ การ
กระทำแบบนี้จะทำให้เด็กรู้สึกว่า พ่อแม่ไม่มีเหตุผล จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อถือ

อันดับ 5 ด่าเด็ก พูดจารุนแรง
ผู้ใหญ่มักเถียงว่าสิ่งที่พวกเขากระทำคือการดุ ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ใช่การด่า
แต่ลองมาทำความเข้าใจกันสะใหม่ การว่ากล่าวตักเตือนคือ ก็อธิบายผลเสีย และอธิบายแนวทางแก้ไขให้
การดุ คือ การอธิบายถึงผลเสียอย่างเดียว แต่การด่า คือ การใช้ถ่อยคำหยาบคาย \”\” \”กู\” ใช้วาจาส่อเสียดประชดประชัน \”คิดว่าตัวเองเป็นเทวดารึไง\” ทำนองนี้ พิจรณาตัวเองแล้วกันว่าเข้าข่ายหรือไม่ เพราะการทำอย่างนี้จะทำให้เด็กฝังใจ เด็กจะไม่มีความสำนึกผิด หรือจะไม่ทำอีกแล้วนะ แต่เด็กจะคิดว่าในครั้งต่อไปจะต้องทำโดยห้ามโดนจับได้

อันดับ 4 การทำร้ายความมั่นใจของเด็ก
ผู้ใหญ่หลายคนมักทำลายความมั่นใจของเด็กโดยไม่รู้ตัว พูดถึงข้อด้อยของเด็กในที่สาธรณะหรือต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก การไม่เตรียมพร้อมของผู้ใหญ่ก็อาจจะทำให้เด็กเสียความมั่นใจได้
เช่น พาเด็กไปยังสถานที่เรียนพิเศษ แห่งหนึ่งแล้วก็ปล่อยเด็กไว้กับครูและเด็กคนอื่นๆ ส่วนตัวเองก็กลับไปทำธุระของตน ในสถานะผู้ใหญ่คุณอาจจะคิดว่ามีเด็กตั้งเยอะแยะลูกเราไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ในความคิดของเด็กคนที่ไม่รู้จักเท่ากับเขาไม่มีตัวตน การกระทำแบบนี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนขาดความมั่นใจ

อันดับ 3 การตอกย้ำซ้ำเติมความผิดพลาด
พ่อแม่จำนวนมากมักคิดว่าการดุ การด่า พูดจาซ้ำเติม คือวิธีของการที่จะทำเห็นเด็กจดจำและเรียนรู้ความผิดพลาด แต่ไม่ใช่เลย
วิธีที่ถูกต้องที่สุดคือ การปลอบเมื่อเขาทำผิดพลาด แล้วค่อยอธิบายข้อผิดพลาดว่าเกิดจากอะไร มีผลเสียยังไง มีวิธีการแก้ไขแบบไหน เพราะการตอกย้ำนั้นจะทำให้เด็กรู้สึกฝังใจ กลัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ กลัวความผิดพลาดจนกลายเป็นคนขี้ระแวงได้

อันดับ 2 การใช้ความรุนแรง
เชื่อเถอะมันหมดยุคของ ไม้เรียวสร้างคนแล้ว ตีให้ตายเด็กสมัยนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอก แต่จะเป็นการซ้ำเติมให้เด็กมีปมภายในใจหนักขึ้นไปอีก
ความรุนแรงที่พ่อแม่ทำกันเอง หรือความรุนแรงที่พ่อแม่ทำต่อเด็กล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่ดีทั้งสิ้น การทำแบบนี้จะยิ่งทำให้เด็กเกิดอาการต่อต้านหนักขึ้นไปอีก และในอนาคตเด็กอาจจะเป็นบุคคลที่ใช้ความรุนแรง

อันดับ 1 คิดเอง เออเอง และไม่เข้าใจลูกของตัวเอง
ผู้ใหญ่หลายท่านมีบททดสอบง่ายๆ เลยที่จะให้ทุกท่านทำ หยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งแล้วหาคำตอบต่อไปนี้
1.ลูกมีเพื่อนสนิทชื่ออะไร 2.ลูกชอบกินอะไร 3.ลูกไม่ชอบกินอะไร 4. สีโปรดของลูก 5.ลูกไปเที่ยวกับครอบครัวครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ 6.เบอร์โทรศัพท์ของลูก 7.ลูกไม่ชอบสิ่งมีชีวิตอะไรมากที่สุด 8.ของขวัญชิ้นล่าสุดที่ซื้อให้ลูกคือ 9.ลูกเกิดวันไหนเดือนอะไรปีไหน 10.โตขึ้นลูกอยากเป็นอะไร 11.ลูกชอบดูละครเรื่องอะไร 12.ลูกชอบฟังเพลงอะไร 13.ลูกชอบเรียนวิชาอะไร 14.ลูกชอบเล่นกีฬาอะไรตอบคำถาม 14ข้อต้องถูก 11ข้อขึ้นไปคุณถึงจะเป็นพ่อแม่ที่รู้จักลูกตัวเองจริง
แต่ถ้าจะทดสอบว่าเข้าใจลูกตัวเองรึเปล่า ตอบคำถามแค่ข้อเดียว 1.ทำไมคุณถึงเลือกคำตอบเหล่านั้นมาตอบ ถ้าคุณบอกได้แปลว่าคุณเข้าใจลูกของคุณแต่ถ้าไม่ได้ คุณก็แค่เอาใจใส่เขามากขึ้น สังเกตุเวลาลูกของคุณยิ้ม สังเกตเวลาลูกของคุณร้องไห้ สังเกตเวลาลูกของคุณอยู่กับความเงียบแล้วคุณจะรู้จักลูกของคุณมากขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่