เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา ประมาณ 2 ทุ่ม วันพุธ ที่ 23 เมษายน 2557 ขณะที่เพื่อนผมมีอาชีพ เป็นอาจารย์ ของมหาวิทยาลัยของรัฐ กลับจากเยี่ยมคนไข้ จาก โรงพยาบาลเพชรเกษม นั่งแท๊กซี่ มากับครอบครัว คือ ลูกชาย ภรรยา โดยที่ ด่านตั้ง อยู่ริมถนน กาญจนาภิเษก บางบอน มุ่งหน้า ถนนพระราม2 เพื่อนผม ไม่ใช่ตาสีตาสา จึงแสดงตน และ โต้ตอบ กับ ตำรวจชั้นประทวน และ ถ่ายภาพ พฤติกรรม ของตำรวจ จนในที่สุด ผู้กอง ที่ดูแล ด่าน ออกมาไหว้ขอโทษ และข้อร้องไม่ให้นำไปโพส ในสื่อ เพื่อนผมเป็นคนดีและรับคำ แต่เพื่อนผมมาเล่าให้ผมฟัง เมื่อฟังแล้ว เรื่องแบบนี้ ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไป จึงขอนำเรื่องที่เพื่อนผมเล่าให้ฟัง มาเล่าสู่กันฟัง และ ถ้าผู้บังคับบัญชา ของพื้นที่นี้ ได้รับรู้ ควรออกมาทำอะไร บ้างนะครับ ลองอ่านเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนผมนะครับ
" ตอนหัวค่ำ ผมและครอบครัวนั่งรถแท็กซี่กลับจาก รพ.เพชรเกษม 2 ถูกตำรวจตั้งด่านตรวจบนถนนกาญจนาภิเษก แถวบางบอน บอกให้ผู้ชายลงจากแท็กซี่ ผมและลูกชายก็ลงไป ผมถามตำรวจว่ามีอะไรเหรอครับ และผมมีสิทธิ์อะไรมั้ย ผมเป็นข้าราชการ ตำรวจไม่ฟัง และให้ไปตรวจปัสสาวะ ผมบอกว่าเป็นข้าราชการ มีสิทธิ์อะไรบ้าง ได้รับคำตอบมาว่า พี่ไม่ต้องไปตรวจ ส่วนเจ้าหนุ่ม(ลูกชาย) ให้ไปตรวจ ภรรยายื่นโทรศัพท์ลงมาให้ ผมยกขึ้นถ่ายรูปตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้สามรูป ตำรวจวิ่งเข้ามาสองนาย บอกถ่ายทำไม ผมตอบว่าถ่ายตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ผมหน้าจะมีสิทธิ์เพราะเป็นถนนสาธารณะ เจ้าหน้าที่มีอารมณ์ และข่มขู่ให้ลบออก ผมเลยถามว่าห้ามถ่ายรูปใช่มั้ย ได้รับคำตอบว่าถ่ายได้แต่ต้องไปขออนุญาตผู้กอง เลยถามว่าผู้กองอยู่ไหน ผมจะไปขออนุญาต ตำรวจนายหนึ่งบุ้ยไปข้างหน้า ผมเดินไปคุยกับผู้กองดีๆ ว่าผมถูกคุกคาม และเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงตน(ไม่แสดงบัตร มีหน้ากากคลุมหน้า สถานที่สลัวๆ) ไม่ได้แจ้งสิทธิ์ และผมก็บอกแล้วว่าผมเป็นข้าราชการ(ยื่นบัตรให้) ผมหน้าจะมีสิทธิ์แสดงความบริสุทธิ์ ผู้กองยกมือไหว้ขอโทษผมว่าเจ้าหน้าที่อาจทำเกินกว่าเหตุ ถ้าอาจารย์บอกไปแต่แรกคงไม่วุ่นวายแบบนี้ ผมบอกว่าแจ้งแล้ว ผู้กองกล่าวขอโทษอีกทีว่าคงไม่ได้ยินเพราะเสียงรถบนถนนดัง ผมบอกไม่เป็นไรครับ แต่อยากให้ปฏิบัติตามขั้นตอน แสดงบัตร และแจ้งสิทธิ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าต้องการตรวจค้นอะไร มีหมายหรือเหตุสงสัยใด และควรจะมีแสงไฟให้สว่างกว่านี้ การไล่ผู้โดยสารลงจากแท็กซี่ แล้วยื่นถ้วยกระดาษให้ไปยืนปัสสาวะข้างถนน โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในถ้วยนั้นสะอาจปราศจากสารเสพติดอยู่แล้ว ผู้กองขอโทษผมอีกที ให้เบอร์โทรผม ผมโทรกลับทันที ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังในกระเป๋าผู้กอง กลับถึงบ้าน ผู้กองโทรกลับมาขอโทษอีกทีว่าอาจารย์อย่าลงรูปบนเฟซบุ๊กเลย ผมให้สัญญาว่าไม่ลงรูปครับ "
รูปที่แนบมา คือ พิกัด และ เวลา ของด่าน ที่ตั้งขึ้นครับ
เพื่อนผมนั่งแท๊กซี่ มากับครอบครัว โดนตำรวจ ตั้งด่าน ไล่ลงจากรถไปตรวจฉี่ แบบไม่มีเหตุอันควร
" ตอนหัวค่ำ ผมและครอบครัวนั่งรถแท็กซี่กลับจาก รพ.เพชรเกษม 2 ถูกตำรวจตั้งด่านตรวจบนถนนกาญจนาภิเษก แถวบางบอน บอกให้ผู้ชายลงจากแท็กซี่ ผมและลูกชายก็ลงไป ผมถามตำรวจว่ามีอะไรเหรอครับ และผมมีสิทธิ์อะไรมั้ย ผมเป็นข้าราชการ ตำรวจไม่ฟัง และให้ไปตรวจปัสสาวะ ผมบอกว่าเป็นข้าราชการ มีสิทธิ์อะไรบ้าง ได้รับคำตอบมาว่า พี่ไม่ต้องไปตรวจ ส่วนเจ้าหนุ่ม(ลูกชาย) ให้ไปตรวจ ภรรยายื่นโทรศัพท์ลงมาให้ ผมยกขึ้นถ่ายรูปตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้สามรูป ตำรวจวิ่งเข้ามาสองนาย บอกถ่ายทำไม ผมตอบว่าถ่ายตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ผมหน้าจะมีสิทธิ์เพราะเป็นถนนสาธารณะ เจ้าหน้าที่มีอารมณ์ และข่มขู่ให้ลบออก ผมเลยถามว่าห้ามถ่ายรูปใช่มั้ย ได้รับคำตอบว่าถ่ายได้แต่ต้องไปขออนุญาตผู้กอง เลยถามว่าผู้กองอยู่ไหน ผมจะไปขออนุญาต ตำรวจนายหนึ่งบุ้ยไปข้างหน้า ผมเดินไปคุยกับผู้กองดีๆ ว่าผมถูกคุกคาม และเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงตน(ไม่แสดงบัตร มีหน้ากากคลุมหน้า สถานที่สลัวๆ) ไม่ได้แจ้งสิทธิ์ และผมก็บอกแล้วว่าผมเป็นข้าราชการ(ยื่นบัตรให้) ผมหน้าจะมีสิทธิ์แสดงความบริสุทธิ์ ผู้กองยกมือไหว้ขอโทษผมว่าเจ้าหน้าที่อาจทำเกินกว่าเหตุ ถ้าอาจารย์บอกไปแต่แรกคงไม่วุ่นวายแบบนี้ ผมบอกว่าแจ้งแล้ว ผู้กองกล่าวขอโทษอีกทีว่าคงไม่ได้ยินเพราะเสียงรถบนถนนดัง ผมบอกไม่เป็นไรครับ แต่อยากให้ปฏิบัติตามขั้นตอน แสดงบัตร และแจ้งสิทธิ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าต้องการตรวจค้นอะไร มีหมายหรือเหตุสงสัยใด และควรจะมีแสงไฟให้สว่างกว่านี้ การไล่ผู้โดยสารลงจากแท็กซี่ แล้วยื่นถ้วยกระดาษให้ไปยืนปัสสาวะข้างถนน โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในถ้วยนั้นสะอาจปราศจากสารเสพติดอยู่แล้ว ผู้กองขอโทษผมอีกที ให้เบอร์โทรผม ผมโทรกลับทันที ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังในกระเป๋าผู้กอง กลับถึงบ้าน ผู้กองโทรกลับมาขอโทษอีกทีว่าอาจารย์อย่าลงรูปบนเฟซบุ๊กเลย ผมให้สัญญาว่าไม่ลงรูปครับ "
รูปที่แนบมา คือ พิกัด และ เวลา ของด่าน ที่ตั้งขึ้นครับ