ตอนเราอายุ 10 ขวบ เราเคยโดนงูกะปะกัดค่ะ จำได้ว่าประมาณหกโมงเย็นฝนเพิ่งหยุดตก เรากับน้องเดินออกไปซื้อของที่ร้านแถวบ้านซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเราถัดไปอีกซอย ข้างร้านนั้นจะเป็นที่ดินว่างๆก็จะมีหญ้าแล้วก็พวกวัชพืชขึ้นแต่ไม่สูงมากนะ
เราก็เดินผ่านที่ดินว่างๆนี่แหล่ะ แต่แค่ริมๆด้านนอก จังหวะหนึ่งรู้สึกเอ๊ะอะไรมาเกี่ยวด้านหลังเท้าขวาช่วงเอ็นร้อยหวาย เราตกใจก็เลยยกเท้าสะบัดขึ้นแล้วก็เห็นงูตัวเล็กๆดำๆน้ำตาลๆเลื้อยหนีไป เราก็บอกน้องว่างูกัด ตรงที่เราโดนงูกัดใกล้ร้านพอดี เราเลยบอกแม่ค้าว่า ป้าๆหนูโดนงูกัด แม่ค้าเค้าก็ทำหน้างงๆนะ แต่เค้าบอกว่างูกัดจริงหรือเปล่าถ้างูกัดจริงต้องล้มลงไปนอนแล้วสิ กิ่งไม้เกี่ยวหรือเปล่า ตอนนั้นเราก็งงเหมือนกันนะ ทำไมรู้สึกเฉยๆไม่เจ็บไม่ปวด ปกติมาก หรือเราจะคิดไปเอง เราเริ่มไม่แน่ใจ
แต่ด้วยความกลัวและยังมั่นใจว่ามันเป็นงูจริงๆไม่ใช่กิ่งไม้ เราเลยจูงมือน้องวิ่งกลับบ้านสัก 300 เมตรแรกผ่านจุดที่มีแสงไฟสว่างเลยแวะดูที่เอ็นร้อยหวายเท้าขวา ชัดเลยค่ะ สองรูเขี้ยวเลือดซึมๆ นาทีนั้นเข่าอ่อนแทบลงไปกองกับพื้น แต่เรายังปกติดีอยู่นะคะ คิดอย่างเดียวต้องรีบกลับบ้านไปบอกพ่อ จูงมือน้องวิ่งๆๆไปอีก 300 เมตรถึงบ้านปุ๊บบอกพ่อว่าโดนงูกัดแล้วชี้แผลให้พ่อดู แล้วก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก คือเหนื่อยวิ่งมา ตกใจด้วย ใจเต้นตุบๆๆๆ
พ่อรีบอุ้มขึ้นรถ เรานอนบนตักพี่สาว พี่สาวก็คอยเขย่าตัวเราไม่ให้เราหลับ ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกง่วงอะไรเลย ประมาณ 10 นาทีก็ถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ถามว่าจำรูปร่างลักษณะงูได้ไหม เราก็บอกตัวเล็กๆดำๆน้ำตาลๆเห็นไม่ชัดเพราะไฟไม่สว่างมาก แต่อาการเราก็ปกติ ยังพูดคุยมีสติรู้เรื่องทุกอย่าง สักพักนะคิดว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็มีคนเอาซากงูกะปะใส่ถุงวิ่งเข้ามาที่เตียงเรา บอกว่างูตัวนี้กัดเราเพราะเค้าตีได้จากใกล้ๆร้านนั้นแหล่ะ แล้วแม่ค้าที่ร้านบอกว่าเมื่อกี้มีเด็กมาบอกว่าโดนงูกัดพอดีแม่ค้ารู้จักบ้านเราแล้วลุงคนที่ตีงูคงตามไปที่บ้านเรา ก็เลยรู้ว่าเรามาโรงพยาบาลแล้วก็เลยตามเอาซากงูมาให้
แต่ที่เราโชคดีคือ งูกะปะตัวนั้นในปากมันคาบอึ่งอ่างอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราไม่เป็นอะไรเลย คุณหมอบอกว่าเป็นไปได้ว่างูกะปะตัวนี้กำลังคาบอึ่งอ่างและได้ฉีดพิษเข้าไปที่ตัวอึ่งอ่างนั่นแล้ว และบังเอิญเราเดินไปเหยียบงูเลยปล่อยอึ่งอ่างออกจากปากหันมางับเท้าเราแต่ไม่ได้ฉีดพิษหรือผลิตพิษไม่ทันเพราะหมดไปกับอึ่งอ่างตัวนั้นแล้วหรืออะไรสักอย่างนี่แหล่ะ
และเราก็ไม่ต้องรับเซรุ่ม ไม่มีทั้งยากิน ยาทา อ้อ แต่มีล้างแผลทายานะ คุณหมอให้เรานอนดูอาการอีกครู่หนึ่งก็ให้กลับบ้านได้ เป็นอันว่าการโดนงูกะปะกัดครั้งนั้นเราเลยรอดมาได้เพราะอึ่งอ่าง เคยได้ยินมาว่างูกะปะพิษแรงมากถึงตาย และเรากลัวงูมากๆๆๆ ยิ่งตอนนี้ได้ข่าวเกี่ยวกับงูบ่อย ออกไปหลังบ้านก็เปิดประตูดังๆ ทำเสียงดังๆ เคาะพื้นบ้าง เดินดังๆบ้าง เข้าห้องน้ำก็คอยมองตามมุมพื้น ในชักโครก โอยยยย หลอนสุดๆแล้วกับงู พูดเลย
แล้วคุณเคยโดนงูกัดบ้างหรือเปล่าคะ ถ้าเคยโดน คุณใช้วิธีปฐมพยาบาลแบบไหน หรือเคยเจองูจังๆที่ไหนกันบ้างคะ พื้นที่ตรงไหนทั้งในบ้านและนอกบ้านที่ควรระวังเป็นพิเศษ หรือน้องหมาแมวส่งสัญญาณเตือนแบบไหนกันบ้าง อย่างน้องหมาชิห์สุเราเคยเจอตะขาบในบ้าน 2 ครั้ง เค้าก็เห่าแล้วก็กระโดดตะกุยเล็บที่พื้นบอกเราใหญ่เลยค่ะคือฟังน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากรู้เลยว่าเจออะไรที่ผิดปกติแน่ๆ ที่คุณเคยเจอแบบไหนยังไง มาเล่าสู่กันฟังนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อกันค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก
http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=6991
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
++ มาเล่าประสบการ์ณโดนงูกัดหรือเจองูกันค่ะ และวิธีที่เด็กๆสี่ขาส่งสัญญาณบอกเมื่อเจอสัตว์มีพิษ ++
เราก็เดินผ่านที่ดินว่างๆนี่แหล่ะ แต่แค่ริมๆด้านนอก จังหวะหนึ่งรู้สึกเอ๊ะอะไรมาเกี่ยวด้านหลังเท้าขวาช่วงเอ็นร้อยหวาย เราตกใจก็เลยยกเท้าสะบัดขึ้นแล้วก็เห็นงูตัวเล็กๆดำๆน้ำตาลๆเลื้อยหนีไป เราก็บอกน้องว่างูกัด ตรงที่เราโดนงูกัดใกล้ร้านพอดี เราเลยบอกแม่ค้าว่า ป้าๆหนูโดนงูกัด แม่ค้าเค้าก็ทำหน้างงๆนะ แต่เค้าบอกว่างูกัดจริงหรือเปล่าถ้างูกัดจริงต้องล้มลงไปนอนแล้วสิ กิ่งไม้เกี่ยวหรือเปล่า ตอนนั้นเราก็งงเหมือนกันนะ ทำไมรู้สึกเฉยๆไม่เจ็บไม่ปวด ปกติมาก หรือเราจะคิดไปเอง เราเริ่มไม่แน่ใจ
แต่ด้วยความกลัวและยังมั่นใจว่ามันเป็นงูจริงๆไม่ใช่กิ่งไม้ เราเลยจูงมือน้องวิ่งกลับบ้านสัก 300 เมตรแรกผ่านจุดที่มีแสงไฟสว่างเลยแวะดูที่เอ็นร้อยหวายเท้าขวา ชัดเลยค่ะ สองรูเขี้ยวเลือดซึมๆ นาทีนั้นเข่าอ่อนแทบลงไปกองกับพื้น แต่เรายังปกติดีอยู่นะคะ คิดอย่างเดียวต้องรีบกลับบ้านไปบอกพ่อ จูงมือน้องวิ่งๆๆไปอีก 300 เมตรถึงบ้านปุ๊บบอกพ่อว่าโดนงูกัดแล้วชี้แผลให้พ่อดู แล้วก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก คือเหนื่อยวิ่งมา ตกใจด้วย ใจเต้นตุบๆๆๆ
พ่อรีบอุ้มขึ้นรถ เรานอนบนตักพี่สาว พี่สาวก็คอยเขย่าตัวเราไม่ให้เราหลับ ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกง่วงอะไรเลย ประมาณ 10 นาทีก็ถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ถามว่าจำรูปร่างลักษณะงูได้ไหม เราก็บอกตัวเล็กๆดำๆน้ำตาลๆเห็นไม่ชัดเพราะไฟไม่สว่างมาก แต่อาการเราก็ปกติ ยังพูดคุยมีสติรู้เรื่องทุกอย่าง สักพักนะคิดว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็มีคนเอาซากงูกะปะใส่ถุงวิ่งเข้ามาที่เตียงเรา บอกว่างูตัวนี้กัดเราเพราะเค้าตีได้จากใกล้ๆร้านนั้นแหล่ะ แล้วแม่ค้าที่ร้านบอกว่าเมื่อกี้มีเด็กมาบอกว่าโดนงูกัดพอดีแม่ค้ารู้จักบ้านเราแล้วลุงคนที่ตีงูคงตามไปที่บ้านเรา ก็เลยรู้ว่าเรามาโรงพยาบาลแล้วก็เลยตามเอาซากงูมาให้
แต่ที่เราโชคดีคือ งูกะปะตัวนั้นในปากมันคาบอึ่งอ่างอยู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราไม่เป็นอะไรเลย คุณหมอบอกว่าเป็นไปได้ว่างูกะปะตัวนี้กำลังคาบอึ่งอ่างและได้ฉีดพิษเข้าไปที่ตัวอึ่งอ่างนั่นแล้ว และบังเอิญเราเดินไปเหยียบงูเลยปล่อยอึ่งอ่างออกจากปากหันมางับเท้าเราแต่ไม่ได้ฉีดพิษหรือผลิตพิษไม่ทันเพราะหมดไปกับอึ่งอ่างตัวนั้นแล้วหรืออะไรสักอย่างนี่แหล่ะ
และเราก็ไม่ต้องรับเซรุ่ม ไม่มีทั้งยากิน ยาทา อ้อ แต่มีล้างแผลทายานะ คุณหมอให้เรานอนดูอาการอีกครู่หนึ่งก็ให้กลับบ้านได้ เป็นอันว่าการโดนงูกะปะกัดครั้งนั้นเราเลยรอดมาได้เพราะอึ่งอ่าง เคยได้ยินมาว่างูกะปะพิษแรงมากถึงตาย และเรากลัวงูมากๆๆๆ ยิ่งตอนนี้ได้ข่าวเกี่ยวกับงูบ่อย ออกไปหลังบ้านก็เปิดประตูดังๆ ทำเสียงดังๆ เคาะพื้นบ้าง เดินดังๆบ้าง เข้าห้องน้ำก็คอยมองตามมุมพื้น ในชักโครก โอยยยย หลอนสุดๆแล้วกับงู พูดเลย
แล้วคุณเคยโดนงูกัดบ้างหรือเปล่าคะ ถ้าเคยโดน คุณใช้วิธีปฐมพยาบาลแบบไหน หรือเคยเจองูจังๆที่ไหนกันบ้างคะ พื้นที่ตรงไหนทั้งในบ้านและนอกบ้านที่ควรระวังเป็นพิเศษ หรือน้องหมาแมวส่งสัญญาณเตือนแบบไหนกันบ้าง อย่างน้องหมาชิห์สุเราเคยเจอตะขาบในบ้าน 2 ครั้ง เค้าก็เห่าแล้วก็กระโดดตะกุยเล็บที่พื้นบอกเราใหญ่เลยค่ะคือฟังน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากรู้เลยว่าเจออะไรที่ผิดปกติแน่ๆ ที่คุณเคยเจอแบบไหนยังไง มาเล่าสู่กันฟังนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อกันค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=6991
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้