โสภณ สุภาพงษ์ คือผู้พลิกฟื้นบางจากจริงหรือ?

ช่วงนี้ชื่อของคุณโสภณ สุภาพงษ์ ผ่านเข้ามาให้ผมได้เห็นค่อนข้างบ่อยครับ นับตั้งแต่แกขึ้นเวที กปปส เพื่อพูดเรื่องพลังงาน ก็เลยทำให้ผมสนใจอยากหาประวัติแกมาอ่านสักหน่อย ง่ายที่สุดคือ search จากอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะครับ แต่ผมพบว่าประวัติของแกที่มีนั้นส่วนใหญ่เป็นประวัติที่ก็อปกันมา เรียกว่าเชิดชูความเป็นคนดีของแกเหมือนกันหมดเลย มีบ้างที่มีรายละเอียดปลีกย่อย และข้อเท็จจริงบางส่วนแตกต่างออกไป ผมอ่านเกือบทั้งหมดแล้ว เลยขอนำแง่มุมเกี่ยวกับคุณโสภณ สุภาพงษ์ตามมุมมองของผมมาสรุปให้อ่านกันตามนี้นะครับ

ประวัติโสภณ สุภาพงษ์ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมัน
ปี 2512    เข้าทำงานด้านน้ำมันครั้งแรกที่บริษัทเอสโซ่ แสตนดาร์ด ประเทศ ไทย จำกัด

ปี 2525    ทำงานที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) จนได้เป็นรองผู้ว่าการ ปตท.

ปี 2528    ได้เข้าทำงานที่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด โดยคำเชิญชวนของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายก รัฐมนตรีในสมัยนั้น ให้มาบริหารบางจากฯ ซึ่งกำลังประสบภาวะขาดทุนกว่า 4 พันล้านบาท
ใบแดงลองมาดูกันครับว่าทำไมก่อนหน้านี้โรงกลั่นบางจากถึงขาดทุนสะสมระดับ 4 พันล้านบาท ผมขอเล่าเรื่องโรงกลั่นบางจากให้ฟังอีกครั้งแล้วกัน เนื่องจากน้ำมันถือเป็นยุทธปัจจัยทางทหาร กองทัพไทยจึงสร้างโรงกลั่นขึ้นมาในประเทศ เป็นโรงกลั่นบางจาก น้ำมันที่เหลือใช้ในราชการก็นำมาขายแข่งกับเอกชน ใช้ชื่อน้ำมันสามทหาร แต่การดำเนินการไม่สามารถแข่งกับโรงกลั่นของเอกชนได้ โรงกลั่นขาดทุน จึงให้สัมปทานเอกชนไปดำเนินการ เปลื่ยนเป็น บริษัท ซัมมิท อินดัสเตรียล คอร์ปอเรชั่น (ปานามา) ต่อมามีการเดินขบวนประท้วงเรียกร้องให้นำโรงกลั่นของชาติกลับมา รัฐบาลจึงเลิกสัปทานกับเอกชน ให้กรมการพลังงานทหารเข้าไปดำเนินการแทน โรงกลั่นบางจากขาดทุนหนัก รัฐบาลพลเอกเปรม ตัดสินใจเปลื่ยนโครงสร้างโรงกลั่นบางจากจากหน่วยงานของรัฐเป็นรัฐวิสาหกิจ จะเห็นได้ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ก่อนหน้านี้โรงกลั่นบางจากขาดทุนสะสมคือระบบการบริหารงานแบบราชการนั่นเอง ทีนี้พอปรับโครงสร้างให้การบริหารงานมันดีขึ้น โดยการใช้หนี้กว่า 4 พันล้านบาทนั้นก็หาใช่มาจากการบริหารงานโดยคุณโสภณไม่แต่เป็นการกู้เงินมาใช้หนี้เดิม 145 ล้านเหรียญ โดยให้รัฐบาลค้ำประกันและใช้แทน หาเงินมาเป็นทุนเรือนหุ้นที่เรียกเพิ่มคือราว 1,253 ล้านบาท ตามส่วนที่ปตท.ถืออยู่ 75% พร้อมทั้งโอนคนของโรงกลั่นที่มีอยู่กว่า 500 คน มาอยู่กับปตท. และให้บางจากฯ เลือกสรรไปก่อนเท่าที่จำเป็น พร้อมทั้งกำหนดฤกษ์โอนงานในวันที่ 1 มกราคม 2528 จะเห็นว่าหลังจากนี้ก็ไม่ยากที่ผลประกอบการจะกลับมามีกำไรได้

ปี 2530    ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด ภายในห้าปีโสภณสามารถทำให้บางจากฟื้นตัวได้กำไรคืนมา 500-800 ล้านบาทต่อปี พร้อมกับการสร้างจุดยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนวิถีผลิตแบบชุมชน เศรษฐกิจพอเพียง และเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของกิจการ
ใบแดงตรงจุดนี้ล่ะครับที่เป็นประเด็นสำคัญที่คลาดเคลื่อนไปเพราะตามประวัติที่ผม search เจอนั้นพยายามจะบอกกันว่าคุณโสภณแกบริหารบางจากจนมีกำไร แต่ผมกลับพบว่าการนำงบไปทุ่มเทกับการสร้างภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมวิถีชุมชนอะไรของแกนั้นถือเป็นการดำเนินงานทางธุรกิจที่ผิดพลาดครับ คือแทนที่จะลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตของโรงกลั่นให้มีความสามารถทัดเทียมกับโรงกลั่นอื่นๆเขา กล่าวคือ ลงทุนเพื่อสร้างโรง cracker แต่กลับเอาเงินไปหว่านกับสหกรณ์และโครงการโปรโมทตัวเอง รวมถึงการพีอาร์ต่างๆ สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะโรงกลั่นอื่นมี cracker หมด บางจากไม่มี กลั่นออกมามีแต่น้ำมันเตาราคาถูกเต็มไปหมด ขณะที่คนอื่นกลั่นได้เบนซินดีเซล ไหนจะเจอพิษเศรษฐกิจเข้าไปอีก ยิ่งทำให้บางจากภายใต้การบริหารของแกในช่วงปลายทรุดหนักเข้าไปใหญ่

ปี 2537 จดทะเบียนกับ ตลท. เป็น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

ปี 2540    รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ส่งผลให้โรงกลั่นในประเทศไทยขาดทุนอัตราแลกเปลื่ยนอย่างหนัก ความต้องการน้ำมันในประเทศก็ลดลง โรงกลั่นทุกโรงในประเทศไทย ขาดทุน ซึ่งแน่นอนโรงกลั่นบางจากภายใต้การบริหารงานของคุณโสภณ สุภาพงษ์ก็เป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่อาการโคม่าจากพิษเศรษฐกิจดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ปี 2542    ในวันที่ 14 มิถุนายน นายโสภณ สุภาพงษ์ลาออกจากบางจากเพราะผลักดันนโยบายการขายหุ้นตามแนวความคิดของตนไม่สำเร็จ โดยพยายามผลักดันเสนอขายหุ้นบางจากให้กับประชาชนในสัดส่วน 32 % ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ผู้บริหารระดับสูงทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำมีความเห็นหุ้นบางจากควรขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ เพราะจะได้ประโยชน์เป็นเม็ดเงินจำนวนมากกว่าการขายให้กับคนไทย หลังจากผลักดันนโยบายนี้มาตลอดเวลาหนึ่งปีไม่สำเร็จ
ใบแดงตรงจุดนี้มันมีประเด็นซ่อนเร้นครับ คือ ให้ย้อนกลับไปดูที่ความผิดพลาดเรื่องการใช้งบประมาณไปในการทำการตลาดและสร้างภาพลักษณ์แทนที่จะลงทุนสร้างโรง cracker เพื่อให้สามารถแข่งขันกับโรงกลั่นอื่นๆได้ พอเขาจะกระจายหุ้นเพิ่มเพื่อหาเงินล้างหนี้ คุณโสภณก็ไปจับกลุ่มกับพวกชมรมคนรักบางจากต่อต้าน บอกจะให้บางจากเป็นของคนไทย คนไทยจะซื้อเอง พอไปไม่รอดสุดท้ายก็ต้องให้ ปตท เข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ ผมอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปนิดนึงก็ได้นะครับ คือผมกลับมองว่าการลาออกของคุณโสภณในปี 42 นั้นเรื่องข้ออ้างการกระจายหุ้นอะไรของแกนั่นเป็นแค่ข้ออ้างหล่อๆของแกเพื่อหาทางลงและกลบเกลื่อนการบริหารงานบางจากที่ผิดพลาดของแกก็เท่านั้นเอง

ปี 2551    วันที่ 27 พฤษภาคม นายโสภณ สุภาพงษ์ได้ไปให้สัมภาษณ์ใน “รายการตาสว่าง” ที่ดำเนินรายการโดยคุณดู๋ สัญญา คุณากร เพื่อให้ข้อมูลด้านพลังงานของไทยอันเป็นที่มาของ forward mail รายการ “สัญญา คุณากร” คุยเรื่องน้ำมันในประเทศไทย อันลือลั่น ซึ่งข้อมูลที่ขาดตกบกพร่อง หรือถูกบิดเบือนไปนั้นผมลอง search ดูก็เห็นว่ามีคนเขาอธิบายไว้ละเอียดแล้วในกระทู้นี้  ประเด็นถาม-ตอบ ในรายการ สัญญา คุณากร เกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน ประเด็นถาม-ตอบ ในรายการ สัญญา คุณากร เกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน

ปี 2557    ขึ้นปราศรัยบนเวที กปปส เรื่องพลังงานด้วยข้อมูลพื้นฐานที่ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณโสภณจะไม่รู้เรื่อง ผมเองก็แอบสงสัยนะครับว่าตกลงแล้ว การออกมาให้ข้อมูลด้านพลังงานของคุณโสภณในครั้งนี้ ลึกๆแล้วแกต้องการอะไรกันแน่

ขอบคุณที่มาของข้อมูล
ประวัติโสภณ สุภาพงษ์ http://www.oknation.net/blog/Freedomheart/2011/12/06/entry-1
โสภณ สุภาพงษ์ เหมาะมากกับบางจาก http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=8053
ควบบางจากเข้ากับ ปตท ข้ามศพโสภณไปก่อน http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=9046
ปตท. กับ โสภณ สุภาพงษ์ http://topicstock.ppantip.com/sinthorn/topicstock/2006/10/I4768226/I4768226.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่