คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ลองวินิจฉัยให้นะคะ ขอเข้าเฉพาะ ในส่วน ป.อาญา ที่จขกท เรียนอยู่นะคะ
วิธีเขียนวินิจฉัยให้ได้ A (เหมือนดิฉัน อิอิ)
จะเขียนให้เสมือนว่า เขียนให้คนไม่รู้กม. อ่านแล้วเข้าใจ
การเขียนวินิจฉัยส่วนป.ตรีกับเนติ ไม่เหมือนกัน ป.ตรี จะเวิ่นเว้อ มากกว่า
แต่ไม่ใช่เวิ่นเว้อออกทะเลนะ
เวิ่นเว้อในประเด็นที่โจทย์ถาม
ถ้าเขียนสั้นกระชับมากไป จะไม่ได้คะแนนดี
เพราะอย่างที่บอก ในส่วนป.ตรี ควรเขียนวินิจฉัย
เสมือนเขียนให้คนไม่รู้กม. อ่านแล้วเข้าใจ คะแนนจึงจะดี
เริ่มต้น เราเขียนแบบนี้ (ขอใช้คำย่อๆนะคะ เพราะต้องพิมเยอะ)
หลักกฎหมาย
ป.อ. มาตรา 59 วางหลักว่า ....... (ม.นี้เป็นหัวใจสำคัญ ถ้าเข้าควรใส่เสมอ เข้าวรรคไหน ใส่เฉพาะวรรคนั้น)
มาตรา 80 วางหลักว่า ......
มาตรา 138 วรรคสอง วางหลักว่า .........
มาตรา 190 วรรคแรก วางหลักว่า ........
มาตรา 289 วางหลักว่า .....
(2) .................
วินิจฉัย
กรณีตามปัญหา สามารถแยกพิจารณาความรับผิดได้ดังนี้
ความรับผิดของนายแดง
ตามปัญหา การที่นายแดงและนายดำ ขับรถจกย. ไม่ติดป้ายทะเบียน
และขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เป็นการทำผิดกฎจราจร ตามพรบ.จราจรทางบก
เมื่อ รตอ.เก่ง และ สตอ.ขาว ซึ่งได้ออกตรวจท้องที่ตามอำนาจหน้าที่
พบนายแดงและนายดำ ซึ่งความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำลง อันเป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งสามารถจับได้เลยโดยไม่ต้องมีหมายจับหรือคำสั่งศาล
การที่ รตอ.เก่งและ สตอ.ขาว ได้ส่งสัญญาณให้หยุด แต่นายแดงและนายดำไม่หยุด
และได้ขับรถจกย. หนีไป จึงเป็นการที่นายแดงและนายดำหลบหนีการจับกุม
การที่รตอ.เก่ง และสตอ.ขาว ได้ขับรถจกย.ไล่ตามจนจับกุมตัวนายแดงไว้ได้ แต่ยังไม่แจ้งข้อหา
กรณีนี้ถือว่า นายแดงได้ถูกคุมขังโดยพนงสืบสวนแล้ว
ซึ่ง 'คุมขัง' ตามป.อ ม.1(12) หมายความว่า คุมตัว ควบคุม ขัง กักขัง หรือจำคุก
เช่นนี้ เมื่อ รตอ.เก่งกำลังจะใส่กุญแจมือนายแดง เพื่อนำส่งสถานีตร. แต่นายแดงไม่ยอมให้ใส่ ดิ้นรนขัดขืน ขับรถจกย.หลบหนีไป
การกระทำของนายแดง จึงเป็นความผิดฐานหลบหนีไปในระหว่างที่ถูกคุมขัง (ม.190 ว.1)
แม้จะยังมิได้มีการใส่กุญแจมือ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระหว่าง "คุมตัว" แล้ว
ส่วนการที่ รตอ.เก่ง และสตอ.ขาว จับกุมตัวนายแดงไว้แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา
เช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะพนง.สืบสวน ไม่มีหน้าที่ในการแจ้งข้อหา
ซึ่งการแจ้งข้อหาเป็นหน้าที่ของพนง.สอบสวน
พนง.สืบสวนมีหน้าที่นำตัวผู้กระทำความผิดไปส่งให้พนงสอบสวน แจ้งข้อหาต่อไป
ความรับผิดของนายดำ
ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ การที่นายดำขับรถจกยของตนพุ่งชน สตอ.ขาว จึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางการจับกุม นายดำจึงมีความผิดฐาน ต่อสู้ขัดขวางจพนง.ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตาม ม.138 ว.2
ส่วนการที่นายดำขับรถจกย.พุ่งชนสตอ.ขาว จนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น การกระทำของนายดำ พฤติการณ์ย่อมเล็งเห็นได้ว่า การขับรถพุ่งชน สตอ.ขาวนั้น อาจทำให้ได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อ สตอ.ขาวไม่ถึงแก่ความตาย
นายดำจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนง.ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามม.289(2) ประกอบ ม.80
ประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อมาคือ รตอ.เก่ง จะยึดรถจกย.ของนายดำ เพื่อเป็นของกลางนำส่งพนง.สอบสวนดำเนินคดีได้หรือไม่
ซึ่งตามหลักทั่วไปสามารถทำได้.
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายดำได้ขับรถจกย.เสียหลัก จนถึงแก่ความตาย เช่นนี้ รตอ.เก่ง จึงไม่สามารถยึดรถของนายดำเพื่อดำเนินคดีได้ เพราะเมื่อผู้กระทำความผิดตาย คดีย่อมระงับสิ้นไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม กรณีนี้สามารถริบรถของนายดำซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ใข้ในการกระทำความผิด ให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินได้ ตามม.33(1)
สรุป
1. นายแดง ผิดฐาน หลบหนีไปในระหว่างที่ถูกคุมขัง ตามม.190 ว.1
2. นายดำ ผิดฐาน ต่อสู้ขัดขวางจพนง.ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามม.138 ว.2 และผิดฐาน พยายามฆ่าจพนง.ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามม.289(2) ประกอบม.80
3. รตอ.เก่ง ไม่สามารถยึดรถของนายดำเพื่อนำไปให้พนงสอบสวนดำเนินคดีได้ เพราะนายดำได้ถึงแก่ความตาย คดีจึงระงับ
(ปล. พยายามเขียนให้กระชับสุดๆ ได้แค่นี้
ปกติจะจัดเต็ม แบบแยกองค์ประกอบความผิดด้วย
เพราะอาจารย์แกชอบ แบบแนวอธิบายหลักกม. มาด้วย
ถ้ายังไงคำตอบออกมา รบกวนมาแจ้งด้วยนะคะ )
วิธีเขียนวินิจฉัยให้ได้ A (เหมือนดิฉัน อิอิ)
จะเขียนให้เสมือนว่า เขียนให้คนไม่รู้กม. อ่านแล้วเข้าใจ
การเขียนวินิจฉัยส่วนป.ตรีกับเนติ ไม่เหมือนกัน ป.ตรี จะเวิ่นเว้อ มากกว่า
แต่ไม่ใช่เวิ่นเว้อออกทะเลนะ
เวิ่นเว้อในประเด็นที่โจทย์ถาม
ถ้าเขียนสั้นกระชับมากไป จะไม่ได้คะแนนดี
เพราะอย่างที่บอก ในส่วนป.ตรี ควรเขียนวินิจฉัย
เสมือนเขียนให้คนไม่รู้กม. อ่านแล้วเข้าใจ คะแนนจึงจะดี
เริ่มต้น เราเขียนแบบนี้ (ขอใช้คำย่อๆนะคะ เพราะต้องพิมเยอะ)
หลักกฎหมาย
ป.อ. มาตรา 59 วางหลักว่า ....... (ม.นี้เป็นหัวใจสำคัญ ถ้าเข้าควรใส่เสมอ เข้าวรรคไหน ใส่เฉพาะวรรคนั้น)
มาตรา 80 วางหลักว่า ......
มาตรา 138 วรรคสอง วางหลักว่า .........
มาตรา 190 วรรคแรก วางหลักว่า ........
มาตรา 289 วางหลักว่า .....
(2) .................
วินิจฉัย
กรณีตามปัญหา สามารถแยกพิจารณาความรับผิดได้ดังนี้
ความรับผิดของนายแดง
ตามปัญหา การที่นายแดงและนายดำ ขับรถจกย. ไม่ติดป้ายทะเบียน
และขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เป็นการทำผิดกฎจราจร ตามพรบ.จราจรทางบก
เมื่อ รตอ.เก่ง และ สตอ.ขาว ซึ่งได้ออกตรวจท้องที่ตามอำนาจหน้าที่
พบนายแดงและนายดำ ซึ่งความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำลง อันเป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งสามารถจับได้เลยโดยไม่ต้องมีหมายจับหรือคำสั่งศาล
การที่ รตอ.เก่งและ สตอ.ขาว ได้ส่งสัญญาณให้หยุด แต่นายแดงและนายดำไม่หยุด
และได้ขับรถจกย. หนีไป จึงเป็นการที่นายแดงและนายดำหลบหนีการจับกุม
การที่รตอ.เก่ง และสตอ.ขาว ได้ขับรถจกย.ไล่ตามจนจับกุมตัวนายแดงไว้ได้ แต่ยังไม่แจ้งข้อหา
กรณีนี้ถือว่า นายแดงได้ถูกคุมขังโดยพนงสืบสวนแล้ว
ซึ่ง 'คุมขัง' ตามป.อ ม.1(12) หมายความว่า คุมตัว ควบคุม ขัง กักขัง หรือจำคุก
เช่นนี้ เมื่อ รตอ.เก่งกำลังจะใส่กุญแจมือนายแดง เพื่อนำส่งสถานีตร. แต่นายแดงไม่ยอมให้ใส่ ดิ้นรนขัดขืน ขับรถจกย.หลบหนีไป
การกระทำของนายแดง จึงเป็นความผิดฐานหลบหนีไปในระหว่างที่ถูกคุมขัง (ม.190 ว.1)
แม้จะยังมิได้มีการใส่กุญแจมือ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระหว่าง "คุมตัว" แล้ว
ส่วนการที่ รตอ.เก่ง และสตอ.ขาว จับกุมตัวนายแดงไว้แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา
เช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะพนง.สืบสวน ไม่มีหน้าที่ในการแจ้งข้อหา
ซึ่งการแจ้งข้อหาเป็นหน้าที่ของพนง.สอบสวน
พนง.สืบสวนมีหน้าที่นำตัวผู้กระทำความผิดไปส่งให้พนงสอบสวน แจ้งข้อหาต่อไป
ความรับผิดของนายดำ
ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ การที่นายดำขับรถจกยของตนพุ่งชน สตอ.ขาว จึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางการจับกุม นายดำจึงมีความผิดฐาน ต่อสู้ขัดขวางจพนง.ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตาม ม.138 ว.2
ส่วนการที่นายดำขับรถจกย.พุ่งชนสตอ.ขาว จนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น การกระทำของนายดำ พฤติการณ์ย่อมเล็งเห็นได้ว่า การขับรถพุ่งชน สตอ.ขาวนั้น อาจทำให้ได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อ สตอ.ขาวไม่ถึงแก่ความตาย
นายดำจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนง.ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามม.289(2) ประกอบ ม.80
ประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อมาคือ รตอ.เก่ง จะยึดรถจกย.ของนายดำ เพื่อเป็นของกลางนำส่งพนง.สอบสวนดำเนินคดีได้หรือไม่
ซึ่งตามหลักทั่วไปสามารถทำได้.
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายดำได้ขับรถจกย.เสียหลัก จนถึงแก่ความตาย เช่นนี้ รตอ.เก่ง จึงไม่สามารถยึดรถของนายดำเพื่อดำเนินคดีได้ เพราะเมื่อผู้กระทำความผิดตาย คดีย่อมระงับสิ้นไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม กรณีนี้สามารถริบรถของนายดำซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ใข้ในการกระทำความผิด ให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินได้ ตามม.33(1)
สรุป
1. นายแดง ผิดฐาน หลบหนีไปในระหว่างที่ถูกคุมขัง ตามม.190 ว.1
2. นายดำ ผิดฐาน ต่อสู้ขัดขวางจพนง.ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามม.138 ว.2 และผิดฐาน พยายามฆ่าจพนง.ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามม.289(2) ประกอบม.80
3. รตอ.เก่ง ไม่สามารถยึดรถของนายดำเพื่อนำไปให้พนงสอบสวนดำเนินคดีได้ เพราะนายดำได้ถึงแก่ความตาย คดีจึงระงับ
(ปล. พยายามเขียนให้กระชับสุดๆ ได้แค่นี้
ปกติจะจัดเต็ม แบบแยกองค์ประกอบความผิดด้วย
เพราะอาจารย์แกชอบ แบบแนวอธิบายหลักกม. มาด้วย
ถ้ายังไงคำตอบออกมา รบกวนมาแจ้งด้วยนะคะ )
แสดงความคิดเห็น
แบบฝึกหัด วิชา กฎหมายอาญา2 ภาคความผิด (คำถามแบบนี้จะตอบยังไงดีครับ) ผมเรียงลำดับการตอบไม่เป็น
ร้อยตำรวจเอกเก่ง และสิบตำรวจเอกขาว ขับรถจักรยานยนต์ออกตรวจท้องที่ตามอำนาจหน้าที่ พบนายแดงกับนายดำกำลังขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียนรถทั้งสองคัน อย่างคึกคะนอง ด้วยความเร็วสูงบนถนนหลวง จึงได้ให้สัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจจับ แต่นายแดงและนายดำไม่ยอมหยุดและได้ขับรถจักรยานยนต์หนีไป ร้อยตำรวจเอกเก่งและสิบตำรวจเอกขาว จึงขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามจนทันและจับกุมตัวนายแดงไว้ได้ แต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา ครั้นร้อยตำรวจเอกเก่ง กำลังจะใส่กุญแจมือนายแดงเพื่อนำส่งสถานีตำรวจ นายแดงไม่ยอมให้ใส่ ดิ้นรนขัดขืนหลบหนีไป โดยขับรถจักรยานยนต์ของตนไปด้วย ส่วนนายดำได้ใช้รถจักรยานยนต์ของตนขับพุ่งมาชนสิบตำรวจเอกขาวเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส รถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า นายดำถึงแก่ความตาย ร้อยตำรวจเอกเก่งจึงยึดรถจักรยานยนต์ของนายดำเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ให้วินิจฉัยว่า นายแดง นายดำ มีความผิดฐานใดหรือไม่? และรถจักรยานยนต์ของกลางจะริบได้หรือไม่?ครับ
ปล.ผมเรียน รปศ.ครับ จึงไม่มีพื้นฐานวิชากฎหมายเลย พี่ๆที่เรียนในด้านนี้ได้โปรดใจดี สอนให้ผมเข้าใจด้วยนะครับ ผมกราบบบ