คำว่า เก่ง ในที่นี้ มิใช่เก่งในการทำงานด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือการบริหารประเทศตอนเป็นรัฐบาล หรือในฐานะฝ่ายค้านแต่อย่างใด เพราะเห็นๆกันอยู่แล้วเมื่อคราวได้เป็นรัฐบาลเกือบ 3 ปี แต่หมายความว่าระหว่าง 2 คนนี้
“ใครโกหก หลอแหล หน้าด้านหน้าทน ไร้ยางอาย โกหกได้แบบไม่กระดากปาก ปลิ้นปล้อน กระล่อน หลอกลวง..เก่งกว่ากัน”
ผมนั่งเครียด เมื่อฟังไอ้มาร์คกะไอ้เมือกพูดทุกครั้ง ตัดสินใจไม่ถูกว่าไอ้ 2 ตัวนี่ ใครเก่งกว่ากันแน่ เพราะดูลำหักลำโค่นแล้ว ในสายตาผมมันกินกันไม่ลงจริงๆ..หายใจรดต้นคอ
ไอ้ครั้นจะชมว่าไอ้มาร์คเก่งกว่า ไอ้เมือกก็จะน้อยใจ เสียใจ จะกล่าวหาผมภายหลังได้ว่าผมอคติ ลำเอียง เพราะเห็นไอ้มาร์คหล่อกว่ารึไง ? เห็นไอ้มาร์คจบอ็อกฟอร์ดรึไง ? เห็นไอ้มาร์คพูดภาษาปะกิตเก่งรึไง ? เห็นไอ้มาร์คเป็นลูกผู้ดีมีสกุลรึไง ?..ทำนองนั้น
แต่ครั้นจะบอกว่าไอ้เมือกเก่งกว่า ไอ้มาร์คก็จะงอนตุ๊ปัดตุ๊ป่อง อาจไปนินทาว่าร้ายผมข้างหลังว่า อ๋อ เห็นไอ้เมือกหัวหงอกรึไง ? เห็นไอ้เมือกเช็ดเมียเพื่อนเก่งกว่ารึไง ? อ๋อ เห็นไอ้เมือกแก่กว่ากรรูรึไง ?..ประมาณนั้นอีก
สุรเมือก อดีตรองนายกฯ ดีกรีปริญญาโท(ที่ไหนวะ?)ก็จริง แต่ดีกรีการโกหกพกลม ปลิ้นปล้อน หน้าด้าน พูดดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ผมถือว่าผ่านปริญญาเอก เกียรตินิยมอันดับหนึ่งได้สบายๆ แบบไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรอีก..ประสบการณ์ล้วนๆ
สุรมาร์ค ดีกรีปริญญาตรีหรือโท(?) จากอ็อกฟอร์ด สามารถเรียนรู้ เลียนแบบ การโกหก พูดกลับไปกลับมาชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าจากรุ่นพี่ๆในพรรค เช่นนายชวน หลีกภัย เป็นต้น ได้อย่างรวดเร็ว สามารถลืมในสิ่งที่ตัวเองพูดได้ภายใน 3 นาที สามารถเถียงกับแม่ค้า พ่อค้าในตลาดสดได้อย่างกล้าหาญ คล่องแคล่ว สมกับเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าใจสถานการณ์..โกหกได้ว่องไว !
จากคุณสมบัติอันล้ำเลิศของไอ้ 2 ตัวนี้ ทำเอาผมอึดอัดอย่างที่สุด ในการตัดสินว่าใคร “เก่ง”กว่ากัน เพราะดูแล้วไม่ห่างกันเลย มีพรสวรรค์ด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเป็นนักวิ่ง 100 เมตร ก็คงต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่าย แต่ไอ้ 2 ตัวนี่ เป็นนักโกหก จะตัดสินกันด้วยอะไร ?..กลุ้มใจจริงจริ๊ง !!!
...สุรเมือก กับ สุรมาร์ค ใคร “เก่ง”กว่ากัน ???...
ผมนั่งเครียด เมื่อฟังไอ้มาร์คกะไอ้เมือกพูดทุกครั้ง ตัดสินใจไม่ถูกว่าไอ้ 2 ตัวนี่ ใครเก่งกว่ากันแน่ เพราะดูลำหักลำโค่นแล้ว ในสายตาผมมันกินกันไม่ลงจริงๆ..หายใจรดต้นคอ
ไอ้ครั้นจะชมว่าไอ้มาร์คเก่งกว่า ไอ้เมือกก็จะน้อยใจ เสียใจ จะกล่าวหาผมภายหลังได้ว่าผมอคติ ลำเอียง เพราะเห็นไอ้มาร์คหล่อกว่ารึไง ? เห็นไอ้มาร์คจบอ็อกฟอร์ดรึไง ? เห็นไอ้มาร์คพูดภาษาปะกิตเก่งรึไง ? เห็นไอ้มาร์คเป็นลูกผู้ดีมีสกุลรึไง ?..ทำนองนั้น
แต่ครั้นจะบอกว่าไอ้เมือกเก่งกว่า ไอ้มาร์คก็จะงอนตุ๊ปัดตุ๊ป่อง อาจไปนินทาว่าร้ายผมข้างหลังว่า อ๋อ เห็นไอ้เมือกหัวหงอกรึไง ? เห็นไอ้เมือกเช็ดเมียเพื่อนเก่งกว่ารึไง ? อ๋อ เห็นไอ้เมือกแก่กว่ากรรูรึไง ?..ประมาณนั้นอีก
สุรเมือก อดีตรองนายกฯ ดีกรีปริญญาโท(ที่ไหนวะ?)ก็จริง แต่ดีกรีการโกหกพกลม ปลิ้นปล้อน หน้าด้าน พูดดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ผมถือว่าผ่านปริญญาเอก เกียรตินิยมอันดับหนึ่งได้สบายๆ แบบไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรอีก..ประสบการณ์ล้วนๆ
สุรมาร์ค ดีกรีปริญญาตรีหรือโท(?) จากอ็อกฟอร์ด สามารถเรียนรู้ เลียนแบบ การโกหก พูดกลับไปกลับมาชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าจากรุ่นพี่ๆในพรรค เช่นนายชวน หลีกภัย เป็นต้น ได้อย่างรวดเร็ว สามารถลืมในสิ่งที่ตัวเองพูดได้ภายใน 3 นาที สามารถเถียงกับแม่ค้า พ่อค้าในตลาดสดได้อย่างกล้าหาญ คล่องแคล่ว สมกับเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าใจสถานการณ์..โกหกได้ว่องไว !
จากคุณสมบัติอันล้ำเลิศของไอ้ 2 ตัวนี้ ทำเอาผมอึดอัดอย่างที่สุด ในการตัดสินว่าใคร “เก่ง”กว่ากัน เพราะดูแล้วไม่ห่างกันเลย มีพรสวรรค์ด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเป็นนักวิ่ง 100 เมตร ก็คงต้องตัดสินกันด้วยภาพถ่าย แต่ไอ้ 2 ตัวนี่ เป็นนักโกหก จะตัดสินกันด้วยอะไร ?..กลุ้มใจจริงจริ๊ง !!!