เมื่อเย็น เราไปตลาดสด หลังจากซื้อของเรียบร้อยกำลังจะขึ้นรถ จังหวะนั้น เด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นหลานของเจ้าของแผงผักนั้น อายุก็น่าจะประมาณ 10 ขวบได้ น้องคนนั้นเข็นลังพลาสติกสองอันซ้อนกันมาวางไว้หน้าร้านซึ่งบนลังก็มีถาดผักวางอยู่ หลังจากเข็นมาไว้ตรงนั้นแล้ว
น้องคนนั้นก็หันไปพูดกับเจ้าของแผงผักว่า "แบบนี้คนอื่นก็เดินผ่านไม่ได้"
เจ้าของแผงผักพูดกลับมาว่า "เรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของเรา"
ได้ยินแบบนั้น เราก็รู้สึกว่า ถ้าเด็กคนนี้ได้อยู่กับคนแบบเจ้าของแผงผักต่อไป โตขึ้นเค้าจะเป็นคนยังไง
เห็นแก่ตัว?
ก็ได้แค่คิดค่ะ
ที่จริงบริเวณนั้นเป็นถนนที่ติดกับทางเท้า
แต่พอเย็นมา ก็จะมีแม่ค้ามาตั้งแผงขายของ ซึ่งสถานที่ที่เป็นตลาดจริงๆ ก็มี
แต่พื้นที่ไม่เพียงพอให้แม่ค้าได้ขายของกัน
ก็เลยต้องอาศัยตามผิวถนน และน่าจะมีการจ่ายเงินให้กับเทศบาล
ทำให้เกิดเหตุการณ์อีกเรื่องหนึ่งที่เจอมา หลังจากหันกลับจากแผงผักร้านนั้น
คือ มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางทางจราจร ก็เลยโดนคุณตำรวจมายืนเขียนใบสั่งให้ แต่รถคันนั้นไม่ได้ดับเครื่อง เพราะมีคนแก่อยู่ในรถ
เราเห็นคุณลุงคนนั้นพยายามจะเปิดกระจกมาบอกเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะบอกว่า ลงไปซื้อของแป๊ปเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ผิดกฎจราจรอยู่ดี
พอเห็นแบบนั้น ก็เลยคิดว่า ที่จอดรถสำหรับคนมาตลาดซื้อของน้อยลง เป็นเพราะถูกแม่ค้ามาจับจองผิวถนนในการขายของ
ก็ไม่รู้ว่าเงินที่เทศบาลเก็บจากแม่ค้าที่มาขายของตามผิวถนนแบบนี้ จะไปอยู่ที่ไหน และเอาไปทำประโยชน์อะไรให้ประชาชนบ้าง
หวังว่าถ้าเก็บได้เยอะพอ คงจะมีขยับขยายหาที่ทางสำหรับตลาดสด(บนถนน)นี้ให้มีสถานที่ที่สะดวกสำหรับทั้งแม่ค้าและคนซื้อ
ได้ยินประโยคหนึ่งที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งสอนเด็ก ตอนนั้นคิดเลยว่า โตขึ้นเด็กคนนี้จะมีนิสัยยังไง?
น้องคนนั้นก็หันไปพูดกับเจ้าของแผงผักว่า "แบบนี้คนอื่นก็เดินผ่านไม่ได้"
เจ้าของแผงผักพูดกลับมาว่า "เรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของเรา"
ได้ยินแบบนั้น เราก็รู้สึกว่า ถ้าเด็กคนนี้ได้อยู่กับคนแบบเจ้าของแผงผักต่อไป โตขึ้นเค้าจะเป็นคนยังไง
เห็นแก่ตัว?
ก็ได้แค่คิดค่ะ
ที่จริงบริเวณนั้นเป็นถนนที่ติดกับทางเท้า
แต่พอเย็นมา ก็จะมีแม่ค้ามาตั้งแผงขายของ ซึ่งสถานที่ที่เป็นตลาดจริงๆ ก็มี
แต่พื้นที่ไม่เพียงพอให้แม่ค้าได้ขายของกัน
ก็เลยต้องอาศัยตามผิวถนน และน่าจะมีการจ่ายเงินให้กับเทศบาล
ทำให้เกิดเหตุการณ์อีกเรื่องหนึ่งที่เจอมา หลังจากหันกลับจากแผงผักร้านนั้น
คือ มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางทางจราจร ก็เลยโดนคุณตำรวจมายืนเขียนใบสั่งให้ แต่รถคันนั้นไม่ได้ดับเครื่อง เพราะมีคนแก่อยู่ในรถ
เราเห็นคุณลุงคนนั้นพยายามจะเปิดกระจกมาบอกเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะบอกว่า ลงไปซื้อของแป๊ปเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ผิดกฎจราจรอยู่ดี
พอเห็นแบบนั้น ก็เลยคิดว่า ที่จอดรถสำหรับคนมาตลาดซื้อของน้อยลง เป็นเพราะถูกแม่ค้ามาจับจองผิวถนนในการขายของ
ก็ไม่รู้ว่าเงินที่เทศบาลเก็บจากแม่ค้าที่มาขายของตามผิวถนนแบบนี้ จะไปอยู่ที่ไหน และเอาไปทำประโยชน์อะไรให้ประชาชนบ้าง
หวังว่าถ้าเก็บได้เยอะพอ คงจะมีขยับขยายหาที่ทางสำหรับตลาดสด(บนถนน)นี้ให้มีสถานที่ที่สะดวกสำหรับทั้งแม่ค้าและคนซื้อ