'หอบหืด' อันตรายจริงหรือ? ถอดบทเรียน 'ณเดชน์' ไม่ต้องเป็นทหาร ถึง 'เบคแคม' ยอดนักกีฬาโลก


กลายเป็นประเด็นฮอตในสังคมที่ผ่านมา จากกรณี พระเอกหนุ่มหล่อ-ล่ำชื่อดัง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" อดกลายเป็น โกโบริ ในชีวิตจริง เมื่อได้รับการยกเว้นเกณฑ์ทหารในปีนี้ เพราะตรวจร่างกายไม่ผ่าน เนื่องจากเป็นโรคหืด จนนำมาสู่ข้อสงสัย และเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่า เหตุใด "โรคหืด" หรือที่เรารู้จักกันดีว่า "หอบหืด" นั้น จึงร้ายแรงถึงขนาดเป็นอันตรายต่อการฝึกทหารเชียวหรือ...?

หากจะเปรียบเทียบกับบุคคลในแวดวงกีฬา ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ยืนยันว่า ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน มีนักกีฬาระดับทีมชาติหลายคน มีอาการโรคหืดติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ก็ยังสามารถฝึกซ้อมอย่างหนัก จนกลายเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จระดับโลกได้

หนึ่งในนั้นคือ "เทพบุตรแข้งทอง" เดวิด เบคแคม อดีตซุปเปอร์สตาร์นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเก็บงำความลับเรื่องนี้มานานภายใต้ร่างกายอันกำยำแข็งแรง ก่อนความแตก ขณะค้าแข้งอยู่กับทีม ลอสแอนเจลิส กาแล็กซี่ ในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง สามารถจับภาพเขาขณะกำลังฉีดยาพ่นอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรอง

เบคแคม ถูกจับภาพขณะพ่นยาระหว่างค้าแข้งกับทีมแอลเอ กาแล็กซี่



จากนั้น อดีตมิดฟิลด์เท้าชั่งทองของแมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, แอลเอ กาแล็กซี่ และปารีส แซงต์ แชร์กแมง จึงได้ออกมายอมรับกับสาธารณชนเป็นครั้งแรกว่า เขาป่วยเป็นโรคหืดเรื้อรังตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการเล่นฟุตบอลอาชีพตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งพิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นมาแล้วว่า ไม่ได้แตกต่างจากนักกีฬาปกติทั่วไปเลย

"ผมมีอาการของโรคหอบหืด ซึ่งผมเป็นมาหลายปีแล้ว ผมไม่เคยบอกใครจนกระทั่งตอนนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องบอก แต่มันก็ไม่เคยเป็นปัญหาใดๆ กับอาชีพนักบอลของผมเลย ผมสามารถลงเล่น 65 เกม ในหนึ่งฤดูกาลมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ดังนั้น มันจะไม่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของผมหรอก" เบคแคม กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อ เมื่อปี 2009 ระหว่างค้าแข้งในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ

นอกจากนี้ ก็ยังมีนักกีฬาต่างประเทศชื่อดังอีกหลายคนที่เปิดเผยว่าตัวเองเป็น โรคหืด เช่นกัน อย่าง "เดนนิส ร็อดแมน" นักบาสเกตบอลชายชื่อดังชาวอเมริกันของทีมชิคาโก บูลส์, "พอลลา เรดคลิฟฟ์" แชมป์โลกวิ่งมาราธอนหญิงชาวสหราชอาณาจักร, "ปีเตอร์ ฟาน เดอร์คาย" นักว่ายน้ำชาย เหรียญทองโอลิมปิกชาวอเมริกัน และ "จัสติน เอแน็ง" นักเทนนิสหญิงแชมป์แกรนด์ สแลม ชาวเบลเยียม เป็นต้น

ในส่วนของนักกีฬาไทย ตัวอย่างที่เด่นชัด คงจะหนีไม่พ้น "เจ้าปิ๊ก" ดนัย อุดมโชค นักเทนนิสชื่อดังของเมืองไทย เจ้าของเหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 2006 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เป็นอีกหนึ่งคน ที่ถูกโรคประจำตัวดังกล่าวเล่นงานรุนแรงถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ สมัยยังเด็ก แต่หลังจากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้เล่นกีฬา "เจ้าปิ๊ก" ก็กลับมาแข็งแรง จนแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์เป็นปกติแล้ว เช่นเดียวกับ ชนาธิป ซ้อนขำ นักเทควันโดหญิง ฮีโร่เหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ 2012 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และณัฐพงษ์ เกษอินทร์ นักว่ายน้ำดาวรุ่งชาย แชมป์ซีเกมส์

ดนัย เป็นโรคหอบหืดตั้งแต่ยังเด็ก

ทางด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถ นานา อธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตแพทย์ประจำทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้กับ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ว่า บุคคลที่เป็น "โรคหืด" สามารถออกกำลังกาย และได้รับการฝึกหนักได้ อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุด คือ จะต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมด้วย

"ถ้าคนที่เป็นหอบหืดเล่นกีฬา ถือว่าค่อนข้างอันตรายกว่าคนปกติ เพราะการออกกำลังกายจะไปกระตุ้นหลอดเลือดตีบมากขึ้น ทำให้หายใจลำบาก ซึ่งในเมืองไทย นักกีฬาที่เป็นโรคหืด ยังค่อนข้างน้อย เพราะในอดีตพ่อแม่มักจะห้ามลูกเล่นกีฬา แต่จริงๆ แล้ว ถ้าได้รับการรักษาอย่างดี ต่อเนื่อง สม่ำเสมอจากผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถเล่นกีฬาเหมือนคนธรรมดาได้ และความสามารถก็ไม่ได้แตกต่างกัน"

"โรคนี้สามารถเป็นได้ตั้งแต่เด็กๆ หรือมาแสดงอาการตอนเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในอดีตคนที่มีอาการโรคหืด เวลาหอบจะดูน่ากลัวมาก แต่ปัจจุบัน การแพทย์ก้าวหน้า ทำให้ตอนนี้โรคหืดเป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ ฉะนั้น ในขณะที่ นักกีฬาระดับโลกเป็นหอบหืด แต่ก็ยังสามารถฝึกหนัก เล่นกีฬาติดต่อกันหลายชั่วโมงได้ การเป็นทหาร ก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรค จากโรคหืด แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขว่า คนที่เป็นต้องดูแลตัวเองดีอยู่แล้วด้วย" ศ.นพ.อรรถ ทิ้งท้าย
- ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ -
Twitter : Thairath_sport
http://www.thairath.co.th/content/417696
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่