เมื่อราวต้นเดือนที่ผ่านมา ทาง Samsung ได้ส่ง SmartWatch เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งออกมาสืบทอดความ
ล้มเหลวสำเร็จจากนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรก "Samsung Galaxy Gear" (ซึ่งตอนนี้หั่นราคาอยู่ 4,900 บาท) หลังจากค้นพบแล้วว่าการออก SmartWatch ที่ไม่กันน้ำ แถมมีอายุการใช้งานสุดแสนจะสั้นไม่ต่างกับ SmartPhone ในราคา 8,900 บาทนั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ...ผ่านมาได้ราวๆ 7 เดือน ทาง Samsung ก็แก้มือโดยการส่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ประกอบด้วย Gear 2, Gear 2 Neo และ Gear Fit
รุ่นใหม่นั้นสังเกตได้ว่า ไม่มีคำว่า "Galaxy" อยู่ในชื่อรุ่นแล้ว เนื่องจากไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ใน SmartWatch ดังกล่าว แต่จะใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ของทาง Samsung ที่ชื่อ TIZEN ในรุ่น Gear 2 และ Gear 2 Neo ส่วน Gear Fit นั้นจะเป็นประบบปฏิบัติการเฉพาะตัวที่ลงอะไรเพิ่มไม่ได้ โดย Gear 2 และ Gear 2 Neo จะออกแนวเป็น SmartWatch ส่วน Gear Fit จะออกแนวเป็น Sport Wear หรือ Fitness Band ครับ
รุ่นที่ผมซื้อมาวันนี้จะเป็น Gear 2 Neo ที่มีจุดแตกต่างจาก Gear 2 อยู่ 2 ส่วน นั่นคือ...
1- Gear 2 Neo ไม่มีกล้อง ส่วน Gear 2 จะมีกล้องความละเอียด 2 ล้านพิคเซลอยู่บนตัวเรือน
2- ส่วนตัวเรือนของ Gear 2 Neo เป็นพลาสติก ในขณะที่ Gear 2 เป็นโลหะ
เท่านี้แหละครับ กับราคาที่ 5,900 บาท สำหรับ Gear 2 Neo และ 8,900 บาท สำหรับ Gear 2 โดยส่วนตัวคิดว่าส่วนต่าง 3,000 บาทนั้นไม่ค่อยคุ้มที่จะเพิ่มเงินเท่าไรครับ (นานาจิตตังเนาะ)
1- รูปร่าง ขนาด และน้ำหนัก
Gear 2 Neo จะมีขนาดหน้าปัดอยู่ที่ราวๆ 4cm x 4cm ครับ ถ้าเป็นข้อมือเล็กอย่างผมใส่แล้วอาจจะรู้สึกใหญ่ไปนิดนึง รูปทรงกระชับติดกับมือดีครับ สายที่ให้มาก็มีความยาวปรับได้เยอะมากอยู่ น้ำหนักแค่ 54 กรัม อันนี้ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับคนที่ปกติไม่ใส่นาฬิกาอย่างผม บนหน้าปัดมีปุ่มเดียวคือปุ่ม Home ครับ ดูเรียบหรูใช่เล่นเลยแหละ
2- การใช้งานและ Applications
Gear 2 และ Gear 2 Neo ใช้ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ชื่อ Tizen ครับ โดย Applications ที่ลงใช้งานจะหาได้จาก Samsung Store ใน Application Gear Manager บนระบบ Android อีกทีหนึ่ง (ซึ่งเป็นคนละตัวกับ Samsung Store ใน Play Store นะ) โดยขึ้นชื่อว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ Application ที่มีตอนนี้ก็เลยน้อยมากๆครับ (ราว 10 กว่าๆ)
แต่ Applications เท่าที่มีในเครื่องก็ถือว่าพอเพียงกับการใช้งานแล้วนะ... การใช้งานทั่วไปให้กดปุ่ม Home 1 ครั้งจะเปิดหน้าจอครับ (หรือสะบัดข้อมือก็ได้ หน้าจอจะติดเอง) ปัดเลื่อนซ้าย-ขวา จะสลับหน้าจอ Home ได้ และปัดเลื่อนบนไปล่างจะเป็นการ Back ไปให้ 1 Step ครับ เช่นบาง Application กดเข้าไปแล้วจะมีหน้าให้ตั้งค่า เข้าดูอะไรได้อีกมากมาย การกดกลับไปหน้าจอก่อนหน้าก็คือปัดเลื่อนจากบนลงล่างนั้นเอง
3- เบาๆกับ Heart Rate Sensor และ Heathcare Applications
ถึงจะไม่ได้วางตัวเป็น Fitness Band แต่ Gear 2 Neo ก็ยังใส่ Heart Rate Sensor มาให้ด้วยนะครับ รวมถึง Application ด้านสุขภาพอย่างพวก Pedometer ที่ใช้นับก้าวเดิน โดยสามารถคำนวนเป็นระยะทางและ Kcal ที่เผาผลาญไปได้ ...รวมถึงยังมี Applications ที่ช่วยในการจับเวลาและระยะทางในการออกกำลังกาย โดยอิงกับตำแหน่ง GPS บน SmartPhone เราด้วยครับ
ส่วนตรงนี้ผมไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายมากนัก เลยไม่ได้ลองอะไรเท่าไร
-EDIT-
พอดีทาง คห. ที่ 17 แนะนำเรื่องการลอง Pedometer เมื่อสวมแล้วใช้กดเครื่องคิดเลข ผมเลยลองทำคลิปนี้มาประกอบการตัดสินใจนะครับ คือก็ไม่รู้ว่าพิมพ์กันหนักหน่วงขนาดไหน แต่สรุปว่านับด้วยครับ ...อย่างไรก็ตาม สามารถกดเข้าไป Pause ตัว Pedometer แล้วมา Resume เอาได้ภายหลังนะครับ
4- Find My Phone ...ช้างโทรศัพท์กรูอยู่ไหน!
มี Application ทั้งในตัว Gear Manager บน Android และ Gear 2 Neo ที่ใช้ตามหากันและกันได้อยู่ครับ นั่นคือ Find My Gear และ Find My Phone ...โดยเมื่อกดแล้วจะมีเสียงดังออกจากอุปกรณ์ที่เราค้นหา ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยที่ลืมทดสอบว่าหากออกไปนอกระยะสื่อสารของ Bluetooth แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น จะมีเสียงเตือนหรืออะไรรึเปล่า ไว้มีโอกาสจะทดสอบให้อีกทีนึงนะครับ
5- Music Player พร้อม Flash Storage ในตัวขนาด 4 GB
สิ่งที่ Gear Fit ไม่มี (ทั้งๆที่ออกแนว Fitness Band) แต่ดันมีใน Gear 2 และ Gear 2 Neo คือ Internal Storage ขนาด 4 GB ครับ... เหลือใช้ได้จริงราว 2.80 GB ซึ่งเอาไว้เก็บเพลงเพื่อเล่นแบบไม่ต้องง้อโทรศัพท์ได้! เท่าที่ผมลอง คุณภาพเสียงของลำโพงในตัวก็พอฟังได้อยู่ครับ อารมณ์เหมือนวิทยุเครื่องละ 99 บาท แถมเสียงยังดังใช้ได้เลยด้วย (บางคนหูดีๆอาจจะเห็นต่างจากผมนะ แต่สำหรับผมได้เท่านี้ก็ดีละ) แต่ถ้าจะให้ดี... ฟังผ่านหูฟัง Bluetooth ดีกว่าครับ แต่พอดีผมไม่มีให้ลองซะด้วยสิ
6- Notification ครบครัน อ่านภาษาไทยได้สมบูรณ์
การแจ้งเตือนต่างๆนั้น เราสามารถตั้งได้ว่าจะให้อะไรมาแสดงผลบน Gear 2 Neo บ้าง โดยตั้งค่าผ่าน Gear Manager บน Android ครับ ...โดยหน้าจอจะแสดงผลตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว ไม่มีภาพขึ้นครับ
7- โทรเข้า-โทรออก ได้จากตัว Gear 2 Neo โดยตรง
เนื่องจาก Gear 2 Neo มีลำโพงและไมค์ในตัว รวมถึงมี Application Dialer และ Contact จึงทำให้ SmartWatch เรือนนี้สามารถสั่งหมุน และรับโทรศัพท์ได้ด้วยตัวของมันเองครับ! เสียงจะดังออกทางลำโพงของตัวเครื่องโดยตรง มีความชัดเจนในระดับที่ได้ยินชัด และไมค์ในตัวเครื่องก็ใช้งานได้ดีครับ ...แต่อย่างไรก็ตาม คงจะไม่ดีหากรอบข้างได้ยินเสียงคู่สนทนานะครับ ตรงนี้หากจับคู่กับหูฟัง Bluetooth ซักตัวล่ะก็เข้าท่าเลย (พอดีผมไม่มีให้ลองน่ะ)
8- ปรับแต่ง Gear 2 Neo ได้จากตัวเครื่องโดยตรง ...หรือแนะนำ Gear Manager เพื่อชีวิตที่ง่ายกว่า
ถึงในตัวเครื่อง Gear 2 Neo มี Application Setting เพื่อตั้งค่าต่างๆในตัวเครื่องได้ก็จริง แต่สำหรับด้านภาพพื้นหลังและรูปแบบนาฬิกาแล้ว การเข้าไปเลือกใน Gear Manager ผ่าน Android SmartPhone จะดูง่ายกว่าครับ สามารถเลือกจากรูปที่มีเตรียมไว้อยู่แล้ว หรือจะหารูปของเราเองก็ได้ ...นาฬิกาก็มีให้เลือกหลายแบบ พร้อมมีให้ Download เพิ่มด้วยครับ (ตอนนี้ใน Store มีให้ Download เพิ่ม 2 แบบ)
9- การชาร์จไฟ
Gear 2 Neo มาพร้อมแท่นชาร์จที่จะต้องประกบเข้าใต้ตัวเรือนเพื่อทำการเชื่อมต่อกับสาย Micro USB อีกทีหนึ่ง โดยสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อการโอนไฟล์ หรือชาร์จแบตเตอร์รี่ก็ได้ครับ ...ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสาเหตที่ไม่มีพอร์ทมาให้ในตัวเรือนโดยตรงเพราะคุณสมบัติการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP67 ครับ (6=กันฝุ่นระดับสูงสุด 7=กันน้ำระดับ 1 เมตรได้ในการทดสอบ 30 นาที อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://en.wikipedia.org/wiki/IP_Code)
10- Sleep Tracking ที่เห็นนอน 10 ชั่วโมงอาจจะไม่ได้พักผ่อน 10 ชั่วโมงเสมอไป
Application นี้ไม่ได้โผล่มาตั้งแต่แรกนะครับ พอดีผมลองไปกด Update ดู แล้วก็มี Firmware ใหม่มาให้อัพซะงั้น เป็นเรื่องของ Visualization (ที่ผมไม่รุ้ว่ามันปรับตรงไหนบ้าง) แล้วก็เพิ่ม Application "Sleep" ขึ้นมาครับ
ตามข้อมูลที่ผมทราบ คือวงจรการหลับของคนเราแบ่งเป็นหลับธรรมดา และหลับลึกครับ คาดว่า Gear 2 Neo นี้จะใช้ Gyroscope และ Accelerometer ในการตรวจจับลักษณะการนอนของเราว่าดิ้นมั้ย (เพราะการหลับลึกจะไม่ดิ้น) และคำนวนออกมาว่าตลอดการหลับเนี่ย คุณหลับอย่างมีคุณภาพมากแค่ไหน
อันนี้ผมก็ไม่รู้ดีหรือไม่ดีนะ แต่เกิดมาพึ่งเคยใส่นาฬิกานอนเนี่ยแหละ 5555
เหมือนได้ยินแว่วๆว่าใครบอกผมนอนกินบ้านกินเมือง...
11- ประสิทธิภาพหน้าจอ กับการสู้แดด
ตัว Gear 2 Neo จะปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
ไม่ได้ครับ (ไม่มี Ambien Light Sensor) เราต้องไปตั้งค่าใน Application Setting หรือ Control (ตัวไหนก็ได้) ในตัวเครื่อง โดยสามารถปรับระดับความสว่างได้ 6 ระดับ
อย่างเมื่อวานผมใส่เข้าไปดูหนัง พบว่าที่ปกติผมตั้งไว้คือระดับ 4 นั้นแสงค่อนข้างแยงตา มาลดเหลือระดับ 1 ก็ยังพบว่ามองเห็นชัดมากอยู่เลยครับ
และเมื่อกี๊ลองเอาออกไปใช้งานกลางแดดดูแล้ว ความสว่างระดับ 4 ก็ยัง "พอมองเห็น" ครับ ไม่ต้องเพ่งอะไรมาก เพียงแต่หน้าจอจะแสดงผลสีต่างๆไม่รู้เรื่องเท่าไร
และเมื่อปรับความสว่างไปสุดที่ระดับ 6 เครื่องจะแจ้งว่าเป็น Outdoor Mode ซึ่งใช้งานกลางแจ้งได้ดีเลยครับ โดยหลังการปรับความสว่างจะมีข้อความขึ้นเตือนว่า "Outdoor Mode นี้จะคงอยู่เพียง 5 นาทีเท่านั้น และจะกลับไปที่ความสว่างระดับ 4 โดยอัตโนมัติเมื่อเวลาผ่านไปครบกำหนด" ...คงจะเป็นเรื่องของการจัดการพลังงานมั้งครับ
จากนี้ขอยกไปที่ความคิดเห็นที่ 23 นะครับ พิมพ์เพิ่มไม่ได้แล้ว... เปิดวาร์ป!
http://ppantip.com/topic/31941069/comment23
12-แบตเตอรี่
13-ข้อสังเกตุจากการใช้งานมาสองวัน
ก็ถือเป็นการ Review เล็กๆ เบาๆ จากผมก็แล้วกันนะครับ ปกติผมไม่ค่อยจะ Review อะไรเท่าไร หากขาดข้อมูลอะไรไป หรืออยากรู้อะไรเพิ่มก็ลองถามมาได้นะครับ
[CR] Review เบาๆกับ Samsung Gear 2 Neo เป็นมากกว่านาฬิกาในราคา 5,900 บาท
ล้มเหลวสำเร็จจากนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรก "Samsung Galaxy Gear" (ซึ่งตอนนี้หั่นราคาอยู่ 4,900 บาท) หลังจากค้นพบแล้วว่าการออก SmartWatch ที่ไม่กันน้ำ แถมมีอายุการใช้งานสุดแสนจะสั้นไม่ต่างกับ SmartPhone ในราคา 8,900 บาทนั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ...ผ่านมาได้ราวๆ 7 เดือน ทาง Samsung ก็แก้มือโดยการส่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ประกอบด้วย Gear 2, Gear 2 Neo และ Gear Fitรุ่นใหม่นั้นสังเกตได้ว่า ไม่มีคำว่า "Galaxy" อยู่ในชื่อรุ่นแล้ว เนื่องจากไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ใน SmartWatch ดังกล่าว แต่จะใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ของทาง Samsung ที่ชื่อ TIZEN ในรุ่น Gear 2 และ Gear 2 Neo ส่วน Gear Fit นั้นจะเป็นประบบปฏิบัติการเฉพาะตัวที่ลงอะไรเพิ่มไม่ได้ โดย Gear 2 และ Gear 2 Neo จะออกแนวเป็น SmartWatch ส่วน Gear Fit จะออกแนวเป็น Sport Wear หรือ Fitness Band ครับ
รุ่นที่ผมซื้อมาวันนี้จะเป็น Gear 2 Neo ที่มีจุดแตกต่างจาก Gear 2 อยู่ 2 ส่วน นั่นคือ...
1- Gear 2 Neo ไม่มีกล้อง ส่วน Gear 2 จะมีกล้องความละเอียด 2 ล้านพิคเซลอยู่บนตัวเรือน
2- ส่วนตัวเรือนของ Gear 2 Neo เป็นพลาสติก ในขณะที่ Gear 2 เป็นโลหะ
เท่านี้แหละครับ กับราคาที่ 5,900 บาท สำหรับ Gear 2 Neo และ 8,900 บาท สำหรับ Gear 2 โดยส่วนตัวคิดว่าส่วนต่าง 3,000 บาทนั้นไม่ค่อยคุ้มที่จะเพิ่มเงินเท่าไรครับ (นานาจิตตังเนาะ)
1- รูปร่าง ขนาด และน้ำหนัก
Gear 2 Neo จะมีขนาดหน้าปัดอยู่ที่ราวๆ 4cm x 4cm ครับ ถ้าเป็นข้อมือเล็กอย่างผมใส่แล้วอาจจะรู้สึกใหญ่ไปนิดนึง รูปทรงกระชับติดกับมือดีครับ สายที่ให้มาก็มีความยาวปรับได้เยอะมากอยู่ น้ำหนักแค่ 54 กรัม อันนี้ไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับคนที่ปกติไม่ใส่นาฬิกาอย่างผม บนหน้าปัดมีปุ่มเดียวคือปุ่ม Home ครับ ดูเรียบหรูใช่เล่นเลยแหละ
2- การใช้งานและ Applications
Gear 2 และ Gear 2 Neo ใช้ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ชื่อ Tizen ครับ โดย Applications ที่ลงใช้งานจะหาได้จาก Samsung Store ใน Application Gear Manager บนระบบ Android อีกทีหนึ่ง (ซึ่งเป็นคนละตัวกับ Samsung Store ใน Play Store นะ) โดยขึ้นชื่อว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ Application ที่มีตอนนี้ก็เลยน้อยมากๆครับ (ราว 10 กว่าๆ)
แต่ Applications เท่าที่มีในเครื่องก็ถือว่าพอเพียงกับการใช้งานแล้วนะ... การใช้งานทั่วไปให้กดปุ่ม Home 1 ครั้งจะเปิดหน้าจอครับ (หรือสะบัดข้อมือก็ได้ หน้าจอจะติดเอง) ปัดเลื่อนซ้าย-ขวา จะสลับหน้าจอ Home ได้ และปัดเลื่อนบนไปล่างจะเป็นการ Back ไปให้ 1 Step ครับ เช่นบาง Application กดเข้าไปแล้วจะมีหน้าให้ตั้งค่า เข้าดูอะไรได้อีกมากมาย การกดกลับไปหน้าจอก่อนหน้าก็คือปัดเลื่อนจากบนลงล่างนั้นเอง
3- เบาๆกับ Heart Rate Sensor และ Heathcare Applications
ถึงจะไม่ได้วางตัวเป็น Fitness Band แต่ Gear 2 Neo ก็ยังใส่ Heart Rate Sensor มาให้ด้วยนะครับ รวมถึง Application ด้านสุขภาพอย่างพวก Pedometer ที่ใช้นับก้าวเดิน โดยสามารถคำนวนเป็นระยะทางและ Kcal ที่เผาผลาญไปได้ ...รวมถึงยังมี Applications ที่ช่วยในการจับเวลาและระยะทางในการออกกำลังกาย โดยอิงกับตำแหน่ง GPS บน SmartPhone เราด้วยครับ
ส่วนตรงนี้ผมไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายมากนัก เลยไม่ได้ลองอะไรเท่าไร
-EDIT-
พอดีทาง คห. ที่ 17 แนะนำเรื่องการลอง Pedometer เมื่อสวมแล้วใช้กดเครื่องคิดเลข ผมเลยลองทำคลิปนี้มาประกอบการตัดสินใจนะครับ คือก็ไม่รู้ว่าพิมพ์กันหนักหน่วงขนาดไหน แต่สรุปว่านับด้วยครับ ...อย่างไรก็ตาม สามารถกดเข้าไป Pause ตัว Pedometer แล้วมา Resume เอาได้ภายหลังนะครับ
4- Find My Phone ...
ช้างโทรศัพท์กรูอยู่ไหน!มี Application ทั้งในตัว Gear Manager บน Android และ Gear 2 Neo ที่ใช้ตามหากันและกันได้อยู่ครับ นั่นคือ Find My Gear และ Find My Phone ...โดยเมื่อกดแล้วจะมีเสียงดังออกจากอุปกรณ์ที่เราค้นหา ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยที่ลืมทดสอบว่าหากออกไปนอกระยะสื่อสารของ Bluetooth แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น จะมีเสียงเตือนหรืออะไรรึเปล่า ไว้มีโอกาสจะทดสอบให้อีกทีนึงนะครับ
5- Music Player พร้อม Flash Storage ในตัวขนาด 4 GB
สิ่งที่ Gear Fit ไม่มี (ทั้งๆที่ออกแนว Fitness Band) แต่ดันมีใน Gear 2 และ Gear 2 Neo คือ Internal Storage ขนาด 4 GB ครับ... เหลือใช้ได้จริงราว 2.80 GB ซึ่งเอาไว้เก็บเพลงเพื่อเล่นแบบไม่ต้องง้อโทรศัพท์ได้! เท่าที่ผมลอง คุณภาพเสียงของลำโพงในตัวก็พอฟังได้อยู่ครับ อารมณ์เหมือนวิทยุเครื่องละ 99 บาท แถมเสียงยังดังใช้ได้เลยด้วย (บางคนหูดีๆอาจจะเห็นต่างจากผมนะ แต่สำหรับผมได้เท่านี้ก็ดีละ) แต่ถ้าจะให้ดี... ฟังผ่านหูฟัง Bluetooth ดีกว่าครับ แต่พอดีผมไม่มีให้ลองซะด้วยสิ
6- Notification ครบครัน อ่านภาษาไทยได้สมบูรณ์
การแจ้งเตือนต่างๆนั้น เราสามารถตั้งได้ว่าจะให้อะไรมาแสดงผลบน Gear 2 Neo บ้าง โดยตั้งค่าผ่าน Gear Manager บน Android ครับ ...โดยหน้าจอจะแสดงผลตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว ไม่มีภาพขึ้นครับ
7- โทรเข้า-โทรออก ได้จากตัว Gear 2 Neo โดยตรง
เนื่องจาก Gear 2 Neo มีลำโพงและไมค์ในตัว รวมถึงมี Application Dialer และ Contact จึงทำให้ SmartWatch เรือนนี้สามารถสั่งหมุน และรับโทรศัพท์ได้ด้วยตัวของมันเองครับ! เสียงจะดังออกทางลำโพงของตัวเครื่องโดยตรง มีความชัดเจนในระดับที่ได้ยินชัด และไมค์ในตัวเครื่องก็ใช้งานได้ดีครับ ...แต่อย่างไรก็ตาม คงจะไม่ดีหากรอบข้างได้ยินเสียงคู่สนทนานะครับ ตรงนี้หากจับคู่กับหูฟัง Bluetooth ซักตัวล่ะก็เข้าท่าเลย (พอดีผมไม่มีให้ลองน่ะ)
8- ปรับแต่ง Gear 2 Neo ได้จากตัวเครื่องโดยตรง ...หรือแนะนำ Gear Manager เพื่อชีวิตที่ง่ายกว่า
ถึงในตัวเครื่อง Gear 2 Neo มี Application Setting เพื่อตั้งค่าต่างๆในตัวเครื่องได้ก็จริง แต่สำหรับด้านภาพพื้นหลังและรูปแบบนาฬิกาแล้ว การเข้าไปเลือกใน Gear Manager ผ่าน Android SmartPhone จะดูง่ายกว่าครับ สามารถเลือกจากรูปที่มีเตรียมไว้อยู่แล้ว หรือจะหารูปของเราเองก็ได้ ...นาฬิกาก็มีให้เลือกหลายแบบ พร้อมมีให้ Download เพิ่มด้วยครับ (ตอนนี้ใน Store มีให้ Download เพิ่ม 2 แบบ)
9- การชาร์จไฟ
Gear 2 Neo มาพร้อมแท่นชาร์จที่จะต้องประกบเข้าใต้ตัวเรือนเพื่อทำการเชื่อมต่อกับสาย Micro USB อีกทีหนึ่ง โดยสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อการโอนไฟล์ หรือชาร์จแบตเตอร์รี่ก็ได้ครับ ...ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสาเหตที่ไม่มีพอร์ทมาให้ในตัวเรือนโดยตรงเพราะคุณสมบัติการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP67 ครับ (6=กันฝุ่นระดับสูงสุด 7=กันน้ำระดับ 1 เมตรได้ในการทดสอบ 30 นาที อ้างอิง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ )
10- Sleep Tracking ที่เห็นนอน 10 ชั่วโมงอาจจะไม่ได้พักผ่อน 10 ชั่วโมงเสมอไป
Application นี้ไม่ได้โผล่มาตั้งแต่แรกนะครับ พอดีผมลองไปกด Update ดู แล้วก็มี Firmware ใหม่มาให้อัพซะงั้น เป็นเรื่องของ Visualization (ที่ผมไม่รุ้ว่ามันปรับตรงไหนบ้าง) แล้วก็เพิ่ม Application "Sleep" ขึ้นมาครับ
ตามข้อมูลที่ผมทราบ คือวงจรการหลับของคนเราแบ่งเป็นหลับธรรมดา และหลับลึกครับ คาดว่า Gear 2 Neo นี้จะใช้ Gyroscope และ Accelerometer ในการตรวจจับลักษณะการนอนของเราว่าดิ้นมั้ย (เพราะการหลับลึกจะไม่ดิ้น) และคำนวนออกมาว่าตลอดการหลับเนี่ย คุณหลับอย่างมีคุณภาพมากแค่ไหน
อันนี้ผมก็ไม่รู้ดีหรือไม่ดีนะ แต่เกิดมาพึ่งเคยใส่นาฬิกานอนเนี่ยแหละ 5555
เหมือนได้ยินแว่วๆว่าใครบอกผมนอนกินบ้านกินเมือง...
11- ประสิทธิภาพหน้าจอ กับการสู้แดด
ตัว Gear 2 Neo จะปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติไม่ได้ครับ (ไม่มี Ambien Light Sensor) เราต้องไปตั้งค่าใน Application Setting หรือ Control (ตัวไหนก็ได้) ในตัวเครื่อง โดยสามารถปรับระดับความสว่างได้ 6 ระดับ
อย่างเมื่อวานผมใส่เข้าไปดูหนัง พบว่าที่ปกติผมตั้งไว้คือระดับ 4 นั้นแสงค่อนข้างแยงตา มาลดเหลือระดับ 1 ก็ยังพบว่ามองเห็นชัดมากอยู่เลยครับ
และเมื่อกี๊ลองเอาออกไปใช้งานกลางแดดดูแล้ว ความสว่างระดับ 4 ก็ยัง "พอมองเห็น" ครับ ไม่ต้องเพ่งอะไรมาก เพียงแต่หน้าจอจะแสดงผลสีต่างๆไม่รู้เรื่องเท่าไร
และเมื่อปรับความสว่างไปสุดที่ระดับ 6 เครื่องจะแจ้งว่าเป็น Outdoor Mode ซึ่งใช้งานกลางแจ้งได้ดีเลยครับ โดยหลังการปรับความสว่างจะมีข้อความขึ้นเตือนว่า "Outdoor Mode นี้จะคงอยู่เพียง 5 นาทีเท่านั้น และจะกลับไปที่ความสว่างระดับ 4 โดยอัตโนมัติเมื่อเวลาผ่านไปครบกำหนด" ...คงจะเป็นเรื่องของการจัดการพลังงานมั้งครับ
จากนี้ขอยกไปที่ความคิดเห็นที่ 23 นะครับ พิมพ์เพิ่มไม่ได้แล้ว... เปิดวาร์ป! http://ppantip.com/topic/31941069/comment23
12-แบตเตอรี่
13-ข้อสังเกตุจากการใช้งานมาสองวัน
ก็ถือเป็นการ Review เล็กๆ เบาๆ จากผมก็แล้วกันนะครับ ปกติผมไม่ค่อยจะ Review อะไรเท่าไร หากขาดข้อมูลอะไรไป หรืออยากรู้อะไรเพิ่มก็ลองถามมาได้นะครับ