วางแผนจะแต่งงานว่าที่เจ้าบ่าวมีงบ 3 แสน ตอนแรกคิดว่าไม่น่ามีปัญหาแต่มีจนได้ รบกวน ขอความคิดเห็นและคำแนะนำด้วยนะคะ

เรื่องคือ แฟนขอแต่งงานหลังจากคบกัน 6 เดือน แต่รู้จักมา 2 ปีค่ะ แฟนเรา 35 ปีเป็นพนักงานบริษัท รายได้ประมาณ 5 หมื่น เรา 36 ปีเป็นเจ้าของธุรกิจรายได้ประมาณ 1 แสนบาท. ตอนแรกหลังจากขอแต่งงานเขาฝากถามที่บ้านว่า เรียกค่าสินสอดเท่าไร เราถามคุณแม่ สรุปคือ 5 แสน และ ทองคำ แหวนเพชรสำหรับหมั้น คุณแม่รู้ว่าฝ่ายชายไม่มีฐานะร่ำรวยจึงบอกว่าจะคืนสินสอดให้ทั้งหมด ส่วนแหวนหมั้นก็ให้ไว้กับเจ้าสาว  เรามองว่าแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งสำคัญสำหรับเรามาก จึงขอเป็นกรณีพิเศษคือ 1 กะรัต และบอกแฟนว่าน่าจะประมาณ 2 แสน แฟนนั่งคุยเรื่องค่าใช้จ่ายกับเราว่า ถ้าแหวน 2 แสน เขาจะเหลือเงินแค่แสนเดียวในการเตรียมงาน (เรากะจะแต่งเดือน กพ ปี 58 )  เราเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวเราเพิ่มตังส่วนตัวเราไป อีกแสนนึง เป็น 2 แสน แล้วเวลาแกะซองกันไม่ว่ากำไรหรือขาดทุนก็รับกันไปคนละครึ่ง.  ถ้ากำไรก็เอาไว้เป็นกองกลางสำหรับใช้จ่ายและเก็บให้ลูก. ทุกอย่างเหมือนจะลงตัว เราก็คิดว่างานน่าจะอยู่ในงบ 2 แสนได้ แต่พอคุยกะสถานที่เฉพาะงานเช้าพิธีไทย. เย็นเลี้ยงบุพเฟ่ต์ จัดที่ รร 4 ดาว แขกเช้า 50 คน แขกเย็น 300 คน ก็ปาไป 250,000 บาท ยังไม่รวมค่าชุดค่าการ์และของชำร่วย และ อื่นๆ ก็กะจะมาคุยกะแฟนว่าต้องเปลี่ยน รร หรือทำอะไรสักอย่าง

วันนี้เจอคุณแม่ว่าที่สามีเตือนว่าต้องมีพิธีในโบสถ์ด้วยเพราะฝ่ายชายเป็นคริสต์ แหวนทองเกลี้ยงธรรมดา. ดังนั้นแหวนน่าจะใช้ทั้งงานเลย ความหมายคือ ลดสเป็คแหวนเพชรหรือ ตัดออกไปเลย.  พอแยกออกมาเราถามแฟนว่าเอางั้นจริงเหรอ.  แฟนบอกว่าเรื่องแหวนทำไมไม่เอาที่พอไหว แฟนกลับถามว่าระหว่างแหวนเพชร 1 กะรัตกะเขาเรารักอะไรมากกว่า. เจอคำถามแบบนี้ท้อเลยค่ะ เราตอบไปว่า เหตุผลที่ทำไมต้องมีแหวนเพชรหนึ่งกะรัตเพราะมันคือของขวัญชิ้นเดียวที่เราขอจากเขาในวันแต่งงานของเราซึ่งที่ผ่านมาเราไม่เคยขออะไรเลย บ้านเราเรียกสินสอดเท่าไรก็คืนให้หมด แหวนเพชรวงนี้เราถึงอยากให้มันมีค่าประมาณนึง.  เราเลยถามกลับว่า ถ้าเราไม่ช่วยค่างานแต่งให้เขาออกเองทั้งหมดแล้วเขาจะทำยังไง เขาบอกว่าก็จะพยายามจัดการให้ทุกอย่างอยู่ในงบ. พูดง่ายๆก็คือแหวน 1 กะรัตคงไม่มี.  และสำหรับคุณแม่เราพอรู้ว่าเราจะไปช่วยออกค่างานเลี้ยงก็ห้ามเด็ดขาดบอกว่าเป็นหน้าที่เขา. และเงินที่แกะซองช่วยก็ให้เขาหมดอยู่แล้วสิ่งที่กังวลและทุกข์ใจคือ
1.  เราควรจะช่วยออกค่าแต่งงานโดยปิดบังคุณแม่ตัวเราเองดีมั้ย
2.  เราคิดผิดหรือเปล่าเรื่องแหวนแต่งงานว่าควรมีมูลค่าอย่างน้อย 1 กะรัต
3.  เหตุการณ์นี้เรารู้สึกนเอยใจมากๆว่าฝ่ายชายไม่เข้าใจเราและเห็นว่าเรามัวแต่อยากได้แหวน
4.  ทำไมงานแต่งมันวุ่นแบบนี้คะ. คุณแม่ว่าที่สามี คุณแม่เรา พิธีมากมาย ไทย คริสต์ สากล มันเยอะแยะวุ่นวาย เราอยากจัดเรียบๆง่ายๆ ตอนนี้เยอะมาก
5. เราควรจะบอกคุณแม่เราถึงงบที่แฟนมีหรือเปล่าคะ
6. เราเคยถามแฟนหลายครั้งว่าทำไมต้องแต่งงาน แฟนบอกว่าจะได้ถูกต้องตามประเพณีและจะได้มีลูกกัน เราเห็นด้วย แต่พอเจอยุ่งแบบนี้ ปวดหัวมากค่ะ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ว่าควรคิดแบบไหนดีที่ทำให้ทุกข์น้อยลง และ ไม่ทะเลาะกะแฟน
7. งบ 2 แสนแต่งงานได้มั้ยคะ T T. จริงๆเราเองมีเงินเก็บเยอะแต่รู้ว่าออกไปมากก็ไม่ดี แต่พอออกน้อยก็เงินจัดงานน้อยกระเบียดกระเสียนกลุ้มมากกก ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยค่ะทำไงดี

ขอบคุณที่อ่านถึงตรงนี้นะคะ. ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนค่ะ

ถ้าพิธีกรรม สำคัญสำหรับครอบครัวทั้งสองฝ่าย ตัดออกไม่ได้ มันก็ต้องใช้เงินขนาดนั้นอยู่แล้ว

อย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับของนอกกาย
แหวนนี่ ไม่ใช่ว่ามันจะอยู่กับตัวคุณตลอดไป
อนาคต ถ้าดี กิจการรุ่งเรือง เป็นคู่บุญกัน อยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความเจริญ คุณจะซื้อใหม่ 3 กะรัต (แม่มเลย) ยังได้
อนาคต ถ้าเกิดอุปสรรค ก็อาจต้องขายแหวนกิน ของอย่างนี้ไม่ได้แช่งชัก แต่เราไม่ทราบหรอกค่ะ

ตอนนี้ เอาที่พอไหว นกน้อยทำรังแต่พอตัว ไหนจะต้องมีสำรองให้ครอบครัวและลูกอีก
แค่ละลายน้ำไปกับงานวันเดียว 3 แสน ก็แย่แล้ว
ยังมีฮันนีมูนอีก

เหมือนคนเงินเดือนหมื่นกว่า อยากซื้อรถคันนั่นแหละ
หมื่นกว่า แทบไม่พอกินอยู่แล้ว ถามว่าตอนนี้ คุณรับภาระนอกเหนือกว่านี้ได้อีกหรือ

ไม่ใช่ว่าชาตินี้ จะไม่มีโอกาสได้มีรถขับกับเขาเมื่อไหร่
เพียงแต่โอกาสมันไม่ได้อำนวยในตอนนี้ เมื่อปีกกล้า แข็งแรงกว่านี้ เมื่อเงินเดือนขึ้น จะขับ camry ก็ไม่มีใครว่ากระไรดอก

เช่นเดียวกันกับของคุณ ก็ในเมื่อปัจจัยมันไม่พอ
ก็ต้องพอใจกับ budget ที่มีอยู่
แทนที่จะมานั่งน้อยอกน้อยใจ คิดแต่จะเอาเพชร 1 กะรัต
เปลี่ยนมาตั้งกระทู้ถามว่า งบ 1 แสน ทำยังไงจะได้แหวนเพชรที่คุ้มค่ามากที่สุดดีกว่า

เช่นนี้แล้ว จะมีผู้รู้มาช่วยกันตอบให้เพียบ
ว่าคุณจะได้เม็ดประมาณ 0.5-0.7 กะรัต แต่น้ำดีไปเลย 99 100
หรือจะเอาเม็ดใหญ่ เฉียด 1 กะรัต แต่น้ำ 90  ก็แล้วแต่คุณว่าเน้นสวย หรือเน้นใหญ่

อย่างความเห็นด้านบน
เธอแนะนำดีมาก ซึ่งเราเห็นด้วย
ไม่เอาเม็ดใหญ่มาก อยู่ในงบ ล้อมด้วยเศษเพชรเข้าไป
คุณจะได้ทั้งเม็ดสวย และดูใหญ่

วันใดวันหนึ่งเมื่อคุณพร้อมกว่านี้
คุณสามีคุณต้องรีบจัดหาให้แน่นอน คุณยังมีวันครบรอบอีกหลายปีค่ะ จะกังวบอะไร
ไม่ใช่แต่งกันแล้วปีเดียวเลิกซะที่ไหน

ดีไม่ดี พอมีลูก
ขี้คร้าน คุณจะไม่อยากได้แล้ว ไอ้เพชรเพิดอะไรนี่
อยากแต่จะเก็บตังค์ไว้ซื้อของให้ลูกมากกว่า
ความคิดเห็นที่ 29
คนก่อนแต่งงานส่วนใหญ่มักจะคิดแบบนี้ เพียงเพราะ คำว่า ครั้งเดียวในชีวิตแต่งงาน

แต่คนหลังแต่งงาน ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ไอ้ที่เรียกงานแต่ง มีคุณค่าน้อยมากๆ มากกว่าที่คิดไว้ตอนแรก บางคู่แม้แต่คู่ผมเอง อันนี้เก็บไว้ อันนั้นเก็บไว้
ดอกไม้ช่อนี้เก็บ พวงมาลัยเก็บ  แต่เอาเข้าจิง เก็บทิ้งหมดแล้วตอนนี้ มันรก 555 แม้แต่แหวนเจ้าสาวไม่ได้ใส่

แต่รู้ไหมเรื่องแหวนแต่งงานผมหาข้อมูลจากเพื่อนๆ ทั้งชีวิตจริงและในเนต แหวนมีหัวผมซื้อของปลอมครับ มาใส่วันงานวันเดียว 555

แต่แหวนที่ลงทุนกับมันเป็นแหวนเกลี้ยง แหวนคู่ ตั้งแต่งานแต่งมาไม่เคยห่างไปจากนิ้วทั้งคู่เลยครับ



ความรัก ความเข้าใจ หลังจากนี้ สำคัญมากกครับ แต่ว่าตอนนี้คุณได้สร้างรอยร้าวระหว่างกันไว้ 1 แผลแล้ว หากยังดำเนินต่อไปตามความคิดเดิม รอยร้าวนี้แหละที่จะถูกโจษจันษ์ ไปชั่วลูกชั่วหลาน

แต่สิ่งหนึ่งที่คุณต้องดีใจ คือ แฟนคุณคงรักคุณมาก อ่ะเพราะเค้าอยากแต่งงานแม้จะรู้ว่างบตัวเองมีจำกัด

ทุกวันนี้ผมยังอยากเรียกเงินที่เสียไปกับงานแต่งกลับมาเลย ผมจัดงานใหญ่ 2 งานต่างสถานที่ เสียดายอ่ะเอามาซื้อของเล่นให้ลูกๆหลานๆ ดีกว่าเยอะเลยหรือเอาไว้เที่ยว ยังไงก็คุ้มกว่าอีก

ความคิดของผมนะครับ งานแต่งที่เป็นตอนเลี้ยงฉลองอ่ะ ผมเสียดายที่ให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป กลัวที่คนอื่นๆว่าไม่ดี ไม่หรุ อาหารไม่อร่อยต่างๆนาๆ แม้ว่างานวันนั้นของผมจะได้รับคำชม เพราะผมเจ้าบ่าวเป็นพิธีกรในงานเอง 55
แต่สิ่งที่นึกย้อนแล้วมีความสุข และมีความทรงจำกับมัน กับเป็นงานที่เป้นงานหมั้น มีญาติที่เรารู้จัก คนเฒ่าคนแก่มาอวยพร อบอุ่นดีครับ

ดีกว่างานฉลอง ตอนแรกจะให้ประธานผู้มีเกียรติจากไหนไม่รู้มา ผมบอกไม่เอาเลย  ขอเป็นพ่อแม่นี้แหละ มีเกียรติที่สุดในชีวิตผมแล้ว ไอ้พวกที่มาด้วยยศ ตำแหน่ง มาอวยพร มันก็ท่องมา ไม่ได้ซึ่งและดีใจอะไรกับเราจริงๆเลย แค่แม่พูดคำเดียวว่า ดีใจกับลูก ก็น้ำตาไหลแล้ว

ที่กล่าวมาทั้งหมด อยากให้เจ้าของกระทู้ เรียงลำดับความสำคัญ เอาใจใส่คนที่มีคุณค่ากับเรามากน้อยไปตามลำดับ แล้วเราจะได้งานที่ดีที่สุด ที่มีคุณค่ากับเราที่สุด ในความทรงจำไปตลอดครับ   ค่อยๆคิดค่อยๆคุยกันครับ งานแต่งงานจริงๆไม่ยุ่ง แต่มันยุ่งเพราะ ความต้องการของเราเอง ครับ
หากเราลดมันลง ทุกอย่างก็ราบรื่นทุกฝ่ายครับ ขอให้มีความสุข


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่