cr
http://news.boxza.com/view/9890
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2557 เวลา 00.15 .ต.อ.พรชัย โรจนวิภาต พนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณหน้าตรอกหัวเม็ด ถนนจักรวรรดิ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุพบรถเบนซ์ รุ่นซีแอลเค 240 สีดำ ทะเบียน 1 กญ 752 กทม. สภาพพังยับ ใกล้ที่เกิดเหตุพบรถ 6 ล้อเก็บขยะได้รับความเสียหายเช่นกัน บริเวณท้ายรถขยะพบผู้บาดเจ็บ 1 คน อาการสาหัส คือ นายทวีป แสนคำ อายุ 27 ปี พนักงานเก็บขยะเขตสัมพันธวงศ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำตัวส่ง รพ.กลาง ห่างออกไป 5 เมตร พบศพ นาย สมชาย ขำผิวพรรณ อายุ 57 ปี พ่อค้าขายกระเป๋าใส่โทรศัพท์มือถือที่ตลาดสำเพ็ง สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดสวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีเหลืองเข้ม กางเกงขาสั้นสีเทา
ส่วนผู้ขับขี่รถเบนซ์อยู่ในสภาพมึนเมา ให้การไม่ร็เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปที่ สน.จักรวรรดิ เพื่อทำการสอบปากคำและวัดปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกาย ก่อนทราบชื่อต่อมา คือ นายใจดล ไกรฤกษ์ อายุ 61 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายตกแต่งในเครือ MBK กรุ๊ป (ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง) โดยหลังการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบสูงถึง 97 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้มาก
จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ นายสัมฤทธิ์ โตสันเทียะ อายุ 59 ปี คนขับรถขยะ กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุตนและพนักงานเก็บขยะอีก 2 คน ได้มาจอดรถในจุดเกิดเหตุเพื่อทำการเก็บขยะ ขณะกำลังทำหน้าที่อยู่นั้น ก็มีพ่อค้าขายของในตลาดสำเพ็งเข็นรถเลียบมาข้างรถขยะ จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังโครมทีทท้ายรถ จนรถขยะกระเด็นไปจากจุดเดิมกว่า 1 เมตร จึงรีบลงจากรถมาดูพบรถเบนซ์สีดำเข้ามาพุ่งชน ทำให้นายทวีปคนเก็บขยะได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนพ่อค้ากระเด็นมาเสียชีวิตอยู่ข้างรถขยะ
ด้าน น.ส.เยาวลักษณ์ แสงสุชา อายุ 44 ปี หลานของผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตาว่า ผู้เสียชีวิต เป็นลุงของตน ก่อนเกิดเหตุ ได้นั่งแท็กซี่คนละคันมาลงที่ตลาดสำเพ็ง เพื่อที่จะขายของ ก่อนขนของมาลงใกล้จุดเกิดเหตุ โดยตนกับลุงอยู่กันคนละจุด จากนั้นต่างคนต่างขนของ กระทั้งได้ยินเสียงรถชนอย่างรุนแรง ในที่แรกไม่กล้ามาดู เพราะกลัวเป็นคนที่รู้จัก แต่เมื่อเดินมาดูก็พบว่าเป็นลุงของตน
น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังทำใจกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ เพราะอยู่กับลุงมากว่า 20 ปี
ลุงไม่มีครอบครัว แต่ขยันทำมาหากิน เพื่อเลี้ยงน้องชายที่พิการ มองในแง่ดีคือ ลุงไปสบายแล้ว เพราะแกเหนื่อยมามาก แต่ตอนนี้รู้สึกแค้นคนที่เมาแล้วขับมาชนลุง เพราะหลังเกิดเหตุ มัวแต่เป็นห่วงรถของตัวเอง เพราะฉันได้ยินเขาพูดกับตำรวจว่า รถเขาเป็นอะไรบ้าง ดูแลดีหรือยัง ได้ยินแล้วรู้สึกแค้นมาก คนที่ตายน่าจะเป็นเขา ไม่น่าเป็นลุงของฉันเลย"
ผู้บริหารห้างสรรพสินค้ามาบุญครองนามสกุลดัง เมาซิ่งเบนซ์ชนพ่อค้าดับอนาถ งดนักข่าวถ่ายภาพ
cr http://news.boxza.com/view/9890
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2557 เวลา 00.15 .ต.อ.พรชัย โรจนวิภาต พนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชน จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณหน้าตรอกหัวเม็ด ถนนจักรวรรดิ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุพบรถเบนซ์ รุ่นซีแอลเค 240 สีดำ ทะเบียน 1 กญ 752 กทม. สภาพพังยับ ใกล้ที่เกิดเหตุพบรถ 6 ล้อเก็บขยะได้รับความเสียหายเช่นกัน บริเวณท้ายรถขยะพบผู้บาดเจ็บ 1 คน อาการสาหัส คือ นายทวีป แสนคำ อายุ 27 ปี พนักงานเก็บขยะเขตสัมพันธวงศ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำตัวส่ง รพ.กลาง ห่างออกไป 5 เมตร พบศพ นาย สมชาย ขำผิวพรรณ อายุ 57 ปี พ่อค้าขายกระเป๋าใส่โทรศัพท์มือถือที่ตลาดสำเพ็ง สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดสวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีเหลืองเข้ม กางเกงขาสั้นสีเทา
ส่วนผู้ขับขี่รถเบนซ์อยู่ในสภาพมึนเมา ให้การไม่ร็เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปที่ สน.จักรวรรดิ เพื่อทำการสอบปากคำและวัดปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกาย ก่อนทราบชื่อต่อมา คือ นายใจดล ไกรฤกษ์ อายุ 61 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายตกแต่งในเครือ MBK กรุ๊ป (ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง) โดยหลังการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบสูงถึง 97 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้มาก
จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ นายสัมฤทธิ์ โตสันเทียะ อายุ 59 ปี คนขับรถขยะ กล่าวว่าก่อนเกิดเหตุตนและพนักงานเก็บขยะอีก 2 คน ได้มาจอดรถในจุดเกิดเหตุเพื่อทำการเก็บขยะ ขณะกำลังทำหน้าที่อยู่นั้น ก็มีพ่อค้าขายของในตลาดสำเพ็งเข็นรถเลียบมาข้างรถขยะ จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังโครมทีทท้ายรถ จนรถขยะกระเด็นไปจากจุดเดิมกว่า 1 เมตร จึงรีบลงจากรถมาดูพบรถเบนซ์สีดำเข้ามาพุ่งชน ทำให้นายทวีปคนเก็บขยะได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนพ่อค้ากระเด็นมาเสียชีวิตอยู่ข้างรถขยะ
ด้าน น.ส.เยาวลักษณ์ แสงสุชา อายุ 44 ปี หลานของผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตาว่า ผู้เสียชีวิต เป็นลุงของตน ก่อนเกิดเหตุ ได้นั่งแท็กซี่คนละคันมาลงที่ตลาดสำเพ็ง เพื่อที่จะขายของ ก่อนขนของมาลงใกล้จุดเกิดเหตุ โดยตนกับลุงอยู่กันคนละจุด จากนั้นต่างคนต่างขนของ กระทั้งได้ยินเสียงรถชนอย่างรุนแรง ในที่แรกไม่กล้ามาดู เพราะกลัวเป็นคนที่รู้จัก แต่เมื่อเดินมาดูก็พบว่าเป็นลุงของตน
น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังทำใจกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ เพราะอยู่กับลุงมากว่า 20 ปี
ลุงไม่มีครอบครัว แต่ขยันทำมาหากิน เพื่อเลี้ยงน้องชายที่พิการ มองในแง่ดีคือ ลุงไปสบายแล้ว เพราะแกเหนื่อยมามาก แต่ตอนนี้รู้สึกแค้นคนที่เมาแล้วขับมาชนลุง เพราะหลังเกิดเหตุ มัวแต่เป็นห่วงรถของตัวเอง เพราะฉันได้ยินเขาพูดกับตำรวจว่า รถเขาเป็นอะไรบ้าง ดูแลดีหรือยัง ได้ยินแล้วรู้สึกแค้นมาก คนที่ตายน่าจะเป็นเขา ไม่น่าเป็นลุงของฉันเลย"