มนุษย์เงินเดือนไทย ... ในฮ่องกง

ฉันรู้จักคนไทยในต่างแดนหลายคนที่จบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำ เคยทำงานในระดับผู้บริหารที่เมืองไทย แต่พอย้ายมาอยู่ต่างประเทศ ต้นทุนสูงลิบเหล่านั้นก็หายวับไปกับตา ทุกคนต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่หมด

ฉันเองเป็นแค่ผู้หญิงไทยสายสามัญ จบการศึกษาจากสถาบันระดับกลางของรัฐบาล หน้าที่การงานก็อยู่ในระดับพนักงานธรรมดา ตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะย้ายมาอยู่ฮ่องกงคือเลขานุการผู้บริหาร ฉันจึงไม่เดือดร้อนอะไรนักกับการที่ต้องมาเริ่มนับ 1 หรือแม้กระทั่งนับ -1 ใหม่

ฉันย้ายมาอยู่ฮ่องกงในปี พ.ศ. 2550 เมื่อเพื่อนร่วมงานรู้ว่าฉันจะมาอยู่ที่นี่ หลายคนถามว่าจะมาทำงานอะไร ฉันตอบไปตามตรงว่าฉันไม่รู้ ก็ใครล่ะจะไปคาดเดาอนาคต แถมยังเป็นอนาคตที่แทบจะมองไม่เห็นอนาคตอีกด้วย

ฉันเคยอยู่ฮ่องกงมาหลายปีก่อนหน้า และเคยผ่านประสบการณ์การหางานที่นี่มาแล้วตั้งแต่ครั้งนั้น ฉันรู้ซึ้งว่าการหางานในเมืองที่ประชากรโดยเฉลี่ยมีการศึกษาสูง มีความสามารถทางภาษาถึง 3 ภาษา คือ ภาษาจีนกวางตุ้ง จีนกลาง และอังกฤษ เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับตัวเอง

ก่อนมาที่นี่ฉันจึงเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ ตั้งใจไว้ว่าถ้าหางานไม่ได้ ฉันก็จะใช้ชีวิตเป็นแม่บ้าน หาเวลาว่างไปเรียนภาษา เรียนทำอาหาร แล้วก็เล่นหุ้นอยู่กับบ้านนี่แหละ แหม...มันช่างเป็นแผนสำรองที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองอะไรเช่นนี้ ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักคำว่า “ติดดอย” น่ะนะ

เดือนแรกที่ย้ายมาอยู่ฮ่องกง ว่างจากการทำงานบ้านฉันก็เปิดเว็บไซต์หางาน เลือกเฉพาะบริษัทที่รับสมัครพนักงานต่างชาติ ขณะเดียวกันก็มองหาที่เรียนภาษาจีนกวางตุ้งไปด้วย ตอนนั้นทาง YMCA ฮ่องกงเปิดคอร์สภาษาจีนกวางตุ้งขั้นพื้นฐานสำหรับชาวต่างชาติพอดี ฉันจึงได้เริ่มต้นชีวิตนักเรียนอีกครั้งในวัยเกือบสี่สิบปี

ฉันส่งใบสมัครงานออนไลน์ไปได้เพียงไม่กี่แห่ง เพราะบริษัทห้างร้านส่วนใหญ่ต้องการคนที่พูดภาษาจีนกวางตุ้งกับจีนกลางเป็นหลัก แต่ไม่นาน ฉันก็ได้รับอีเมลเรียกไปสัมภาษณ์จากโรงเรียนนานาชาติ 2 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน ในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ และพนักงานธุรการ

ฉันตื่นเต้นกับการได้เรียกสัมภาษณ์ครั้งนี้พอสมควร จะว่าไปแล้วฉันตื่นเต้นกับการไปสัมภาษณ์งานทุกครั้งนั่นแหละ และถ้าจะให้นับกันจริง ๆ ชีวิตของฉันนี้ผ่านการสัมภาษณ์งานมาเป็นร้อยครั้งแล้วละกระมัง แต่ฉันก็ไม่เคยคุ้นชินกับมันสักที

ฉันนึกคาดเดาคำถามที่คิดว่าทางคณะกรรมการจะถาม และเตรียมคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวที่ฉันคิดว่าเข้าท่าไว้ด้วย แต่คำตอบที่เข้าท่าสำหรับฉัน คงเป็นคำตอบที่ “ออกท่า” สำหรับคณะกรรมการ ฉันจึงพลาดไม่ได้งานเลยทั้งสองแห่ง

ฉันซึมไปหลายวันและเมื่ออาการดีขึ้นฉันก็เริ่มหางานอีก ครั้งหนึ่งที่ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัทท่องเที่ยวซึ่งประกาศรับพนักงานลูกค้าสัมพันธ์โดยไม่ได้ระบุเชื้อชาติหรือภาษา เพียงแต่บอกว่า “ใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี” เท่านั้น

อีเมลดังกล่าวไม่ใช่จดหมายเรียกสัมภาษณ์หากแต่เป็นจดหมายขอบคุณและแสดงความเสียใจที่ไม่สามารถเรียกฉันเข้าสัมภาษณ์ได้ เพราะ “ทางบริษัทต้องการคนที่พูดภาษาจีนกวางตุ้ง และจีนกลางได้ด้วย”

และนั่นเหมือนเป็นแสงไฟส่องทางดวงน้อยซึ่งทำให้ฉันได้คิดว่า หากฉันยังคงก้มหน้าก้มตาหางานปรกติซึ่งต้องไปแก่งแย่งกับคนที่นี่ซึ่งพูดอ่านเขียนได้ถึง 3 ภาษานั้น ชาตินี้ฉันคงไม่มีวันหางานในฮ่องกงได้แน่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่