สืบเนื่องจากคราวที่แล้ว หนูได้ไปขึ้นศาล เพื่อร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อเรื่องที่ศาลเสร็จ ทนายความ ซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ก็เอาเอกสารที่แสดงความเป็นผู้จัดการมรดก มอบให้หนู 2 ฉบับ โดยทั้งสองฉบับ มีการประทับตราว่าเป็น สำเนา และมีการเซ็นต์กำกับ รับรองสำเนาจากเจ้าหน้าที่เรียบร้อย

ต่อมา หนูเริ่มดำเนินการเรื่องทรัพย์สินของคุณพ่อ จนกระทั่งมาถึงชิ้นสุดท้าย ก็คือ บ้าน หนูตกลงจะแบ่งบ้านกับลุงอีกคน (ในโฉนดเป็นชื่อคุณพ่อกับลุง) โดยเขาจะให้เงินกับหนูมาก้อนหนึ่ง เพื่อให้หนูเซ็นต์ยินยอมถอนชื่อออกจากโฉนด

แต่เขากลับมาขอหนังสือผู้จัดการมรดกจากหนู โดยที่ยังไม่ได้ให้เงิน เขาอ้างว่าจะเอาไปเดินเรื่องให้ก่อน เพื่อความสะดวก พอเดินเรื่องเสร็จ หนูจะได้ไปเซ็นต์ได้เลย แต่หนูไม่ได้ให้ไปค่ะ เกรงว่าลุงทั้งสองคนจะเล่นตุกติก เพราะความที่ลุงอีกคนเป็นทนายควาใ อีกคนเชี่ยวชาญในเรื่องซื้อขายบ้าน

อีกสองเดือนถัดมา หลังจากการปฏิเสธของหนู ลุงที่มีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน ได้ชวนให้หนูไปเซ็นต์ถอนชื่อที่ ธอส. (บ้านติดธนาคารอยู่ค่ะ แต่เขามีเงินมาปิด เพราะขายต่อได้กำไรเยอะมาก ต้องการให้หนูถอนชื่อก่อนขายค่ะ แล้วเขากับหนูตกลงกันที่เงินก้อนจำนวนหนึ่ง) หนูเห็นว่าเขามีสำเนาหนังสือผู้จัดการมรดก โดยไม่มีการประทับตราสำเนาและการเซ็นต์รับรอง คาดว่าจะสำเนามาจากตัวจริง แต่หนูไม่มีตัวจริงนะคะ

คำถามค่ะ
1.เอกสารผู้จัดการมรดกตัวจริง อยู่ที่ศาลหรือเปล่าคะ ศาลต้องเป็นผู้เก็บไว้ใช่มั้ยคะ

2.ทนายความ(ลุง)อ้างว่า เขาสามารถสำเนามาได้ เพราะนามสกุลเดียวกับหนู และเป็นทนายความ จริงหรือไม่คะ (ถ้ามันทำไม่ได้ หนูฟ้องร้องเรื่องสำเนาเอกสารโดยไม่ได้รับอนุญาตได้มั้ยคะ)

3.สำเนาตัวนี้เขาสามารถนำไปใช้ในการทำนิติกรรมอะไรได้บ้าง ที่จะทำให้หนูและครอบครัว เสียผลประโยชน์ในทรัพย์สินของคุณพ่อ

4.ในกรณีสุดๆจริงๆ ถ้าหนูฟ้องแบ่งโฉนด ทำได้ไหม และมีโอกาสชนะมากแค่ไหนคะ (คุณพ่อกับลุง กู้ซื้อร่วมกัน แต่งวดหลังๆ ส่วนใหญ่ลุงเป็นคนผ่อนธนาคาร เอกสารการผ่อนชำระอยู่ที่เขาทั้งหมด)

รบกวนผู้รู้หน่อยนะคะ หนูเดือดร้อนกันมาก เพราะเซ็นต์ที่ ธอส. ไปแล้ว เหลือธุรกรรมกับกรมที่ดิน กลัวว่าเขาจะตุกติก ไม่ให้เงิน และหมดสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ด้วย พวกหนูจะไม่มีบ้านอยู่ทันที ถ้าพลาด

ปล. ถ้าแท็กผิดขออภัยนะคะ