จ๊กก๊ก...อาณาจักรแซ่เล่า

กระทู้สนทนา
สามก๊กฉบับอ่านซ้ำ

อวสานสามก๊ก

จ๊กก๊ก....อาณาจักรแซ่เล่า

" เล่าเซี่ยงชุน "

                    แผ่นดินจีนยุคสามก๊กนั้น ก๊กแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือวุยก๊กของแซ่โจ  ก๊กที่สองรองลงไปคือ จ๊กก๊ก ซึ่ง เล่าปี่ ต้นวงศ์นั้น เป็นเชื้อสายของราชวงศ์ฮั่น  ตั้งแต่ครั้ง  พระเจ้าฮั่นเกงเต้ พระเจ้าฮั่นเต้ จนถึง พระเจ้าเลนเต้ ซึ่งครองราชสมบัติ พ.ศ.๗๑๑

                    เดิมชื่อ เหี้ยนเต๊ก เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๗๐๓ บิดาชื่อ เล่าเหง พอบิดา   ตายไปก็เหลือแต่มารดา  ซึ่งเป็นคนเข็ญใจไร้ทรัพย์  เล่าปี่มีความกตัญญูจึงหาเลี้ยง      มารดาด้วยการทอเสื่อไปขายเลี้ยงชีวิต สองแม่ลูกอยู่ที่ตำบลเล่าชองฉุนใกล้เมือง         ตุ้นก้วน เมื่อายุสิบห้าปีเรียนหนังสือกับ เต้เหี้ยน  มีเพื่อนร่วมเรียนอยู่สองคนคือ โลติด กับ กองซุนจ้าน จนอายุได้ยี่สิบห้าปี เล่าปี่เป็นคนที่มีลักษณะแปลก สูงประมาณห้าศอกเศษหูยานถึงบ่า มือยาวถึงเข่า หน้าขาวดังสีหยก ริมฝีปากแดงดังชาดแต้ม  จักษุชำเลืองไปเห็นใบหู เป็นคนไม่รักการเรียนแต่มีปัญญา มีน้ำใจอารีเพื่อนฝูงมาก เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ทั้งความโกรธและความยินดี มิได้ปรากฎออกมาภายนอก เล่าอ้วนกี ผู้เป็นอาและได้อุปถัมภ์ค้ำจุนเรื่องเงินทองอยู่เนือง ๆ ได้ออกปากชมว่าจะมีบุญเป็นมั่นคง

                    พ.ศ.๗๒๖ บ้านเมืองวิปริตเกิดโจรโพกผ้าเหลืองขึ้น  แผ่อิทธิพลไปใน       หัวเมืองต่าง ๆ ถึงแปดเมือง

        ในครั้งนั้นเองที่เล่าปี่ได้พบเพื่อนสองคน  คนหนึ่งชื่อ กวนอู เป็นคนร่างสูงประมาณหกศอก หนวดยาวประมาณศอกเศษ หน้าแดงดังผลพุทราสุก ปากแดงดังชาดแต้ม  คิ้วดังตัวไหม จักษุยาวดังนกการเวก ถือง้าวยาวสิบเอ็ดศอก หนักแปดสิบสองชั่ง

                    อีกคนหนึ่งชื่อ เตียวหุย สูงประมาณห้าศอก ศรีษะเหมือนเสือ จักษุกลม    ใหญ่ คางพองโต เสียงดังฟ้าร้อง กิริยากระโดกกระเดกเหมือนม้า  ถือทวนยาวสิบศอก  หนักแปดสิบห้าชั่ง

                    ทั้งสามได้สาบานเป็นพี่น้องกันที่สวนหลังบ้านของเตียวหุย มีความว่าจะ  ซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย จะช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยสิ่งใดหรือรบศึกเสียที จะไม่ทิ้งกัน จะช่วยแก้กันจนกว่าจะตายทั้งสามคน

                    แล้วทั้งสามพี่น้องก็นำชาวบ้านอาสาสมัครห้าร้อยคน ไปร่วมมือกับทหาร
หลวงสู้รบกับพวกโจรโพกผ้าเหลือง ที่เมืองตุ้นก้วน เมืองเฉงจิ๋ว เมืองกงจ๋ง เมืองเองฉวน และเมืองอ้วนเซีย เสร็จศึกแล้วรออยู่เดือนเศษ จึงได้บำเหน็จให้ไปเป็นเจ้าเมืองอันห้อ      ก้วน แต่มีเรื่องกับผู้ตรวจราชการจากเมืองหลวง จึงเลิกทำราชการ  แล้วชวนกันไปอาศัยญาติซึ่งเป็นเจ้าเมืองไต้จิ๋ว ต่อมาได้ไปช่วยเจ้าเมืองอิจิ๋วปราบขบถที่เมืองยีหลง มีความชอบจึงได้เป็นเจ้าเมืองเพงงวนก๋วน

                    พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์  หองจูเปียน ราชบุตรองค์ใหญ่       ได้ขึ้นครองราชย์อยู่เพียงสี่เดือน ก็ถูก ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลงซึ่งเข้ามายึดอำนาจ ถอด    ออกและถูกปลงพระชนม์ หองจูเยบ ราชบุตรองค์เล็กได้สืบราชสมบัติต่อทรงพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ฮ่องเต้องค์นี้ เล่าปี่มีศักดิ์เป็นพระเจ้าอา

                    เมื่อตั๋งโต๊ะเป็นมหาอุปราชทำการหยาบช้า โจโฉนายทหารรักษาพระ       องค์ก็คิดจะฆ่า แต่ไม่สำเร็จ จึงหนีออกจากเมืองหลวงกลับมารวบรวมผู้คน ที่เมือง       ตันลิวบ้านเกิด มีเจ้าเมืองมาเข้าเป็นพวกด้วยสิบหกสิบเจ็ดหัวเมือง รวมทั้งกองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋ง ก็มาชวนเล่าปี่กวนอูเตียวหุยไปร่วมขบวนการด้วย  กองทัพบ้านนอกนี้โจโฉยกให้ อ้วนเสี้ยว เจ้าเมืองปุดไฮซึ่งเคยเป็นเพื่อนนายทหารในเมืองหลวงมาแต่ก่อน ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ ยกไปตีเมืองหลวงเพื่อกำจัดตั๋งโต๊ะ

                    ในการรบครั้งนั้น ฮัวหยง ทหารเอกของ ลิโป้ ลูกเลี้ยงของตั๋งโต๊ะ มีฝีมือเข้มแข็งฆ่าทหารเอกของฝ่ายโจโฉตายไปถึงสี่คน จนไม่มีใครกล้าออกรบ กวนอูจึงขอ    อาสาทั้ง ๆ ที่ยังเป็นทหารเลวอยู่ อ้วนเสี้ยวจึงไม่เต็มใจแต่โจโฉสนับสนุน กวนอูออก       จากค่ายไปเพียงครู่เดียว ก็ตัดศรีษะฮัวหยงมาให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายดู  กวนอูจึงมีชื่อเสียงเป็นนายทหารเอกตั้งแต่บัดนั้น

                    เมื่อฮัวหยงตายแล้ว ลิโป้จึงออกรบเอง ได้ปะทะกับสามพี่น้องครั้งหนึ่ง แต่ ลิโป้มีฝีมือเข้มแข็งมาก จึงเอาตัวรอดไปได้ การศึกครั้งนี้ผลสุดท้ายพวกพันธมิตรอิจฉาริษยากันเอง จึงไม่สามารถเอาชนะตั๋งโต๊ะได้  ต้องแยกย้ายกันกลับไปบ้านเมืองของตน จนหมดสิ้น โจโฉไปตั้งหลักที่เมืองกุนจิ๋ว ส่วนเล่าปี่ก็กลับมาอยู่เมืองเพงงวนก๋วนตามเดิม

                    ทางเมืองหลวงนั้นก็มีการแย่งชิงอำนาจกันหลายครั้ง จนตั๋งโต๊ะถูกลิโป้    ฆ่าตาย แต่ลิโป้ก็ถูก ลิฉุย กุยกี ลูกน้องเก่าของตั๋งโต๊ะ ยกพวกมาตีแตกเตลิดเปิดเปิงไป  เหมือนกัน จนกระทั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้มีรับสั่งให้โจโฉยกกองทัพ  มาปราบปรามลิฉุย    กุยกี  จนสงบเรียบร้อยลง โจโฉก็ได้เป็นมหาอุปราช และย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมือง       ฮูโต๋

                          ฝ่ายเล่าปี่ก็ได้เป็นเจ้าเมืองชึจิ๋วเพราะ โตเกี๋ยม เจ้าเมืองเดิมแก่ชราตายไป  และก่อนตายออกปากยกให้เล่าปี่ปกครอง  อีกไม่นานลิโป้ก็ซัดเซพเนจร  มาขออาศัยอยู่ด้วย แต่ไม่ถูกชตากับเตียวหุย เล่าปี่จึงให้ไปอยู่ที่เมืองเสียวพ่าย ต่อมา                  โจโฉแอบอ้างรับสั่ง ให้เล่าปี่ยกทหารไปรบกับ อ้วนสุด น้องอ้วนเสี้ยวที่เมืองลำหยง ปล่อยเตียวหุยเฝ้าเมืองเตียวหุยก็ไปหาเรื่องกับลิโป้อีก เลยถูกลิโป้มารบแย่งเอาเมือง      ชีจิ๋วไว้ได้ เล่าปี่รีบกลับมาลิโป้ก็ยกเมืองเสียวพ่ายให้อยู่ต่อไป

                    อยู่ไปได้พักหนึ่ง อ้วนสุดก็ให้ทหารเอกยกทัพมาตีเมืองเสียวพ่าย แก้ตัว ลิโป้ก็รีบไปช่วยหย่าศึกให้ แต่แล้วเตียวหุยก็หาเรื่องกับลิโป้อีกจนได้  คราวนี้เลยถูกลิโป้ตีเมืองเสียวพ่ายแตก ต้องหนีไปหาโจโฉที่เมืองฮูโต๋ โจโฉก็ขอรับสั่งให้ไปเป็นเจ้าเมือง      อิจิ๋ว เตรียมรวบรวมทหารไว้ตีเอาเมืองชีจิ๋วคืนต่อไป

                    และในที่สุดเล่าปี่ก็ร่วมมือกับโจโฉ ยกทัพไปตีเมืองชีจิ๋วแตก จับตัวลิโป้มาประหารเสีย แล้วโจโฉก็พาเล่าปี่ไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอให้ปูนบำเหน็จความชอบ ที่ได้ช่วยปราบปรามลิโป้ เมื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ทราบว่าเล่าปี่มีศักดิ์เป็นพระเจ้าอาก็ยกให้ เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ฝ่ายกรมวัง โจ
โฉก็ชักระแวงว่าเล่าปี่จะได้ดีเกินหน้าตน

                    ขณะนั้นโจโฉเริ่มจะเมาอำนาจ และได้แสดงกิริยาอาจเอื้อมต่อพระเจ้า     เหี้ยนเต้ จึงมีขุนนางหลายคนเกลียดชังโจโฉ คิดการจะกำจัดเสีย  โดยมี ตังสิน พี่ชาย ของ นางตังกุยหุย สนมเอกเป็นหัวหน้า มีผู้ร่วมคิดด้วยเจ็ดคนรวมทั้งเล่าปี่ แต่เล่าปี่กลัวภัยจะมาถึงตัว จึงออกอุบายขอทหารโจโฉไปรบกับอ้วนสุด แล้วก็ยกออกจากเมืองฮูโต๋ไป

                    เล่าปี่ก็กลับมาที่เมืองชีจิ๋ว เมื่อยกทหารไปรบกับอ้วนสุด จนอ้วนสุดพ่ายแพ้และถึงแก่ความตายไป  เล่าปี่ก็ไม่ยอมกลับเมืองฮูโต๋ คงตั้งมั่นอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว  จน  โจโฉรู้เรื่องที่ตังสินคิดร้าย จึงจับมาประหารเสียทั้งหมด รวมทั้งนางตังกุยหุยด้วย  และ  ยกกองทัพมาปราบเล่าปี่ต่อไป

                    เล่าปี่กวนอูและเตียวหุยต้านทานโจโฉไม่ไหว ต้องแตกหนีไปคนละทาง   เล่าปี่นั้นไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว เตียวหุยหนีไปตั้งหลักอยู่บนเขาบองเอี๋ยงสัน  แต่   กวนอูถูกล้อมอยู่นอกเมืองแห้ฝือ โจโฉก็ส่งคนไปเกลี้ยกล่อมจนยอมอ่อนน้อมด้วย เพื่อรักษาชีวิตของครอบครัวเล่าปี่ และยินยอมไปอยู่กับโจโฉที่เมืองฮูโต๋

                    อ้วนเสี้ยวก็ยกทัพใหญ่ ไปรบกับโจโฉที่ตำบลแปะแบ๊ใกล้เมืองตองกุ๋น กวนอูไม่รู้ว่าเล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยวก็อาสาโจโฉออกรบ ฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยวตายไปสองคน อ้วนเสี้ยวก็โกรธเล่าปี่แต่เล่าปี่สัญญาว่าจะให้กวนอูมาช่วยแทน อ้วนเสี้ยว จึงยอมยกโทษให้ แต่แล้วเล่าปี่ก็กลับออกอุบายแยกจากอ้วนเสี้ยว ไปพบกับเล่าปี่และเตียวหุย   พากันไปอยู่ที่เมืองยีหลำ ปล่อยให้โจโฉตีกองทัพของอ้วนเสี้ยวแตกพ่ายไปสองสามครั้งจน  อ้วนเสี้ยวถึงแก่ความตาย  โจโฉก็ตามไปกำจัดลูกหลานของอ้วนเสี้ยวอีกสี่คน จนหมดสิ้นเสี้ยนหนามทางภาคเหนือไป

                    เล่าปี่กับพี่น้องก็พากันไปอาศัย เล่าเปียว ซึ่งเป็นญาติอยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว      แต่ภรรยาเล่าเปียวกับน้องภรรยาไม่ชอบ จึงไปอยู่ที่เมืองซินเอี๋ย ซึ่งขึ้นกับเมืองเกงจิว

                    พ.ศ.๗๕๐ นางกำฮูหยิน ภรรยาเอกของเล่าปี่  คลอดบุตรเป็นชายชื่อ  อาเต๊า เล่าปี่ก็เสาะหาผู้มีความรู้ มาช่วยคิดการสู้รบกับโจโฉ  จนกระทั่งได้ตัว ขงเบ้ง    จากเขาโงลังกั๋ง อายุเพียงยี่สิบหกปี แต่มีความรู้มากมาย มาอยู่เป็นคู่คิดด้วย

                    ต่อมาเล่าเปียวตายไป โจโฉก็ยกทัพใหญ่มายึดเมืองเกงจิ๋วได้ และฆ่า เล่าจ๋อง บุตรคนรองของเล่าเปียวเสีย แล้วยกทัพจะไปบดขยี้เล่าปี่ที่เมืองซินเอี๋ย  เล่าปี่   เห็นว่าจะสู้ไม่ได้แน่  จึงพาครอบครัวและราษฎรอพยพ  ไปอาศัย เล่ากี๋ บุตรคนโตของ   เล่าเปียว อยู่ที่เมืองกังแฮ  และส่งขงเบ้งไปเกลี้ยกล่อม ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง กับจิวยี่แม่ทัพใหญ่ของกังตั๋ง ให้เป็นพันธมิตรร่วมกันรบโจโฉได้สำเร็จ

                    พ.ศ.๗๕๑ ขงเบ้งกับจิวยี่ร่วมมือกันรบกับโจโฉ    ซึ่งมีกำลังมากกว่าเป็นสิบเท่า จนแตกยับเยินวอดวายหมดทั้งทัพบกทัพเรือ เหลือทหารติดตามสามสิบคนเล็ดลอดกลับไปได้อย่างสบักสบอม

                   แล้วขงเบ้งก็แอบหนีจิวยี่  มาวางแผนให้เล่าปี่กวนอูเตียวหุย ยึดเมือง    ลำกุ๋น เมืองซงหยง และเมืองเกงจิ๋วไปครอบครองได้หมดโดยไม่ต้องลงทุนเลย ฝ่าย    กังตั๋งที่เสียรี้พลไปเป็นอันมาก กลับไม่ได้อะไรเลย

                    จิวยี่จึงเสนอแนะให้ซุนกวน  หลอกเล่าปี่ให้มาแต่งงานกับ นางซุนหยิน      น้องต่างมารดา แล้วจับเล่าปี่ฆ่าเสีย แต่ขงเบ้งก็รู้ทันความคิด จึงซ้อนกลจนเล่าปี่ได้ แต่งงานจริง ๆ และพานางซุนฮูหยินกลับมาอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วด้วย  จิวยี่แพ้รู้ขงเบ้งหลายครั้งเข้าก็ป่วยถึงแก่ความตายไป ซุนกวนจึงผิดใจกับเล่าปี่ตั้งแต่บัดนั้น

                    ต่อมาเล่าปี่ได้ บังทอง ศิษย์สำนักเดียวกับขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษาอีกคนหนึ่ง จึงยกพลไปเมืองเสฉวน   ซึ่ง เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองนั้นก็เป็นญาติกัน ล่าปี่ก็ยึดเมือง     เสฉวนได้ แต่ต้องเสียบังทองไปในการรบ ที่ทุ่งลกห้องโหหน้าเมือง  และซุนกวนก็มาหลอกเอานางซุนฮูหยินกลับไปเมืองกังตั๋ง

                    พ.ศ.๗๕๙ โจโฉตีเมืองฮันต๋งได้ และรบชนะซุนกวน จึงได้เลื่อนฐานะจาก  วุยก๋งเป็นวุยอ๋อง

                    พ.ศ.๗๖๒ เล่าปี่ยกทัพมาตีเมืองฮันต๋งได้จากโจโฉ ชาวเมืองจึงยกขึ้นเป็น  อ๋องเมืองฮันต๋ง เล่าปี่ก็ให้กวนอูไปปกครองเมืองเกงจิ๋ว

                    โจโฉจึงชวนซุนกวนร่วมมือกันรบกับเล่าปี่ ชุนกวนตีเมืองเกงจิ๋วแตกจับ     เอากวนอูไปประหารเสีย แล้วตัดศรีษะส่งไปให้โจโฉ ทำให้โจโฉล้มป่วยลง

                    พ.ศ.๗๖๓ โจโฉถึงแก่ความตาย โจผี บุตรชายคนโตก็บังคับ พระเจ้า       เหี้ยนเต้สละราชสมบัติให้ และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ เริ่มราชวงศ์วุย

                    พ.ศ.๗๖๔ ขงเบ้งกระทำพิธีอุปภิเษกเล่าปี่  ให้เป็นฮ่องเต้ครอบครอง       แคว้นเสฉวนทางภาคตะวันตกของแผ่นดินจีน เรียกว่า จ๊กก๊ก

                    แล้วพระเจ้าเล่าปี่ก็ยกทัพใหญ่ ไปรบกับซุนกวนเพื่อแก้แค้นแทนกวนอู ตามคำสาบานที่ให้ไว้ต่อกัน เมื่อสามสิบหกปีก่อน แต่เตียวหุยได้ถูกลิ่วล้อฆ่าตายเสียก่อนที่จะยกทัพไป พระเจ้าเล่าปี่ก็ยิ่งเจ็บแค้น และรบด้วยความประมาท จึงพ่ายแพ้แก่ซุนกวนอย่างยับเยิน ต้องหนีไปแอบอยู่ที่เมืองเป๊กเต้

                    พ.ศ.๗๖๖ พระเจ้าเล่าปี่ก็ตรอมใจประชวรสิ้นพระชนม์ไป เมื่อเดือนหก    แรมเก้าค่ำ อายุได้หกสิบสามปี ขงเบ้งก็ยกอาเต๊าขึ้นครองราชสมบัติเป็น  พระเจ้าเล่า เสี้ยน สืบต่อไป โดยมีขงเบ้งเป็นมหาอุปราช เมืองกังตั๋งก็กลับเป็นไมตรีกับจ๊กก๊กดังเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่