เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 2/2
พรเดินตรวจดูความเรียบร้อยชั้นบน ผ่านมาหน้าห้องนอนบิวตี้ แปลกใจที่เห็นไฟในห้องเปิดอยู่
“เมื่อกี้ปิดไฟแล้วนี่นา หรือคุณหนูจะกลับมาแล้ว”
พรเปิดประตูเข้าไป นกบิวตี้เกาะหลบอยู่หลังม่าน พรไม่เห็น
“ไม่มีใครนิ แล้วไฟเปิดได้ไง”
“อย่าปิดไฟนะ”
พรไม่ได้ยินปิดไฟ ปิดประตู
“บ้าที่สุด ไม่เปิดก็ได้ เปิดอีกก็เจ็บหัว เจ็บปาก โอ๊ย...ทำไมมันทรมานอย่างนี้นะ”
บิวตี้คนขึ้นมานอนบนเตียง พยายามซุกตัวในผ้าห่ม
ป้าจันออกมาหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ รีบมาถามยามด้วยความเป็นห่วงบิวตี้
“นี่ คุณบิวตี้กลับมาตอนดึกๆ หรือเปล่า”
“ยังไม่เห็นเลยครับป้าจัน”
“เผลอหลับไปมั่งหรือเปล่า”
“โห ประตูล็อค ยังไงก็เข้าไม่ได้” ยามว่า
ป้าจันพึมพำ เป็นห่วง “สงสัยจะไปค้างบ้านเพื่อน แต่ทุกทีก็สั่งไว้นี่นา เฮ้อ! คุณหนูจะเป็นอะไรรึเปล่านะ”
ป้าจันครุ่นคิดอย่างกังวลใจ
ขณะเดียวกัน แลเห็นบิวตี้แค่ช่วงศีรษะถึงบ่า นอนกองอยู่บนผ้าห่ม กำลังออกอาการกระสับกระส่ายคล้ายคนละเมอยามฝันร้าย
“ไม่จริง ไม่จริง อย่า...”
บิวตี้กรี๊ด ตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้น ค่อยๆได้สติ โล่งอก “เฮ้อ ฝันร้ายนี่เอง” หล่อนเอามือทาบอกอย่างโล่งใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสเปล่าเปลือยไม่มีเสื้อผ้า จึงก้มมองตัวเองตาเบิกโพลง
“ว้าย”
พรได้ยินเสียงเปิดประตูวิ่งเข้ามา
“คุณบิวตี้! คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
บิวตี้รีบเอาผ้าห่มพันตัว “ว้าย ใครให้เข้ามา ออกไป”
“แต่คุณหนูคะ คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ฉันบอกให้ออกไปไง ออกไป๊” บิวตี้คว้าหมอนขว้างปาใส่
พรออกไป บิวตี้วิ่งไปส่องกระจก พบว่าตัวเองกลายเป็นคนจริงๆ แต่มีร่องรอยฟกช้ำตามตัว
บิวตี้โล่งอก “เฮ้อ... ฝันร้ายจริงๆ ด้วยฝันว่าตัวเองกลายเป็นนก น่ากลัวเป็นบ้า” แต่เฉลียวใจเห็นรอยช้ำ “แต่ รอยช้ำพวกนี้”
บิวตี้สำรวจตัวเองอย่างละเอียด เห็นรอยขีดข่วนทั่วไปหมด ก็ตกใจ
“ไม่จริงๆๆๆ ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ” บิวตี้หวั่นใจ ทรุดตัวลงนั่งที่เตียง “หรือว่า มีคนแอบเอายาให้ฉันกิน” นึกโกรธขึ้นมาฟาดแขน แต่แล้วกลับปวดแขน “โอ๊ย...ทำไมแขนปวดขนาดนี้ เมื่อยจังเลย”
บิวตี้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พึมพำ “ทำไมถึงฝันได้วุ่นวายขนาดนี้นะ” แต่ต้องชะงักตาเหลือบไปเห็น จี้ มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ จี้ส่องประกาย พร้อมเสียง วิ๊งๆๆ
เสียงปรมะเทวีดังก้องขึ้น “เอามาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ไป”
แสงสว่างวาบที่ด้านหน้าบิวตี้ มีจี้ห้อยคอเป็นวงแก้วแบนๆ เรียบๆ ทอแสงทองวางอยู่
บิวตี้หยิบจี้มาจ้องมอง ยอมรับอย่างหดหู่ “ไม่จริงอ่ะ” แล้วหวีดร้องสุดเสียง “ไม่จิ๊งง....”
บิวตี้ขว้างจี้ไปตกที่ซอกตู้ จี้มีประกาย พร้อมเสียง วิ๊งๆๆ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำประมาณ 1 ใน 4
จี้มาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ มีเกณฑ์คือ สีดำ แสดงว่า เลว สีทองแปลว่า ดีมาก ความดีที่ค่อยๆ สะสมจะเป็นเหมือนพระจันทร์ จากเสี้ยวน้อยๆ ค่อยๆ เต็มดวง ไล่ที่สีดำจนหมดไป
ขณะนั้นภายในห้องนั่งเล่นบ้านบิวตี้ ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านอีนิวส์ เฟสบุ๊ค มีแต่ข่าวบิวตี้เมื่อคืน ตั้งวงเม้าท์กันสนุกปาก
ช่างหน้า หัวเราะ “นี่ๆ อันนี้เด็ด ไฮโซเสียศูนย์” เอารูปบิวตี้กำลังเซให้คนอื่นดู
“เฟสบุ๊คเอาไปยำต่อซะเละเลย” ช่างภาพเอารูปต่อเติมภาพบิวตี้ตลกๆ ให้คนอื่นดู
ช่างผมร้อง “ว้าย ฮะฮะฮะ อยากกดไลค์ไม่กล้า นี่ถ้าเจ้าตัวมาเห็นมีหวังวี้ดบึ้มแน่”
เลขาเข้ามา “เม้าท์เพลินเชียวนะ ไม่ทำงานทำการหรือไงยะ”
ช่างหน้าบอก “เจ้านายไม่อยู่จะให้ทำอะไรคะ แล้วทีคุณพี่ล่ะ มาทำงาน” พลางดูนาฬิกา “เกือบสิบโมง”
“รีบมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่ เจ้านายคนสวยของพวกเราเค้าเคยตื่นก่อนเที่ยงซะที่ไหน”
พรเดินผ่านมา ตะโกนสั่ง “พรขอกาแฟด้วย” แล้วทิ้งตัวลงนอนสบายๆ “เฮ้อ สบายใจ สบายหูไปได้อีกหลายชั่วโมงไม่ต้องเครียดว่าจะโดน-ดันขนาดไหน”
ช่างหน้า เห็นงาม “นั่นสิ เพี้ยง ขอให้นางหนีไปกบดานไกลๆ ซักเดือนนึง ซะทีเถิ๊ด”
“หรือไม่ก็โดนลักตัวไปเรียกค่าไถ่” ช่างภาพบอก
เลขาเสริม “ทางที่ดีให้หายตัวไปเลยดีกว่า ไม่ต้องกลับมา”
ทุกคนฮาครืนทันที
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกแหวกอากาศเข้ามา หลังฟังบริวารนินทาอยู่นานสองนาน
“พวกเธอต่างหากที่ต้องหายไป”
ทุกคนหันกลับไป เจอบิวตี้ยืนหน้าตึงเปรี๊ยะ พร้อมระเบิด ทุกคนตะลึงมือเท้าเย็น ขนแขนตั้งชัน
ทุกคนตกใจสุดขีด “คุณบิวตี้”
เลขายิ้มสู้ “คุณบิวตี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
ทุกคนมองหน้ากัน หน้าตื่นตกใจ
“คุณบิวตี้ขา คือ เมื่อตะกี้พวกเราพูดเล่น น่ะค่ะ จริงมั้ยพวกเรา”
ทุกคนพยักพเยิด
“พวกเธอไม่จริงใจกับฉันซักคน ต่อหน้าทำเป็นดี ลับหลังนินทาฉันเสียๆ หายๆ ตลอดเวลา”
เลขา ช่างผม ช่างหน้า ช่างภาพ หน้าเสีย ปฏิเสธ วิงวอน อ้อนวอน ดังขรม
“ไม่จริงค่ะ” / “เราไม่ได้ตั้งใจ” / “ยกโทษให้เราด้วย” / “ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ”
บิวตี้แผดเสียงขึ้น “หยุด! แล้วออกไป! ชั้นไล่ทุกคนออก”
ทุกคนอึ้ง เงียบ คอตก เลขาขยับตัวจะเดนออก
“เดี๋ยว” บิวตี้บอกกับเลขา “โทร.เชิญเพื่อนฉันทั้งหมดมาปาร์ตี้ เย็นนี้เลย”
เลขาดีใจ “แปลว่าไม่ไล่ออกแล้วใช่ไหมคะ”
“ทำก่อนออก แลกกับเงินเดือนก้อนสุดท้าย”
เลขาทัดทาน “แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ให้ทุกคนมาให้ได้ แล้วโทร.ไปสั่งอาหารเครื่องดื่มให้พร้อมด้วย”
“ค่ะ” เลขารับคำ
“ส่วนที่เหลือ ไปจัดเสื้อผ้าที่ฉันไม่ใช้แล้ว ลงมาวางเตรียมไว้ฉันจะบริจาค”
ทุกคนแปลกใจร้องประสานเสียง “บริจาค”
“ใช่ ฉันจะทำบุญ มีอะไรมั้ย” บิวตี้มองมาตรวัดความสัมฤทธิ์ในมือ จงใจพูดดังๆ กับจี้ “ชั้นจะทำบุญ!”
ทุกคนลนลาน แยกย้ายไปตามที่บิวตี้สั่ง พรนำทุกคนไปที่ห้องเสื้อผ้า ป้าจันแอบมองบิวตี้อย่างห่วงใย
“หิวรึยังคะ คุณบิวตี้”
บิวตี้พยักหน้าไม่ใส่ใจ ตาจ้องอยู่ที่จี้ ป้าจันค่อยๆ เดินออกไป
ฟากพักตร์พิมลเอง อ่านทั้งข่าวจากหนังสือพิมพ์ และไล่ดูโลกโชเชียลมีเดียที่ประโคมข่าว เม้าท์แตกเรื่องบิวตี้จากงานแฟชั่นเมื่อคืน แล้วหัวเราะสะใจ
“ไงล่ะ คุณหนูบิวตี้ผู้สูงส่ง ถูกคนหัวเราะเยาะกันทั้งเมือง สม!”
กรเทพอยู่ในห้องรับแขกด้วย ขยับจะอ้าปากดุลูกสาว เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ วิ่งเข้ามาสีหน้าทุกข์ตรม
“คุณกรคะช่วยพวกเราด้วยค่ะ” เลขานำทีม
กรเทพงง “มีอะไรกันเหรอ บิวตี้เป็นอะไร”
“คุณบิวตี้ไล่พวกเราออกหมดทุกคนเลยค่ะ แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ” เลขาบอก
พักตร์พิมลซึ่งฟังอยู่ หัวเราะสะใจ
“บิวตี้ไล่ออก ใครจะไปช่วยได้ ยังไม่ชินอีกเหรอ เขาไม่ได้ไล่พวกเธอออกเป็นชุดแรกหรอกนะ”
กรเทพไม่พอใจ แต่ขอจัดการเรื่องเลขากับพนักงานของบิวตี้ก่อน
บอกลูกสาวเสียงเครียด “เดี๋ยวก่อน...เอา ทีละเรื่อง คุณบิวตี้บอกหรือเปล่าว่าเมื่อคืนไปไหนมา”
“ไม่ทราบค่ะ ไม่บอกอะไรเลยค่ะ เข้าบ้านมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่ๆก็โผล่ลงมาจากชั้นบน แล้วก็ไล่พวกเราออกค่ะ” เลขาบอก
ทุกคนร้องบอกเซ็งแซ่ “ใช่ค่ะ” / “ใช่ครับ”
“แล้วเขาไล่พวกเธอออกด้วยเหตุผลอะไร”
“ไม่มีเหตุผลเลยค่ะ พวกเรามานั่งรอตั้งแต่เช้า เพราะเป็นห่วง รอว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับ พอเธอเดินลงมาจากชั้นบนก็ไล่พวกเราออกเลย” เลขาว่า
ช่างหน้า บอก “แถมยังไม่ได้ไล่ธรรมดาด้วยนะคะ ยังให้ทำงานต่ออีกงานนึงค่อยไปด้วยค่ะ”
“งานอะไร” กรเทพฉงน
“จัดปาร์ตี้ค่ะ” เลขาตอบ
“ปาร์ตี้ ปาร์ตี้อะไร”
พักตร์พิมลสอดขึ้น “แหม จัดปาร์ตี้ที่บ้าน มันเรื่องธรรมดาของแม่นั้นไม่ใช่เหรอคะ คุณพ่อจะถารายละเอียดให้มันวุ่นวายทำไม ยัยนั้นเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ...ปกติคุณพ่อก็ชอบตามใจเค้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
กรเทพเสียงดุ “แพ็ต”
พักตร์พิมลทำท่าล้อเลียนด้วยความหมั่นไส้ “บิวตี้ บิวตี้ ฮึอะไรๆ ก็บิวตี้ ทีลูกตัวเองไม่เห็นหัวเลยซักนิด พูดดีๆ ด้วยซักคำนึงมีมั้ยคะ”
พักตร์พิมลทั้งโมโห ทั้งน้อยใจเดินออกไป
กรเทพหันบอกกับเลขา “ก็จัดการให้คุณบิวตี้เค้า ดูแลให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ส่วนพวกคุณก็ใจเย็นๆ แล้วผมจะหาทางคุยกับบิวตี้ให้”
ทุกคนไหว้ขอบคุณกรเทพปลกๆ
ฟากบิวตี้นั่งให้พรนวดไหล่อยู่ในห้องรับแขก เพราะเมื่อยแขน คุยสายมือถือกับกรเทพไปด้วย
“ว่าไงค่ะ อากร”
“หนูปลอดภัยดีรึเปล่า อาได้ยินว่าเมื่อคืนหนูไม่ได้กลับบ้าน”
บิวตี้ปลดมือพรให้หยุดนวด
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บิวตี้แค่เจอเพื่อนเก่าก็เลยไปหาเค้า แต่คนอื่นตกใจเกินไปเท่านั้นเองค่ะ”
“ทีหลังก็ควรบอกคนของหนูไว้นะ อาเป็นห่วง ว่าแต่ ทำไมหนูถึงไล่พวกเค้าออกล่ะ”
บิวตี้ของขึ้น ควันออกหู โกรธจัด “นี่พวกนั้นไปฟ้องอากรเหรอคะ”
“พวกเขาเป็นคนที่อาหามาให้ดูแลหนู ก็เป็นธรรมดาที่ต้องรายงานอา พวกเขาทำผิดอะไรร้ายแรงงั้นหรือ”
“บิวตี้เกลียดคนประจบสอพลอ หน้าไหว้หลังหลอกค่ะ แค่ไล่ออกก็ดีถมไปแล้ว น่าจะโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกันนะลูก ไว้ปาร์ตี้กับเพื่อนเสร็จแล้วอาจะแวะไปหานะ”
กรเทพวางหูโทรศัพท์ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เรื่องเต็ม เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 2/2
เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 2/2
พรเดินตรวจดูความเรียบร้อยชั้นบน ผ่านมาหน้าห้องนอนบิวตี้ แปลกใจที่เห็นไฟในห้องเปิดอยู่
“เมื่อกี้ปิดไฟแล้วนี่นา หรือคุณหนูจะกลับมาแล้ว”
พรเปิดประตูเข้าไป นกบิวตี้เกาะหลบอยู่หลังม่าน พรไม่เห็น
“ไม่มีใครนิ แล้วไฟเปิดได้ไง”
“อย่าปิดไฟนะ”
พรไม่ได้ยินปิดไฟ ปิดประตู
“บ้าที่สุด ไม่เปิดก็ได้ เปิดอีกก็เจ็บหัว เจ็บปาก โอ๊ย...ทำไมมันทรมานอย่างนี้นะ”
บิวตี้คนขึ้นมานอนบนเตียง พยายามซุกตัวในผ้าห่ม
ป้าจันออกมาหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ รีบมาถามยามด้วยความเป็นห่วงบิวตี้
“นี่ คุณบิวตี้กลับมาตอนดึกๆ หรือเปล่า”
“ยังไม่เห็นเลยครับป้าจัน”
“เผลอหลับไปมั่งหรือเปล่า”
“โห ประตูล็อค ยังไงก็เข้าไม่ได้” ยามว่า
ป้าจันพึมพำ เป็นห่วง “สงสัยจะไปค้างบ้านเพื่อน แต่ทุกทีก็สั่งไว้นี่นา เฮ้อ! คุณหนูจะเป็นอะไรรึเปล่านะ”
ป้าจันครุ่นคิดอย่างกังวลใจ
ขณะเดียวกัน แลเห็นบิวตี้แค่ช่วงศีรษะถึงบ่า นอนกองอยู่บนผ้าห่ม กำลังออกอาการกระสับกระส่ายคล้ายคนละเมอยามฝันร้าย
“ไม่จริง ไม่จริง อย่า...”
บิวตี้กรี๊ด ตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้น ค่อยๆได้สติ โล่งอก “เฮ้อ ฝันร้ายนี่เอง” หล่อนเอามือทาบอกอย่างโล่งใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสเปล่าเปลือยไม่มีเสื้อผ้า จึงก้มมองตัวเองตาเบิกโพลง
“ว้าย”
พรได้ยินเสียงเปิดประตูวิ่งเข้ามา
“คุณบิวตี้! คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
บิวตี้รีบเอาผ้าห่มพันตัว “ว้าย ใครให้เข้ามา ออกไป”
“แต่คุณหนูคะ คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ฉันบอกให้ออกไปไง ออกไป๊” บิวตี้คว้าหมอนขว้างปาใส่
พรออกไป บิวตี้วิ่งไปส่องกระจก พบว่าตัวเองกลายเป็นคนจริงๆ แต่มีร่องรอยฟกช้ำตามตัว
บิวตี้โล่งอก “เฮ้อ... ฝันร้ายจริงๆ ด้วยฝันว่าตัวเองกลายเป็นนก น่ากลัวเป็นบ้า” แต่เฉลียวใจเห็นรอยช้ำ “แต่ รอยช้ำพวกนี้”
บิวตี้สำรวจตัวเองอย่างละเอียด เห็นรอยขีดข่วนทั่วไปหมด ก็ตกใจ
“ไม่จริงๆๆๆ ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ” บิวตี้หวั่นใจ ทรุดตัวลงนั่งที่เตียง “หรือว่า มีคนแอบเอายาให้ฉันกิน” นึกโกรธขึ้นมาฟาดแขน แต่แล้วกลับปวดแขน “โอ๊ย...ทำไมแขนปวดขนาดนี้ เมื่อยจังเลย”
บิวตี้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พึมพำ “ทำไมถึงฝันได้วุ่นวายขนาดนี้นะ” แต่ต้องชะงักตาเหลือบไปเห็น จี้ มาตรวัดผลสัมฤทธิ์ จี้ส่องประกาย พร้อมเสียง วิ๊งๆๆ
เสียงปรมะเทวีดังก้องขึ้น “เอามาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ไป”
แสงสว่างวาบที่ด้านหน้าบิวตี้ มีจี้ห้อยคอเป็นวงแก้วแบนๆ เรียบๆ ทอแสงทองวางอยู่
บิวตี้หยิบจี้มาจ้องมอง ยอมรับอย่างหดหู่ “ไม่จริงอ่ะ” แล้วหวีดร้องสุดเสียง “ไม่จิ๊งง....”
บิวตี้ขว้างจี้ไปตกที่ซอกตู้ จี้มีประกาย พร้อมเสียง วิ๊งๆๆ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำประมาณ 1 ใน 4
จี้มาตรวัดผลสัมฤทธิ์นี้ มีเกณฑ์คือ สีดำ แสดงว่า เลว สีทองแปลว่า ดีมาก ความดีที่ค่อยๆ สะสมจะเป็นเหมือนพระจันทร์ จากเสี้ยวน้อยๆ ค่อยๆ เต็มดวง ไล่ที่สีดำจนหมดไป
ขณะนั้นภายในห้องนั่งเล่นบ้านบิวตี้ ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านอีนิวส์ เฟสบุ๊ค มีแต่ข่าวบิวตี้เมื่อคืน ตั้งวงเม้าท์กันสนุกปาก
ช่างหน้า หัวเราะ “นี่ๆ อันนี้เด็ด ไฮโซเสียศูนย์” เอารูปบิวตี้กำลังเซให้คนอื่นดู
“เฟสบุ๊คเอาไปยำต่อซะเละเลย” ช่างภาพเอารูปต่อเติมภาพบิวตี้ตลกๆ ให้คนอื่นดู
ช่างผมร้อง “ว้าย ฮะฮะฮะ อยากกดไลค์ไม่กล้า นี่ถ้าเจ้าตัวมาเห็นมีหวังวี้ดบึ้มแน่”
เลขาเข้ามา “เม้าท์เพลินเชียวนะ ไม่ทำงานทำการหรือไงยะ”
ช่างหน้าบอก “เจ้านายไม่อยู่จะให้ทำอะไรคะ แล้วทีคุณพี่ล่ะ มาทำงาน” พลางดูนาฬิกา “เกือบสิบโมง”
“รีบมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่ เจ้านายคนสวยของพวกเราเค้าเคยตื่นก่อนเที่ยงซะที่ไหน”
พรเดินผ่านมา ตะโกนสั่ง “พรขอกาแฟด้วย” แล้วทิ้งตัวลงนอนสบายๆ “เฮ้อ สบายใจ สบายหูไปได้อีกหลายชั่วโมงไม่ต้องเครียดว่าจะโดน-ดันขนาดไหน”
ช่างหน้า เห็นงาม “นั่นสิ เพี้ยง ขอให้นางหนีไปกบดานไกลๆ ซักเดือนนึง ซะทีเถิ๊ด”
“หรือไม่ก็โดนลักตัวไปเรียกค่าไถ่” ช่างภาพบอก
เลขาเสริม “ทางที่ดีให้หายตัวไปเลยดีกว่า ไม่ต้องกลับมา”
ทุกคนฮาครืนทันที
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกแหวกอากาศเข้ามา หลังฟังบริวารนินทาอยู่นานสองนาน
“พวกเธอต่างหากที่ต้องหายไป”
ทุกคนหันกลับไป เจอบิวตี้ยืนหน้าตึงเปรี๊ยะ พร้อมระเบิด ทุกคนตะลึงมือเท้าเย็น ขนแขนตั้งชัน
ทุกคนตกใจสุดขีด “คุณบิวตี้”
เลขายิ้มสู้ “คุณบิวตี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
ทุกคนมองหน้ากัน หน้าตื่นตกใจ
“คุณบิวตี้ขา คือ เมื่อตะกี้พวกเราพูดเล่น น่ะค่ะ จริงมั้ยพวกเรา”
ทุกคนพยักพเยิด
“พวกเธอไม่จริงใจกับฉันซักคน ต่อหน้าทำเป็นดี ลับหลังนินทาฉันเสียๆ หายๆ ตลอดเวลา”
เลขา ช่างผม ช่างหน้า ช่างภาพ หน้าเสีย ปฏิเสธ วิงวอน อ้อนวอน ดังขรม
“ไม่จริงค่ะ” / “เราไม่ได้ตั้งใจ” / “ยกโทษให้เราด้วย” / “ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ”
บิวตี้แผดเสียงขึ้น “หยุด! แล้วออกไป! ชั้นไล่ทุกคนออก”
ทุกคนอึ้ง เงียบ คอตก เลขาขยับตัวจะเดนออก
“เดี๋ยว” บิวตี้บอกกับเลขา “โทร.เชิญเพื่อนฉันทั้งหมดมาปาร์ตี้ เย็นนี้เลย”
เลขาดีใจ “แปลว่าไม่ไล่ออกแล้วใช่ไหมคะ”
“ทำก่อนออก แลกกับเงินเดือนก้อนสุดท้าย”
เลขาทัดทาน “แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ให้ทุกคนมาให้ได้ แล้วโทร.ไปสั่งอาหารเครื่องดื่มให้พร้อมด้วย”
“ค่ะ” เลขารับคำ
“ส่วนที่เหลือ ไปจัดเสื้อผ้าที่ฉันไม่ใช้แล้ว ลงมาวางเตรียมไว้ฉันจะบริจาค”
ทุกคนแปลกใจร้องประสานเสียง “บริจาค”
“ใช่ ฉันจะทำบุญ มีอะไรมั้ย” บิวตี้มองมาตรวัดความสัมฤทธิ์ในมือ จงใจพูดดังๆ กับจี้ “ชั้นจะทำบุญ!”
ทุกคนลนลาน แยกย้ายไปตามที่บิวตี้สั่ง พรนำทุกคนไปที่ห้องเสื้อผ้า ป้าจันแอบมองบิวตี้อย่างห่วงใย
“หิวรึยังคะ คุณบิวตี้”
บิวตี้พยักหน้าไม่ใส่ใจ ตาจ้องอยู่ที่จี้ ป้าจันค่อยๆ เดินออกไป
ฟากพักตร์พิมลเอง อ่านทั้งข่าวจากหนังสือพิมพ์ และไล่ดูโลกโชเชียลมีเดียที่ประโคมข่าว เม้าท์แตกเรื่องบิวตี้จากงานแฟชั่นเมื่อคืน แล้วหัวเราะสะใจ
“ไงล่ะ คุณหนูบิวตี้ผู้สูงส่ง ถูกคนหัวเราะเยาะกันทั้งเมือง สม!”
กรเทพอยู่ในห้องรับแขกด้วย ขยับจะอ้าปากดุลูกสาว เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ วิ่งเข้ามาสีหน้าทุกข์ตรม
“คุณกรคะช่วยพวกเราด้วยค่ะ” เลขานำทีม
กรเทพงง “มีอะไรกันเหรอ บิวตี้เป็นอะไร”
“คุณบิวตี้ไล่พวกเราออกหมดทุกคนเลยค่ะ แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ” เลขาบอก
พักตร์พิมลซึ่งฟังอยู่ หัวเราะสะใจ
“บิวตี้ไล่ออก ใครจะไปช่วยได้ ยังไม่ชินอีกเหรอ เขาไม่ได้ไล่พวกเธอออกเป็นชุดแรกหรอกนะ”
กรเทพไม่พอใจ แต่ขอจัดการเรื่องเลขากับพนักงานของบิวตี้ก่อน
บอกลูกสาวเสียงเครียด “เดี๋ยวก่อน...เอา ทีละเรื่อง คุณบิวตี้บอกหรือเปล่าว่าเมื่อคืนไปไหนมา”
“ไม่ทราบค่ะ ไม่บอกอะไรเลยค่ะ เข้าบ้านมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่ๆก็โผล่ลงมาจากชั้นบน แล้วก็ไล่พวกเราออกค่ะ” เลขาบอก
ทุกคนร้องบอกเซ็งแซ่ “ใช่ค่ะ” / “ใช่ครับ”
“แล้วเขาไล่พวกเธอออกด้วยเหตุผลอะไร”
“ไม่มีเหตุผลเลยค่ะ พวกเรามานั่งรอตั้งแต่เช้า เพราะเป็นห่วง รอว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับ พอเธอเดินลงมาจากชั้นบนก็ไล่พวกเราออกเลย” เลขาว่า
ช่างหน้า บอก “แถมยังไม่ได้ไล่ธรรมดาด้วยนะคะ ยังให้ทำงานต่ออีกงานนึงค่อยไปด้วยค่ะ”
“งานอะไร” กรเทพฉงน
“จัดปาร์ตี้ค่ะ” เลขาตอบ
“ปาร์ตี้ ปาร์ตี้อะไร”
พักตร์พิมลสอดขึ้น “แหม จัดปาร์ตี้ที่บ้าน มันเรื่องธรรมดาของแม่นั้นไม่ใช่เหรอคะ คุณพ่อจะถารายละเอียดให้มันวุ่นวายทำไม ยัยนั้นเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ...ปกติคุณพ่อก็ชอบตามใจเค้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
กรเทพเสียงดุ “แพ็ต”
พักตร์พิมลทำท่าล้อเลียนด้วยความหมั่นไส้ “บิวตี้ บิวตี้ ฮึอะไรๆ ก็บิวตี้ ทีลูกตัวเองไม่เห็นหัวเลยซักนิด พูดดีๆ ด้วยซักคำนึงมีมั้ยคะ”
พักตร์พิมลทั้งโมโห ทั้งน้อยใจเดินออกไป
กรเทพหันบอกกับเลขา “ก็จัดการให้คุณบิวตี้เค้า ดูแลให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ส่วนพวกคุณก็ใจเย็นๆ แล้วผมจะหาทางคุยกับบิวตี้ให้”
ทุกคนไหว้ขอบคุณกรเทพปลกๆ
ฟากบิวตี้นั่งให้พรนวดไหล่อยู่ในห้องรับแขก เพราะเมื่อยแขน คุยสายมือถือกับกรเทพไปด้วย
“ว่าไงค่ะ อากร”
“หนูปลอดภัยดีรึเปล่า อาได้ยินว่าเมื่อคืนหนูไม่ได้กลับบ้าน”
บิวตี้ปลดมือพรให้หยุดนวด
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บิวตี้แค่เจอเพื่อนเก่าก็เลยไปหาเค้า แต่คนอื่นตกใจเกินไปเท่านั้นเองค่ะ”
“ทีหลังก็ควรบอกคนของหนูไว้นะ อาเป็นห่วง ว่าแต่ ทำไมหนูถึงไล่พวกเค้าออกล่ะ”
บิวตี้ของขึ้น ควันออกหู โกรธจัด “นี่พวกนั้นไปฟ้องอากรเหรอคะ”
“พวกเขาเป็นคนที่อาหามาให้ดูแลหนู ก็เป็นธรรมดาที่ต้องรายงานอา พวกเขาทำผิดอะไรร้ายแรงงั้นหรือ”
“บิวตี้เกลียดคนประจบสอพลอ หน้าไหว้หลังหลอกค่ะ แค่ไล่ออกก็ดีถมไปแล้ว น่าจะโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกันนะลูก ไว้ปาร์ตี้กับเพื่อนเสร็จแล้วอาจะแวะไปหานะ”
กรเทพวางหูโทรศัพท์ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง