สงกรานต์นี้ วางแผนกับเพื่อนๆ รวมทั้งหมดเป็น 6 คน ตะลุยลาว ออกเดินทางคืนที่ 11 จบที่เช้า 17
การเดินทางเริ่มจาก กรุงเทพ - หนองคาย - เวียงจันทน์ - วังเวียง - หลวงพระบาง
ทั้งทริปนี้ถ่ายโดนกล้องฟิล์ม PENTAX ME ใช้ฟิล์มไปสามม้วนแบบเสียวๆ ไม่พอ
เริ่มเลยดีกว่า
วันที่ 11 - 12 กรุงเทพ - หนองคาย - เวียงจันทน์
ออกจากที่ทำงานตอนบ่ายสาม เพื่อไปเอาพาสปอร์ตที่ทำไว้แต่ยังไม่ได้ สุดท้ายก็ได้มาทัน หวุดหวิดจะไม่ได้ไป
ขอข้ามมาโผล่ที่ บขส. หนองคาย หมอชิตคนเยอะมาก รถออก 20.00 เอาจริงๆรถมา 23.00 ถึงหนองคาย 14.00
หลังจากพักกินข้าวก็ลุยต่อไปด่านตรวจหนองคายเพื่อข้ามไปเวียงจันทน์
ทำเรื่องเข้าเมืองลาว
สักรูปกับสาวสวยประจำทริป
พอข้ามแดนมาถึงลาวแล้วก็หารถไปเมืองเวียงจันทรน์ ได้เป็นรถตู้คิดหัวละ 100 บาท
ถึงเวียงจันทน์ก็ใกล้ค่ำเต็มที ตอนแรกวางแผนจะอยู่เวียงจันทน์แปบนึงแล้วไปวังเวียงเลย
แต่เนื่องจากรถมาช้า บวกกับรถเยอะทำให้ถึงหนองคายช้ากว่าที่คิดไปเยอะมาก เลยต้องนอนที่นี่คืนนึง
การเดินทางครั้งนี้ไปสไตล์ Backpacker แผนวางไว้แค่วันนี้อยู่เมืองนี้ ไม่ได้หาที่พักไว้ ถึงเวลาก็เดินๆหาที่นอน สนุกดี
เวียงจันทน์ย่านที่พักเย็นนี้เงียบเหงาแปลกๆ ถามคนแถวนั้นเค้าบอกว่าคนส่วนใหญ่เดินทางไปเล่นน้ำหลวงพระบางกันหมด
ได้สักที่ที่พัก ราคาถูก
หลังจากเอาของเก็บก็ออกมาเดินเล่นริมโขงสักหน่อย ช่วงนี้น้ำน้อยเลยมีเนินทราย คนลาวเค้าก็เดินลงไปนั่งเล่นนั่งชิวกัน
ข้างๆ มีตลาดนัดให้เดิน แต่เกือบทั้งหมดขายเสื้อผ้า แถมเหมือนๆกันอีก ก่อนกลับที่พักแวะหารถที่จะนั่งเข้าวังเวียงเช้าวันพรุ่งนี้
วันที่ 13 - 14 เวียงจันทน์ - วังเวียง
ตื่นเช้าเตรียมตัวขึ้นรถไปวังเวียง แวะกินกาแฟกับปาท่องโก๋ข้างๆ วัด
รถที่ได้เค้าบอกว่าเป็น VIP Bus ทีเดียว แต่เกือบไม่รอด โค้งเยอะจนเบรคไหม้กลิ่นฟุ้งงงง
แอร์ไม่เย็น มีคนลาวเกิดอาการเกร็งในรถ ต้องหยุดรถกลางทางพาลงไปพักหายใจกันอยู่นาน
ใครจะไปวังเวียงแล้วเมารถง่าย ทำใจนะครับ ไม่รอดแน่ๆ
ถึงวังเวียงก็ตามระเบียบหาที่พักก่อนเลย ไปถามที่เจ๋งๆ สวยๆเป็นบ้านบังกะโลก็เต็มหมด
สุดท้ายมาได้บ้านแบบนอยซ์ๆ แบบโมเดินเชยๆ แทน แต่ก็ยังอยู่ติดริมแม่น้ำซอง
นั่งมองวิวภูเขา แม่น้ำ คนพายเรือคายัค เป็นโมเม้นที่ดีจริงๆ
ที่ไม่ควรพลาดเลยสำหรับที่วังเวียงคือการไปพายเรือคายัค ราคาถูก
ระยะทาง 6 กม. เรือหนึ่งลำนั่งสองคน แต่เสียดายไม่ได้เอากล้องไป
กลัวทำตกน้ำ อดถ่าย ยังเสียใจจนถึงตอนนี้
สะพานไม้ข้ามแม่น้ำซอง
พระอาทิตย์กำลังจะตก
ข้ามมาตอนเช้าหลังจากไปแด๊นฉลองสงกรานต์กับไปเป็นกองแช่งหงส์แข่งกับแมนซิตี้
เช่ามอเตอร์ไซค์ 3 คัน แว๊นไป Blue lagoon เส้นทางโหดนิดหน่อยเป็นถนนหินลูกรัง
ระหว่างทางก็มองวิวภูเขาที่ยอดมีหมอก นอกจาก blue lagoon ที่นี่ยังมีถ้ำปูคำ
อยู่บนภูเขาเดินขึ้นไปสักพักเหนื่อยใช้ได้เลย แล้วจะมีแก๊งเด็กๆ มานำเที่ยวในถ้ำ
จ่ายแค่เหนื่อยกันนิดหน่อย
น้ำสีฟ้าใสแจ๋ว ปลาเพียบ
ถ่ายกับ แก๊ง4หนุ่มน้อยก่อนเข้าถ้ำ
ทีเด็ดอีกที่สำหรับวังเวียงที่ยังไงก็ต้องไป จุดประสงค์ของการเช่ามอเตอร์ไซค์ก็เพื่อที่นี่
ถ้ำน้ำ อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองประมาณเกือบ 10 กิโล จากทางถนนหลักเปลี่ยนเป็น
หินลูกรัง คันนา ขับไม่ดีมีซวย หนึ่งในสามคันที่ไปตกคูน้ำไปเรียบร้อยฮาลั่น ดีที่ไม่เป็นอะไร ขำๆกันไป
เป็นถ้ำที่ต้องนั่งห่วงยางลอยตามเชือกเข้าไปข้างใน ทุกคนต้องเช่าไฟฉายติดหัวเข้าไปด้วย
ประทับใจที่สุดในทริปนี้เลยก็ว่าได้
วันที่ 15 - 16 วังเวียง - หลวงพระบาง
หลังจากกช่วงเช้าแว๊นไป Blue lagoon กับ ถ้ำน้ำ ก็กลับที่พักอาบน้ำเก็บของตอนบ่ายไปเช่ารถตู้ไปหลวงพระบางกันต่อ
จากวังเวียงไปหลวงพระบางทางยิ่งโค้ง แต่ฟินมากพี่คนขับบอกเป็นทางที่ทำใหม่ตัดผ่านภูเขาที่สวยมากๆ
ขับไปอยู่ดีๆ ก็มีหมอกลง วิ่งผ่านเมฆกันเลยก็ว่าได้มองอะไรแทบไม่เห็นขาวไปหมด เจ๋งสุดๆ
กว่าจะถึงหลวงพระบางใช้เวลาไปเกือบ 5 ชั่วโมง ใกล้เย็นก็หาที่พักออกไปกินข้าวเที่ยวโน่นนี่ตามภาษา
แล้วก็กลับมานอน เช้าตื่นมาก็หาอะไรกินก่อนที่จะไปเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง ซึ่งหลวงพระบางจะให้
อารมณ์เดียวกับแถวๆนิมมานเชียงใหม่ บรรยากาศดูเก่าๆ ออกเมืองๆ
หลวงพระบางเป็นเมืองอนุรักษ์ มีอาคารเก่าๆ สวยๆ วัดต่างๆ ไม่มีตึกสูง
วัดเชียงทองก็เป็นอีกวัดนึงที่ไม่ควรพลาด เก็บค่าเข้านิดหน่อย
เข้าไปเจอสาวน้อยสองคนเฝ้าประตูอยู่น่ารักดี
พักเหนื่อยกินกาแฟ Joma cafe ริมโขง
แล้วก็ถึงช่วงเวลาที่คนทั้งเมืองหลวงพระบางมารวมตัวกันเพื่อดูขบวนแห่สงกรานต์
แล้วก็เล่นน้ำกัน ที่นี่เล่นน้ำน่ารัก สาดน้ำอย่างเดียวไม่มีเล่นแป้งทาตัวแบบไทย
จะมีที่ไม่เวิคก็คือการเล่นสีเอาไปผสมน้ำ เสื้อขาวๆ กลายเป็นสีแดงเลยทีเดียว
วันที่ 16 - 17 หลวงพระบาง - เวียงจันทน์ - กรุงเทพ
ตื่นเช้าเดินทางกลับหนองคาย จากหลวงพระบางยิงยาวถึงจุดผ่านแดนที่เวียงจันทน์
ใช้บริการพี่รถตู้คันเดิมขอเบอร์แกไว้ ที่เวียงจันทน์ก็มีเล่นน้ำเหมือนที่หลวงพระบาง
โดยเฉพาะเส้นที่ต้องผ่านไปจุดผ่านแดนคนออกมาเล่นเยอะมากทั้งริมถนนและรถกระบะ
แต่ที่นี่เล่นโหดใช้ได้ เอาน้ำใส่ถุงพลาสติกปาใส่กัน
ถึงหนองคายใช้เวลาทั้งหมดไป 9 ชั่วโมง พักกินข้าวรอขึ้นรถกลับเข้า กรุงเทพต่อ
กลับถึงกรุงเทพแล้ว ใช้เวลานั่งรถเดินทางจากหลวงพระบางกลับมาทั้งหมด 24 ชั่วโมงเต็ม
จบเพียงเท่านี้ครับสำหรับการเที่ยวลาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับกล้องฟิล์ม
ขอบคุณที่ติดตาม ขอให้มีความสุข สบายดีปีใหม่ลาว และสวัสดีปีใหม่ไทยครับ
[CR] เวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบางกับกล้องฟิล์มและสงกรานต์
การเดินทางเริ่มจาก กรุงเทพ - หนองคาย - เวียงจันทน์ - วังเวียง - หลวงพระบาง
ทั้งทริปนี้ถ่ายโดนกล้องฟิล์ม PENTAX ME ใช้ฟิล์มไปสามม้วนแบบเสียวๆ ไม่พอ
เริ่มเลยดีกว่า
วันที่ 11 - 12 กรุงเทพ - หนองคาย - เวียงจันทน์
ออกจากที่ทำงานตอนบ่ายสาม เพื่อไปเอาพาสปอร์ตที่ทำไว้แต่ยังไม่ได้ สุดท้ายก็ได้มาทัน หวุดหวิดจะไม่ได้ไป
ขอข้ามมาโผล่ที่ บขส. หนองคาย หมอชิตคนเยอะมาก รถออก 20.00 เอาจริงๆรถมา 23.00 ถึงหนองคาย 14.00
หลังจากพักกินข้าวก็ลุยต่อไปด่านตรวจหนองคายเพื่อข้ามไปเวียงจันทน์
ทำเรื่องเข้าเมืองลาว
สักรูปกับสาวสวยประจำทริป
พอข้ามแดนมาถึงลาวแล้วก็หารถไปเมืองเวียงจันทรน์ ได้เป็นรถตู้คิดหัวละ 100 บาท
ถึงเวียงจันทน์ก็ใกล้ค่ำเต็มที ตอนแรกวางแผนจะอยู่เวียงจันทน์แปบนึงแล้วไปวังเวียงเลย
แต่เนื่องจากรถมาช้า บวกกับรถเยอะทำให้ถึงหนองคายช้ากว่าที่คิดไปเยอะมาก เลยต้องนอนที่นี่คืนนึง
การเดินทางครั้งนี้ไปสไตล์ Backpacker แผนวางไว้แค่วันนี้อยู่เมืองนี้ ไม่ได้หาที่พักไว้ ถึงเวลาก็เดินๆหาที่นอน สนุกดี
เวียงจันทน์ย่านที่พักเย็นนี้เงียบเหงาแปลกๆ ถามคนแถวนั้นเค้าบอกว่าคนส่วนใหญ่เดินทางไปเล่นน้ำหลวงพระบางกันหมด
ได้สักที่ที่พัก ราคาถูก
หลังจากเอาของเก็บก็ออกมาเดินเล่นริมโขงสักหน่อย ช่วงนี้น้ำน้อยเลยมีเนินทราย คนลาวเค้าก็เดินลงไปนั่งเล่นนั่งชิวกัน
ข้างๆ มีตลาดนัดให้เดิน แต่เกือบทั้งหมดขายเสื้อผ้า แถมเหมือนๆกันอีก ก่อนกลับที่พักแวะหารถที่จะนั่งเข้าวังเวียงเช้าวันพรุ่งนี้
วันที่ 13 - 14 เวียงจันทน์ - วังเวียง
ตื่นเช้าเตรียมตัวขึ้นรถไปวังเวียง แวะกินกาแฟกับปาท่องโก๋ข้างๆ วัด
รถที่ได้เค้าบอกว่าเป็น VIP Bus ทีเดียว แต่เกือบไม่รอด โค้งเยอะจนเบรคไหม้กลิ่นฟุ้งงงง
แอร์ไม่เย็น มีคนลาวเกิดอาการเกร็งในรถ ต้องหยุดรถกลางทางพาลงไปพักหายใจกันอยู่นาน
ใครจะไปวังเวียงแล้วเมารถง่าย ทำใจนะครับ ไม่รอดแน่ๆ
ถึงวังเวียงก็ตามระเบียบหาที่พักก่อนเลย ไปถามที่เจ๋งๆ สวยๆเป็นบ้านบังกะโลก็เต็มหมด
สุดท้ายมาได้บ้านแบบนอยซ์ๆ แบบโมเดินเชยๆ แทน แต่ก็ยังอยู่ติดริมแม่น้ำซอง
นั่งมองวิวภูเขา แม่น้ำ คนพายเรือคายัค เป็นโมเม้นที่ดีจริงๆ
ที่ไม่ควรพลาดเลยสำหรับที่วังเวียงคือการไปพายเรือคายัค ราคาถูก
ระยะทาง 6 กม. เรือหนึ่งลำนั่งสองคน แต่เสียดายไม่ได้เอากล้องไป
กลัวทำตกน้ำ อดถ่าย ยังเสียใจจนถึงตอนนี้
สะพานไม้ข้ามแม่น้ำซอง
พระอาทิตย์กำลังจะตก
ข้ามมาตอนเช้าหลังจากไปแด๊นฉลองสงกรานต์กับไปเป็นกองแช่งหงส์แข่งกับแมนซิตี้
เช่ามอเตอร์ไซค์ 3 คัน แว๊นไป Blue lagoon เส้นทางโหดนิดหน่อยเป็นถนนหินลูกรัง
ระหว่างทางก็มองวิวภูเขาที่ยอดมีหมอก นอกจาก blue lagoon ที่นี่ยังมีถ้ำปูคำ
อยู่บนภูเขาเดินขึ้นไปสักพักเหนื่อยใช้ได้เลย แล้วจะมีแก๊งเด็กๆ มานำเที่ยวในถ้ำ
จ่ายแค่เหนื่อยกันนิดหน่อย
น้ำสีฟ้าใสแจ๋ว ปลาเพียบ
ถ่ายกับ แก๊ง4หนุ่มน้อยก่อนเข้าถ้ำ
ทีเด็ดอีกที่สำหรับวังเวียงที่ยังไงก็ต้องไป จุดประสงค์ของการเช่ามอเตอร์ไซค์ก็เพื่อที่นี่
ถ้ำน้ำ อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองประมาณเกือบ 10 กิโล จากทางถนนหลักเปลี่ยนเป็น
หินลูกรัง คันนา ขับไม่ดีมีซวย หนึ่งในสามคันที่ไปตกคูน้ำไปเรียบร้อยฮาลั่น ดีที่ไม่เป็นอะไร ขำๆกันไป
เป็นถ้ำที่ต้องนั่งห่วงยางลอยตามเชือกเข้าไปข้างใน ทุกคนต้องเช่าไฟฉายติดหัวเข้าไปด้วย
ประทับใจที่สุดในทริปนี้เลยก็ว่าได้
วันที่ 15 - 16 วังเวียง - หลวงพระบาง
หลังจากกช่วงเช้าแว๊นไป Blue lagoon กับ ถ้ำน้ำ ก็กลับที่พักอาบน้ำเก็บของตอนบ่ายไปเช่ารถตู้ไปหลวงพระบางกันต่อ
จากวังเวียงไปหลวงพระบางทางยิ่งโค้ง แต่ฟินมากพี่คนขับบอกเป็นทางที่ทำใหม่ตัดผ่านภูเขาที่สวยมากๆ
ขับไปอยู่ดีๆ ก็มีหมอกลง วิ่งผ่านเมฆกันเลยก็ว่าได้มองอะไรแทบไม่เห็นขาวไปหมด เจ๋งสุดๆ
กว่าจะถึงหลวงพระบางใช้เวลาไปเกือบ 5 ชั่วโมง ใกล้เย็นก็หาที่พักออกไปกินข้าวเที่ยวโน่นนี่ตามภาษา
แล้วก็กลับมานอน เช้าตื่นมาก็หาอะไรกินก่อนที่จะไปเช่าจักรยานปั่นรอบเมือง ซึ่งหลวงพระบางจะให้
อารมณ์เดียวกับแถวๆนิมมานเชียงใหม่ บรรยากาศดูเก่าๆ ออกเมืองๆ
หลวงพระบางเป็นเมืองอนุรักษ์ มีอาคารเก่าๆ สวยๆ วัดต่างๆ ไม่มีตึกสูง
วัดเชียงทองก็เป็นอีกวัดนึงที่ไม่ควรพลาด เก็บค่าเข้านิดหน่อย
เข้าไปเจอสาวน้อยสองคนเฝ้าประตูอยู่น่ารักดี
พักเหนื่อยกินกาแฟ Joma cafe ริมโขง
แล้วก็ถึงช่วงเวลาที่คนทั้งเมืองหลวงพระบางมารวมตัวกันเพื่อดูขบวนแห่สงกรานต์
แล้วก็เล่นน้ำกัน ที่นี่เล่นน้ำน่ารัก สาดน้ำอย่างเดียวไม่มีเล่นแป้งทาตัวแบบไทย
จะมีที่ไม่เวิคก็คือการเล่นสีเอาไปผสมน้ำ เสื้อขาวๆ กลายเป็นสีแดงเลยทีเดียว
วันที่ 16 - 17 หลวงพระบาง - เวียงจันทน์ - กรุงเทพ
ตื่นเช้าเดินทางกลับหนองคาย จากหลวงพระบางยิงยาวถึงจุดผ่านแดนที่เวียงจันทน์
ใช้บริการพี่รถตู้คันเดิมขอเบอร์แกไว้ ที่เวียงจันทน์ก็มีเล่นน้ำเหมือนที่หลวงพระบาง
โดยเฉพาะเส้นที่ต้องผ่านไปจุดผ่านแดนคนออกมาเล่นเยอะมากทั้งริมถนนและรถกระบะ
แต่ที่นี่เล่นโหดใช้ได้ เอาน้ำใส่ถุงพลาสติกปาใส่กัน
ถึงหนองคายใช้เวลาทั้งหมดไป 9 ชั่วโมง พักกินข้าวรอขึ้นรถกลับเข้า กรุงเทพต่อ
กลับถึงกรุงเทพแล้ว ใช้เวลานั่งรถเดินทางจากหลวงพระบางกลับมาทั้งหมด 24 ชั่วโมงเต็ม
จบเพียงเท่านี้ครับสำหรับการเที่ยวลาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับกล้องฟิล์ม
ขอบคุณที่ติดตาม ขอให้มีความสุข สบายดีปีใหม่ลาว และสวัสดีปีใหม่ไทยครับ