ระวัง บริษัท ประกันภัย โกงเงินหน้าด้านๆ สู้มันคร่ะ!!

ลำดับเหตุการณ์ค่ะ

เมื่อวันที่ 25  กุมภาพันธ์ 2557

1.ตัวแทนโทรมาเสนอประกันทางโทรศัพท์ เรียกว่า safety care ของเมืองไทยประกันภัย

2.ดิฉันต้องการเอกสารที่มีรายละเอียดกรมธรรม์เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อน ดิฉันจึงร้องขอให้ตัวแทนส่งรายละเอียดมาทาง Email

3. ตัวแทนชี้แจงว่า บริษัทไม่มีนโยบายส่งเอกสารข้อมูลกรรมธรรม์ผ่านทาง Email  ตัวแทนจึงยื่นขอเสนอจะทำเอกสารส่งมาให้ โดยขอข้อมูลส่วนตัวของดิฉันและคู่สมรส ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด อาชีพทั้งของดิฉันและคู่สมรส  เพื่อดำเนินการออกเอกสาร และส่งมาให้ดิฉันพิจารณาที่บ้าน

4.ทางตัวแทนได้มีการขอข้อมูลเลข 4 ตัวท้ายของบัตรเดบิตของดิฉัน โดยอ้างว่าเพื่อตรวจสอบว่าดิฉันเป็นลูกค้า visa จริงหรือไม่ (ตัวแทนแจ้งว่ากรรมธรรม์ที่เสนอนี้เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าบัตร VISA เท่านั้น) และยืนยันว่าการได้ข้อมูลเลข 4 ตัวดังกล่าวจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆได้ ขอให้ดิฉันไม่ต้องกังวล

5. หลังจากดิฉันให้ข้อมูลแล้ว ก่อนจะวางโทรศัพท์ ตัวแทนได้โน้มน้าวให้พูดคำว่า "ตกลงเข้าร่วมโครงการ" โดยแจ้งว่าเพื่อให้ทางตัวแทนสามารถส่งเอกสารกรมธรรม์มาให้ดิฉันพิจารณาก่อนได้  ทางดิฉันได้สอบถามย้ำอีกครั้งว่าดิฉันยังไม่ต้องเสียเงินใดๆ ถูกต้องหรือไม่ การส่งเอกสารมาครั้งนี้ เพียงเพื่อให้ดิฉันได้อ่านรายละเอียดและตัดสินใจเท่านั้นว่าต้องการสมัครกรมธรรม์นี้หรือไม่ ซึ่งถ้าดิฉันสนใจก็จะเซ็นต์สัญญาและส่งกลับไปให้ทางบริษัทดำเนินการต่อไป ทางตัวแทนแจ้งว่าถูกต้อง

6. ดิฉันโทรไปเชคกะธนาคารกสิกรเลย  ทำไมประกันภัยถึงได้ชื่อของเรา และรู้เลขที่บัตร  รู้ว่าเราเป็นลูกค้าที่ถือบัตรวีซ่า ทางกสิกรชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายให้ชื่อลูกค้าแน่นอน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันกับเมืองไทยประกันภัย และยืนยันว่า การได้เลข 4 ตัวหลังไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆได้ ดิฉันจึงคิดว่ายังไงเงินไม่โดนหักไปแน่นอน


จากนั้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557

1. ดิฉันพึ่งได้อ่านรายละเอียดในเอกสาร และ ตัดสินใจว่าไม่สนใจในกรมธรรม์นี้ และด้วยมารยาทดิฉันจึงโทรไปแจ้งกับทางบริษัทว่าไม่สนใจและขอบคุณสำหรับเอกสาร โดยโทรผ่าน Call center จึงได้รู้ว่า เบี้ยประกันได้ถูกตัดจากบัญชีของดิฉันไปแล้ว 2 งวด เป็นจำนวนเงิน 1,041x2 = 2,082 บาท

2. ดิฉันแปลกใจมาก จึงทักท้วงไปว่า จะตัดเงินจากบัญชีดิฉันได้อย่างไร ในเมื่อดิฉันยังไม่ได้ตอบรับเอกสารกรมธรรม์กลับไปที่บริษัทเลย เอกสารยังไม่ถูกเซ็นต์ ยังอยู่ในมือดิฉันอยู่เลย ทาง Call center แจ้งว่าทางระบบได้ตัดไปแล้ว โดยยึดถือเอาคำว่า "ตกลงเข้าร่วมโครงการ" ที่ลูกค้าพูดกับตัวแทนในวันที่ 25 มีนาคม 2557 เป็นหลักฐานว่าตอบรับกรมธรรม์นี้แล้ว ซึ่งดิฉันตกใจมาก เพราะคำว่า "ตกลงเข้าร่วมโครงการ" ที่ดิฉันพูดนั้น ก็เพราะตัวแทนบอกว่าเพื่อจะสามารถส่งเอกสารมาให้ดิฉันอ่านได้แค่นั้น จะไม่มีการหักเงินใดๆทั้งสิ้น




**ประเด็นก็คือ**
บริบทของการสนทนากันระหว่างดิฉันกับตัวแทนนั้น มีความหมายโดยรวมว่า ดิฉันยังไม่ทำประกันใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะได้อ่านรายละเอียด และเซ็นต์ตอบรับกลับไปยังบริษัทเท่านั้น คำว่า"ตกลง"นั้นเพียงเพื่อให้บริษัทส่งเอกสารมาให้อ่าน  แต่.... บริษัทกลับละเลยบริบททั้งหมด เอาเพียงแต่คำว่า "ตกลง" เพียงคำเดียวมาตัดสินเรื่องทั้งหมด ซึ่งมันขัดกับเจตนาของการสนทนาอย่างสิ้นเชิง และไม่เป็นธรรม แบบนี้น่าจะเรียกว่าโกงหน้าด้านๆอยู่นะ

ในประเด็นดิฉันได้ร้องขอคลิปเสียงการสนทนาดังกล่าวไปแล้ว แต่บริษัทขอเวลาหาคลิปเสียงเป็นเวลา 1-2 วัน และยังบอกดิฉันอีกด้วยว่า คลิปเสียงนี้ไม่ส่งให้ดิฉันนะ แต่จะมาเปิดฟังพร้อมๆกันเพียงเท่านั้น และสงสัยตรงไหนก้อถามเอา เอาก็เอาค่ะ เปิดฟังมันก็จะได้รู้ว่าบริบทมันเป็นยังไง ก้อจะได้รู้ว่าโกงแบบหน้าด้านเป็นแบบนี้นะเออ

จากนั้นดิฉันได้โทรไปยังเบอร์โต๊ะของตัวแทนคนนี้ แต่น่าเสียดาย ที่เป็นเวลา 17.30 น.แล้ว ไม่มีใครรับโทรศัพท์ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ พรุ่งนี้เสียงโทรศัพท์เสียงแรกที่ดังบนโต๊ะของตัวแทนคนนี้ จะต้องมันส์แน่นอนค่ะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง


ตอนนี้ดิฉันได้ทำการร้องเรียนไปยัง คปภ. แล้วดังนี้

1. การที่ตัวแทนให้ข้อมูลไม่ครบแก่ดิฉัน ในสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการตอบว่า "ตกลงเข้าร่วมโครงการ" นั้นจะเป็นการตอบรับกรมธรรม์ดังกล่าวโดยอัตโนมัติและมีผลให้เก็บเงินค่าเบี้ยประกันตัดบัญชีธนาคารได้ทันที การกระทำของตัวแทนนั้นถือว่าเข้าข่าย ฉ้อฉล หลอกลวง ฉ้อโกง หรือไม่ และดิฉันมีสิทธิฟ้องร้อง หรือกระทำการใดๆเพื่อปกป้องสิทธิของดิฉันได้อย่างไรบ้าง

2. ขอร้องเรียนถึงธนาคาร กสิกร การหักเงินโดยไม่ได้รับความยินยอมและไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่าจะให้หักเงินจากบัญชีได้ มันทำได้อย่างไรค่ะ  กสิกรต้องมีคำตอบค่ะ รบกวนคุณ K888 มาตอบหน่อยค่ะ
ปล. ความเชื่อถือไว้ใจให้กสิกรดูแลเงินมันหมดไปแล้วนะคะ คงจะต้องถอนเงินออก เพราะแค่ตัวเลข4 ตัวหลังในบัตรเดบิต สามารถหักเงินได้แล้ว ความปลอดภัยเรียกว่าเป็นศูนย์

ดิฉันก็ไม่รู้นะคะว่าเรื่องนี้จะจบยังไง เงิน 2,082 บาทนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกค่ะ แต่ที่มีปัญหาแน่ๆคือการทำธุรกิจแบบนี้กับทั้งบริษัทประกัน ตัวแทนและธนาคารมันใช้ได้ที่ไหนอ่ะคะ  เราไม่ได้ยี้ที่คุณมาขายประกัน เราฟังคุณ ให้เกียรติคุณ ถ้าของมันดี เราก้อซื้ออยู่แล้ว จะกลัวอะไร แค่ผู้บริโภคอยากจะอ่านก่อน  แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา มันอาศัยช่องว่าง  ตอบไม่ตรงคำถาม และ บิดเบือน ตัวแทนแบบนี้มันควรจะหมดไปซะทีค่ะ  แบบนี้ดิฉันจะสู้เท่าที่สู้ได้ ทำเท่าที่ทำได้ เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างอีกหนึ่งกรณี แล้วถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร จะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันนะคะ ...... สู้มันค่ะทุกคนนนนนน
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
ข้อสังเกต  

6. ดิฉันโทรไปเชคกะธนาคารกสิกรเลย  ทำไมประกันภัยถึงได้ชื่อของเรา และรู้เลขที่บัตร  รู้ว่าเราเป็นลูกค้าที่ถือบัตรวีซ่า ทางกสิกรชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายให้ชื่อลูกค้าแน่นอน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันกับเมืองไทยประกันภัย และยืนยันว่า การได้เลข 4 ตัวหลังไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆได้ ดิฉันจึงคิดว่ายังไงเงินไม่โดนหักไปแน่นอน

ปล.แก้ไขข้อมูล ให้เป็นลิงค์ไปดูเองแล้วกัน เพราะเป็นข้อมูลเผยแพร่ทั่วไปอยู่แล้ว

ธนาคารกสิกรไทย
http://www.kasikornbank.com/TH/AboutUs/BoardOfDirectors/Pages/CEO.aspx

เมืองไทยประกันชีวิต
http://www.muangthai.co.th/webmtl/Default.aspx?tabid=712

เมืองไทยประกันภัย
http://www.muangthaiinsurance.com/about_us_board.htm
ความคิดเห็นที่ 71
ขออัพเดทค่ะ
หลังจากที่ ยื่นเรื่องขอฟังคลิปเสียง และนัดกันกับพนักงานบริการหลังการขายว่า จะคุยกันวันจันทร์

แต่วันนี้ผู้บริหารส่วนจัดการข้อร้องเรียนโทรมาหาแทน. เพื่อบอกว่า ได้ทราบเรื่องจากพันทิบ   จึงทำการตรวจสอบคลิปเสียง และยอมรับว่าทางตัวแทนขาย ทำผิดจจริง.
ได้กล่าวขอโทษ พร้อมกับคืนเงินเตมจำนวน และสั่งพักงานตัวแทนขายแล้ว
(รู้ได้ไงหว่าาา ว่าเหตุการณ์นี้เปนเรื่องของคนชื่อนี้ ชื่อก็ไม่ได้บอก ไม่ได้บอกทางประกันด้วยว่าเอามาโพสที่นี้)

แต่เคยพลาดแล้วไม่อยากพลาดอีก....

จึงขอให้เค้ารับผิดชอบและตอบคำถามมา 4 เรื่อง
1. ชี้แจงว่า สั่งพักงานตัวแทนจริง โดยส่งเอกสารพักงานตัวแทนขายมาให้ทางอีเมล
2. คืนเงินเตมจำนวน พร้อม หลักฐานว่าคืนแล้ว (เค้าบอกว่าจะส่งเปนsmsแจ้ง เมื่อคืนเงินแล้ว เงินจะได้วันพุธนี้)
3. ขอให้ทางบริษัทช่วยชี้แจงวิธีแก้ไข ป้องกัน เพื่อไม่ให้ตัวแทนทำเรื่องแบบนี้อีก ในอนาคต
4. หาคำตอบให้ได้ว่า ได้ข้อมูลว่าเรามาได้อย่างไร (บริษัทชี้แจ้งเบื้องต้นว่า ลูกค้าอาจเคยลงชื่อร่วมโครงการของทางเมืองไทยประกันภัยตามงานอีเวนท์ แต่ดิฉันก้อตอบกลับว่าไม่เคยแน่นอน)

ดิฉันจึงถามกลับว่า คุณ มีอะไรจะขอดิฉันกลับมั้ย?
ทางนั้นตอบว่า ขอให้ดิฉันช่วยเอากระทู้ออก

ดิฉันจึงตอบว่า น่าจะดีกว่า ถ้าทางคุณทำตามให้ได้ทั้ง4ข้อ แล้วดิฉันจะมาโพสชี้แจงว่าคุณรับผิดชอบแล้ว อย่างไรบ้าง ซึ่งก้อดีต่อทุกฝ่าย
ดิฉันจะไม่ลบกระทู้ออก เพราะดิฉันต้องการ ให้เป็นประสบการณ์ บทเรียน และแนวทางต่อสู้ ไม่ได้มาโพสเพื่อขอเงินคืนแล้วจบไป. ไม่ได้เปนคู่แข่งมาดิสเครดิตด้วย


ต้องขอขอบคุณพันทิบและคอมเม้นทุกอัน มันเป็นเหมือนพลังเสียงเล็กที่ช่วยกันสู้
ได้คำตอบจากบริษัทเมื่อไร จะมาโพสให้ได้อ่านกันค่ะ ยิ้ม
ความคิดเห็นที่ 18
ผมแนะนำครับว่า พอพวกเสนอประกันบอกให้ตอบตกลง หรือเข้าโครงการ ให้ตอบไปเลยครับว่า
ไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่อยากส่งข้อมูลเอกสารใดๆ ก็ไม่ต้องทำประกัน ขอทำประกันกับบริษัท
ที่ส่งเอกสารให้โดยไม่มีข้อแม้ดีกว่า มาแบบนี้มันกลิ่นตุๆครับ แววของความไม่จริงใจ แววของการ
บริการหลังการขายมันมาไม่ดี

ถ้าฟ้องร้องกันจริงๆ ผมว่าศาลเขาไม่ดูแค่คำว่า ตอบตกลงหรือเข้าโครงการหรอกครับ เขาดูบริบทอื่นๆ
ในการสนทนาด้วย

ผมอ่านดูก็รู้ว่าใครผิดใครถูก ใครหมกเม็ดอะไรไว้ ผมไม่เข้าใจว่าผู้บริหารไม่เคยอ่านหนังสือหรือเรียนจิตวิทยา
หรืออย่างไร ถึงให้มีการขายประกันในรูปแบบนี้ ไม่ได้ใจแล้วยังไม่ยั่งยืนด้วย ผมว่าพนักงานขายประกันจะไม่กล้า
เสนอขายด้วยกลวิธีแบบนี้ถ้าไม่ได้รับการเทรนมา หรือเปิดไฟเขียว ทำแบบนี้นอกจากจะได้รับความไม่ไว้วางใจ
ในการทำประกัน ผมว่ามันจะลามไปถึงการทำธุรกรรมอื่นๆด้วย

โดยส่วนตัวผมไม่นิยมทำประกันกับธนาคารอยู่แล้ว ให้ยกตัวอย่างง่ายๆครับ ถ้าคอมพิวเตอร์ผมเสียผมจะยกคอม
ผมไปธนาคารหรือไปร้านซ่อมคอม แน่นอนผมไปร้านซ่อมคอม ฉันใดฉันนั้นถ้าผมจะทำประกันผมก็จะทำกับบริษัท
ประกันโดยตรงครับ ไม่ทำกับคนที่มีงานหน้าเคาเตอร์เป็นงานอื่นหรอกครับ พอขายประกันได้แล้วเขาจะมีเวลาอะไร
มาดูแลเราในเมื่อเขามีงานประจำอยู่แล้ว อย่างผมทำประกันกับบริษัทหนึ่ง บริการดีปีใหม่มีขนมมาให้ ได้เบี้ยประกัน
(ไม่รู้ใช้คำพูดถูกรึเปล่า)ก็มาถามทุกครั้งว่าจะเอาหรือทบกับเงินต้น

เป็นกำลังใจให้จขกท.ครับ สุดท้ายอยากบอกว่า ไม่ว่าบริษัทของคุณจะต้องชดใช้ความเสียหายบางส่วนหรือทั้งหมดก็
ตาม แต่ลูกค้าเขาจะดูว่าคุณรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่การตอบสนองของคุณ
ความคิดเห็นที่ 1
สนับสนุนครับ

มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยครับ เกลียดมากๆ

ที่เคยเจอเมื่อนานมาแล้ว
ผมจะถามย้ำทุกครั้งที่เขาพูดไม่ครับ เช่น

ตกลงเลยนะครับ - ตกลงเรื่องอะไรครับ
ตกลงเข้าร่วมโครงการนะครับ - โครงการอะไรครับ มันเป้นยังไง ประโยชน์ละ

เคยถามจนเขาเปลี่ยนคนคุย ที่ประสบการณ์มากกว่า สุดท้ายตัดบทไปเพราะผมพูด+ถามวนไปวนมา (ก็เขาพูดไม่เคลียร์ มันตีความได้หลายอย่างนี่) สุดท้ายเขาก็ตีดบทวางไป กระมาณเสียเวลาอะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่