ต่อจากกระทู้กินเด็ก s/e/x คือการยกระดับความสัมพันธ์ จริงไหมหนอ

ต่อจาก http://ppantip.com/topic/31854768
นะคะ คือมีเพื่อนๆถามมาหลังไมค์ค่อนข้างเยอะอยู่ว่าต่อจากนั้นเรากับน้องคนนั้นจะเป็นยังไงต่อความสัมพันธ์จะเป้นยังไงต่อนะ
ก้อคือหลังจากที่เรามีอะไรกับน้องเค้าแล้วที่ดูเปลี่ยนๆไปก้อมี จขกทนี่แหละจากที่เคยเฉยๆๆกับน้องเค้าก้อมีคิดถึงเค้าบ่อยขึ้นจากเมื่อก่อนไม่เคยเลยนะคะเพราะเจอกันทุกเย้นอยุ่แล้วนั่งทำงานอยุ่ก้อมีอารมณ์โรแมนติค คิดถึง บ้างโลกกำลังเป็นสีชมพู(แต่ไม่ได้รักนะคะแค่หวั่นไหว)
ส่วนน้องก้อจะแบบถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้นจะกอดจะหอมบ่อยแบบไม่บอกก่อนเพราะก่อนมีอะไรกันถ้าน้องจะกอดเค้าจะบอกก่อนเช่นขอกอดหน่อยสิจะกลับแล้ว อะไรประมาณนี้ส่วนเรื่องมีอะไรกันอีกอันนี้ จขกทได้รับการเตือนมาหลายคอมเมนท์มาก คือ ห้ามตามใจน้องที่แบบจะขอมีอะไรกันบ่อยแค่ไหนก้อได้คือจะทำให้เรากลายเป็นของตายคือหลังจากนั้นน้องขอทุกวัน เราก้อปฏิเสธตลอด(เพราะได้รับการเทรนมาดีแต่ในใจพร้อมจะตาย) น้องเค้าก้อ ไมอ่ะ ทำไมอ่ะ เพราะไรอ่ะ เราก้อเหนื่อย มั่ง อ้างกลัวข้างบ้านได้ยินมั่ง อะไรมั่ง น้องเค้าก้องอนเป้นช้อนหอยเลย แต่มันก้อมาหาทุกวันนะมึนได้อีก แต่พอก่อนที่น้องเค้าจะไปตจวตอนสงกรานนี่ เค้ามาหา พอมาถึง เราปิดประตูปุ๊ป ยังไม่ทันหลังมา น้องใส่ไม่ยั่งเลยค่ะ เราก้อเฮ้ยๆๆๆๆ ตกใจหงายท้องหงายไส้ กระโปรงทำงานขาดดังแควกกกกก(ดีนะ199) ล้วงประโปรง ยุกยิก ๆๆ สักพักเราก้อคิดในใจ เอาก้อเอา พอสักพักเค้าก้อหยุดไปเฉยๆๆ เราก้ออ้าวไมอ่ะ(ตอนนั้นเราก้อเต็มที่แล้ว)หยุดทำไม น้องเค้าบอกว่าไงรุไหมค่ะ เค้าบอกว่า ขอเค้าสิ ดูมันสิ ดูมันทำกับฉานได้ เราก้อเฮ้ย อะไรเค้าก้อเข้ามายุกยิก กระจุ๊กกระจุ๋ย แต่ไม่ทำจนกว่าเราจะขอ
สรุปยังไงล่ะคะ คือแพ้คะ ต้องร้องขอ แล้วเค้าก้อบอกว่าเป็นยังไง รู้ไหมว่ามันทรมานนะ จะได้รู้ซะบ้าง อีนี่ แค้นฝังหุ่นจริงๆ
หลังจากนั้นน้องกล้องกลับตจวกลับครอบครัว เราก้อกลับ  ตอนนี้น้องมี โมเม้นต์น่ารักๆๆ คือเราอยุ่ นครสวรรค์ น้องอยู่ที่พะเยา คือมันเป็นทางผ้านที่จะกลับกทม แต่มันไกลกันมากๆๆๆๆ วันที่ 14 มาเซอร์ไพรซ์เรา
ที่ นว แบบเค้าโทรมาบอกว่าทายสิตอนนี้เขาอยุ่ไหน เค้าอยุ่ ที่B(ห้างแห่งหนึ่ง)ทคอนหวันนะ เชื่อป่ะ แบบเค้าไม่บอกเราเลยทั้งที่คุยโทรสับกันแทบตลอดเวลา เราก้อฮึ่ย จิงดิ แก้โม้ป่าว เค้าก้อว่าจริงให้เรามาที่ B เชื่อป่ะ ตอนที่เราเก็นน้องเค้ายืนรอหน้าB เราแบบเป็นอะไรที่ อืมตื้นตันอ่ะ ซึ้งด้วย น้ำตาจิไหล
(เป็นเอามากนะกรู) เราก้อถาม มาไมอ่ะ เค้าก้อว่ามาขับรถให้เห็นว่าไม่ค่อยสบาย ไม่ใช่หรอ(ที่จริงตูตอหลีอ้อนเมิงไปงั้นแหละ) เราก้อพาน้องเค้าไปเช่า รร นอน(พาไปบ้านไม่ได้อ่ะ ขอโทษนะ) แล้วพรุ่งนี้ก้อขับรถกลับ กทม น้องเค้าขับให้แต่ต้องคอยผลัดเพราะเค้ายังไม่มีใบขับขี่  
ก้อรุ้นะว่าอนาคตมันคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ตอนนี้ขอมีความสุขกับปัจจุบันก่อนแล้วกัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
ได้เคยบอกแล้วว่า ตัวเองมองโลกในแง่ร้าย แต่มองตามความเป็นจริง ซึ่งพอวิจารณ์ไปแล้ว เจ้าของกระทู้อาจจะไม่ชอบ

ก่อนหน้านี้ ที่คุณบอกว่า ตัวเองอายุสามสิบกว่าแล้ว มีวุฒิภาวะ พร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่ง

ขอบอกเลยว่า มันดูไม่เหมือนจะเป็นเช่นนั้นเลย เพราะผลลัพธ์ของมัน อาจจะเผยออกมาในไม่ช้า ซึ่งคุณเอง ก็แสดงความหวาดหวั่น อย่างอ่อนวุฒิภาวะ เพราะไม่พร้อมยอมรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ตามที่พูด

ถ้าคุณคิดว่า มันเป็นแค่ เรื่องของคนสองคนจริง ทำไมคุณจะต้องกลัวว่า แม่ของเด็กชายคนนี้จะรู้ หรือชาวบ้านในละแวกนั้นจะรู้ ก็เพราะคุณอยากให้มันเป็นความลับใช่หรือไม่ ? ทำไมจึงอยากให้มันเป็นความลับ ? ก็เพราะคุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ มันไม่ปกติใช่หรือไม่ ? ซึ่งย่อมสะท้อนให้เห็นว่า มันไม่ใช่เรื่องความรักอันสดใสอะไร อย่างที่พยายามบอกตัวเอง ซึ่งกลายเป็นการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง

ส่วนที่มองว่าเด็กคนนี้สดใส จริงใจ (?) ก็เห็นแล้วว่า เด็กกำลังโกหกเอาตัวรอดกับแม่ของตัวเอง และถ้าเด็กยอมโกหกต่อไป ก็อาจหมายความว่า เด็กไม่อยากเสียความสัมพันธ์ ที่จะได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าตน ซึ่งเป็นความฝัน ปรุงแต่ง ที่ผู้ชายรับจากสื่อกามารมณ์ (MILF) ที่สำคัญ หากโกหกได้ การทำชั่วอย่างอื่นก็สามารถทำได้ เช่น การพูดจากราดเกรี้ยว หยาบคาย การใช้กำลังประทุษร้าย ทุบตี จิตใจมนุษย์ มันก็เป็นเช่นนี้

มันกลายเป็นคำถามสำหรับตัวคุณเองขึ้นมาทันทีว่า คุณจะแก้ปัญหารบกวนจิตใจนี้อย่างไร คุณจะเห็นดีให้เด็กโกหกครอบครัวตัวเองต่อไปหรือไม่ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้น ก็ย่อมขัดแย้งกับสิ่งที่คุณบอกว่า พร้อมยอมรับความจริง หรือถ้าบอกความจริงกับครอบครัวของเด็ก คุณคิดว่าจะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ ต่อไปได้หรือไม่ ? เพราะถ้าอ้างว่ารักกันจริงจัง คุณเชื่อมั่น ว่ามันเป็นเช่นนั้น จริง ๆ หรือ ? คุณตอบตัวเองได้ไหมว่า เด็กคนนี้ พอเรียนจบมัธยม หากเข้ามหาวิทยาลัย และเรียนจบแล้ว จะมาอยู่กินกับคุณจริง ๆ

สมมติว่าถ้าบอกความจริงกับครอบครัวของเด็กไปแล้ว เด็กจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ? จะโกรธหรือไม่ ? เพราะเด็กอาจจะต้องยุติความสัมพันธ์กับคุณ และคุณจะต้องปรึกษากับเด็กเพื่อหาทางออกหรือไม่ ? ก็ในเมื่อคุณมีวุฒิภาวะที่สูงกว่าเด็ก ทำไมจะต้องถามเด็ก เพื่อตัดสินใจ เห็นได้ว่า คำถามต่าง ๆ มีมากมาย ไม่ได้น้อยกว่า ก่อนตัดสินใจที่จะมีความสัมพันธ์

โดยสรีระและเพศสภาพ ชาย-หญิง นั้น อย่างไรเสีย ผู้ชายก็มีอิทธิพลมากกว่าผู้หญิง มันง่ายเกินไป ที่ผู้หญิงจะคิดว่า จะกำราบ ควบคุม ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตนได้ การที่จิตใจคุณยอมแพ้ และต้องการให้เด็กคนนี้ สนองความต้องการให้ มันช่างห่างไกล กับที่ใครหลายคนบอกว่า ใช้วัยที่มากกว่า ควบคุมเกม อย่าให้เด็กมีอำนาจเหนือเราได้ และครั้นเมื่อเกิดความสัมพันธ์ขึ้นมาแล้ว สิ่งที่คุณต้องการ คือ การเอาใจใส่ กลายเป็นการผูกมัดใจตนเองให้คิดถึงความรัก และการดูแล เพราะนี่เป็นธรรมชาติของผู้ที่ถูกครอบครอง คุณอยากให้เซ็กซ์ ยกระดับขึ้นเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจัง ดังนั้น ถึงที่สุดแล้ว ธรรมชาติของผู้หญิง ก็ยังมีความอ่อนแออยู่นั่นเอง     

แท้จริงแล้ว ใครก็ตามที่สนับสนุน หรือเห็นดีให้คุณทำในสิ่งที่ต้องการต่อไป ก็ไม่ได้มาช่วยแก้ปัญหานี้เลย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ใจคุณต้องการจะทำอยู่แล้ว

ไม่อยากจะวิจารณ์ในทางร้ายว่า แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงการหาความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นเจือปน คุณอาจจะชอบในรูปแบบนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเด็ก ที่อาจจะอยู่ในโอวาทได้มากกว่าผู้ใหญ่ ที่คุณไม่สมหวังกับคนวัยนั้น และเรื่องเศรษฐกิจการเลี้ยงชีพ ที่คุณก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว จึงขอให้ตัวเองได้มีความสุข ตามแรงปรารถนาทางเพศบ้าง

ที่จริง รักต่างวัยไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ว่าชายจะอายุมากกว่าหญิง หรือหญิงจะอายุมากกว่าชายก็ตาม แต่มันก็มีลิมิตของมันอยู่ ลองสมมติว่า หากผู้ชายอายุเท่าคุณหรือมากกว่า อยากมีสัมพันธ์กับเด็กสาวมัธยมบ้าง (ซึ่งในความเป็นจริง มีอยู่แล้ว แบบผิดกฎหมาย) จะมีเสียงในพันทิป บอกว่า ทำเลย ทำในสิ่งที่ใจต้องการ เหมือนที่เขา บอกกับคุณหรือไม่ ?


มองในมุมนี้ มันคือการพรากผู้เยาว์ อย่างที่มีคนตั้งแง่ไว้จริง ๆ  นอกจากนี้ เด็กคนนี้ ก็ยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ ในการเล่าเรียน ดำรงชีวิต ต่อไปอีกนาน แบบนี้แล้ว มันเป็นแค่เรื่องของคนสองคน จริงหรือ ?

เซ็กซ์อย่างเดียว ไม่พอจะพยุงความรักเอาไว้ได้ องค์ประกอบของมันมีมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจ และสังคม

ผมได้แนะนำไปแล้วว่า ทางที่ดี สู้ใช้เวลาหาคนในวัยที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะอายุน้อยกว่าคุณก็ได้ หากคุณชอบกินเด็ก แต่มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเองได้ ก็น่าจะเหมาะควรมากกว่า

ขอพยากรณ์ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เป็นการยากที่คุณจะพยุงมันต่อไปได้ง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม คุณได้บอกตัวเองไว้แล้วว่า แม้จะเกิดผลอย่างไร ก็จะยอมรับมัน

ขอจงทำตามนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่