คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
ขอตอบในฐานะที่ทำงานอยู่บริษัทผลิต และจำหน่ายแบตเตอรี่นะครับ
จขกท. ถามว่าการชาร์จแบบใดสามารถยืดอายุการใช้งานได้มากที่สุด
มีอยู่เรื่องเดียวครับที่ต้องระวังขณะชาร์จ คือเรื่อง "ความร้อน"
เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพทั้งการเก็บ และคายของแบตเตอรี่ "ลดลง"
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าในปัจจุบัน เซลแบตเตอรี่ที่ใช้ส่วนใหญ่
จะเป็น Li-ion หรือไม่ก็ Li-Polymer ซึ่งทั้งสองประเภทนี้
จะไม่มี Memory Effect แล้วครับ
เราสามารถชาร์จได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการเลยครับ
แต่ที่สำคัญคือ "ห้ามใช้งานจนกระทั้งแบตหมดจนดับไปเอง" เด็ดขาด
เพราะจะมี 2 ส่วนที่เสียหาย คือ 1.แบตเตอรี่จะเสื่อม 2.แผงวงจรของโทรศัพท์จะพัง (คร่าวๆ นะครับ)
รูปนี้จะเป็น "รอบการชาร์จ" ของเซลแบตเตอรี่ของญี่ปุ่นนะครับ
ถ้าเป็นเซลแบตของจีน พอเลย 100 มาหน่อยกราฟจะตกวูบเลยครับ
อีกเรื่องที่อาจจะกลัวกันคือเรื่องที่ชาร์จจนเต็มแล้วแบตระเบิด ลองดูกราฟนี้กันครับ
อธิบายได้ง่ายๆ ดังนี้ (อิงจากเซล Li-ion 2,300 mAh)
- เส้นสีเทา Capacity เมื่อเริ่มชาร์จไฟจะจ่ายไฟสูงสุดจนถึง 80% ความเร็วจะเริ่มลดลง
เมื่อถึง 90% ไฟจะจ่ายเข้าช้าลงๆ จนกระทั่งแบตเต็ม
- เส้นสีชมพู Current คือระดับของการจ่ายไฟ เมือความจุของแบตอยู่ที่ 80%
จะจ่ายไฟน้อยลง "แปรผกผัน" กับระดับความจุที่มากขึ้น จนเต็ม
- เส้นสีฟ้าคือแรงดันขณะชาร์จ
สรุปคือ เมื่อชาร์จไฟใกล้เต็ม แบตเตอรี่จะรับไฟน้อยลง เมื่อเต็มก็จะคงที่ไว้ความจุสูงสุด
อธิบายเพิ่มเติมอีกนิด
Li-ion ก็จะแบ่งออกได้อีกเป็นแบบ Cylindrical (ไซลินดริคอล) และ Prismatic
Cylindrical ก็คือแบตลักษณะก้อนกลม
ส่วนมากนำมาใช้ทำแบตเตอรี่ทั่วไป และทำ Power Charger
Prismatic ก็คือแบตลักษณะแบน
ส่วนมานำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เช่น ซัมซุง โนเกีย
Li-Polymer
เป็นเซลแบตเตอรี่ที่สามารถขึ้นรูปได้ตามต้องการ มักนำมาใช้กับอุปกรณ์ที่เน้นดีไซน์
และไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ เนื่องจากขั้วจะถูกเชื่อมติดกับแผงวงจรเลย
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ iPhone
ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ^^
จขกท. ถามว่าการชาร์จแบบใดสามารถยืดอายุการใช้งานได้มากที่สุด
มีอยู่เรื่องเดียวครับที่ต้องระวังขณะชาร์จ คือเรื่อง "ความร้อน"
เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพทั้งการเก็บ และคายของแบตเตอรี่ "ลดลง"
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าในปัจจุบัน เซลแบตเตอรี่ที่ใช้ส่วนใหญ่
จะเป็น Li-ion หรือไม่ก็ Li-Polymer ซึ่งทั้งสองประเภทนี้
จะไม่มี Memory Effect แล้วครับ
เราสามารถชาร์จได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการเลยครับ
แต่ที่สำคัญคือ "ห้ามใช้งานจนกระทั้งแบตหมดจนดับไปเอง" เด็ดขาด
เพราะจะมี 2 ส่วนที่เสียหาย คือ 1.แบตเตอรี่จะเสื่อม 2.แผงวงจรของโทรศัพท์จะพัง (คร่าวๆ นะครับ)
รูปนี้จะเป็น "รอบการชาร์จ" ของเซลแบตเตอรี่ของญี่ปุ่นนะครับ
ถ้าเป็นเซลแบตของจีน พอเลย 100 มาหน่อยกราฟจะตกวูบเลยครับ
อีกเรื่องที่อาจจะกลัวกันคือเรื่องที่ชาร์จจนเต็มแล้วแบตระเบิด ลองดูกราฟนี้กันครับ
อธิบายได้ง่ายๆ ดังนี้ (อิงจากเซล Li-ion 2,300 mAh)
- เส้นสีเทา Capacity เมื่อเริ่มชาร์จไฟจะจ่ายไฟสูงสุดจนถึง 80% ความเร็วจะเริ่มลดลง
เมื่อถึง 90% ไฟจะจ่ายเข้าช้าลงๆ จนกระทั่งแบตเต็ม
- เส้นสีชมพู Current คือระดับของการจ่ายไฟ เมือความจุของแบตอยู่ที่ 80%
จะจ่ายไฟน้อยลง "แปรผกผัน" กับระดับความจุที่มากขึ้น จนเต็ม
- เส้นสีฟ้าคือแรงดันขณะชาร์จ
สรุปคือ เมื่อชาร์จไฟใกล้เต็ม แบตเตอรี่จะรับไฟน้อยลง เมื่อเต็มก็จะคงที่ไว้ความจุสูงสุด
อธิบายเพิ่มเติมอีกนิด
Li-ion ก็จะแบ่งออกได้อีกเป็นแบบ Cylindrical (ไซลินดริคอล) และ Prismatic
Cylindrical ก็คือแบตลักษณะก้อนกลม
ส่วนมากนำมาใช้ทำแบตเตอรี่ทั่วไป และทำ Power Charger
Prismatic ก็คือแบตลักษณะแบน
ส่วนมานำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เช่น ซัมซุง โนเกีย
Li-Polymer
เป็นเซลแบตเตอรี่ที่สามารถขึ้นรูปได้ตามต้องการ มักนำมาใช้กับอุปกรณ์ที่เน้นดีไซน์
และไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ เนื่องจากขั้วจะถูกเชื่อมติดกับแผงวงจรเลย
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ iPhone
ลองทำความเข้าใจดูนะครับ ^^
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
โอ้ เครียด...
หลายความเห็นที่อ่าน ข้อมูลที่ให้มาหลายอันทั้งผิดและมั่วทั้งนั้นเลย ไม่ว่าวิธีการนับ Cycle เอย, ชาร์จเมื่อไฟต่ำกว่า 25% เอย...
ข้อมูลเก่ามากครับ ตั้งแต่สมัยแบต นิเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ด้วยหล่ะมั้งนั้น
วิธีที่ถูกนะครับ เอาสำหรับแบต ลิเทียม-ไอออน (Li-ion) ลิเทียม-โพลิเมอร์ (Li-Po) แล้วกัน ปัจจุบันใช้กันเยอะทั้งมือถือ โน้ตบุ๊ค
มีง่าย ๆ สองข้อ
1. อย่าใช้ให้ต่ำกว่า 30% แล้วชาร์จ, เพราะอัตราเสื่อมของแบตเตอรี่ในช่วงต่ำกว่า 30 % มันจะสูงมากครับ, แต่ทั้งนี้ หลังจากใช้งานแบตไปซักระยะหนึ่ง ควรมีสักครั้งที่จะใช้งานแบตให้ใกล้หมด (ใกล้หมดนะครับ ไม่ใช่หมดเกลี้ยง) แล้วชาร์จให้เต็ม เพื่อป้องกันการเกิด digital memory effect หรืออาการ "จำ" ความจุของแบตที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง
2. ชาร์จให้ถี่ ชาร์จให้ตลอดเวลาเท่าที่จะชาร์จได้ ไม่ต้องรอจนไฟลดเหลือ เท่านั้นเท่านี้, ถ้าเป็นไปได้ ใช้งานขณะเสียบชาร์จได้ จงทำครับ
เพราะ แบตมีการใช้งานเป็นวงรอบ หรือ Cycle, ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า[ ชาร์จหนึ่งที นับเป็นหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการนับที่ผิด
การนับหนึ่งครั้ง หมายความว่า ชาร์จจาก 0% ไปถึง 100% ครับ, ถ้าชาร์จ 50% ถึง 100% เค้านับเป็น ครึ่งรอบครับ ไม่ใช่หนึ่งรอบ
อุปกรณ์สำหรับชาร์จแบต รวมถึงวงจรป้องกันแบตเตอรี่ ในปัจจุบันปัจจุบัน (เอาที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ของจีนห่วย ๆ นะครับ)
มันชาร์จเต็มแล้วก็หยุดจนแรงดันตกถึงค่า threshold หนึ่ง จึงชาร์จใหม่
ไม่มีหรอกครับที่เสียบทิ้งไว้แล้วจะชาร์จเต็มแล้วเต็มอีกจนระเบิด
อ่านที่ผมพิมพ์ ไม่ต้องเชื่อผม, ลอง Google ค้นคว้าบทความในเน็ตดูครับ
kw: charge cycle, Depth of Discharge, Memory Effect
ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.mpoweruk.com/life.htm (ถ้าขี้เกียจอ่าน อ่านตรง DoD อย่างเดียวก็ได้ครับ)
หลายความเห็นที่อ่าน ข้อมูลที่ให้มาหลายอันทั้งผิดและมั่วทั้งนั้นเลย ไม่ว่าวิธีการนับ Cycle เอย, ชาร์จเมื่อไฟต่ำกว่า 25% เอย...
ข้อมูลเก่ามากครับ ตั้งแต่สมัยแบต นิเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ด้วยหล่ะมั้งนั้น
วิธีที่ถูกนะครับ เอาสำหรับแบต ลิเทียม-ไอออน (Li-ion) ลิเทียม-โพลิเมอร์ (Li-Po) แล้วกัน ปัจจุบันใช้กันเยอะทั้งมือถือ โน้ตบุ๊ค
มีง่าย ๆ สองข้อ
1. อย่าใช้ให้ต่ำกว่า 30% แล้วชาร์จ, เพราะอัตราเสื่อมของแบตเตอรี่ในช่วงต่ำกว่า 30 % มันจะสูงมากครับ, แต่ทั้งนี้ หลังจากใช้งานแบตไปซักระยะหนึ่ง ควรมีสักครั้งที่จะใช้งานแบตให้ใกล้หมด (ใกล้หมดนะครับ ไม่ใช่หมดเกลี้ยง) แล้วชาร์จให้เต็ม เพื่อป้องกันการเกิด digital memory effect หรืออาการ "จำ" ความจุของแบตที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง
2. ชาร์จให้ถี่ ชาร์จให้ตลอดเวลาเท่าที่จะชาร์จได้ ไม่ต้องรอจนไฟลดเหลือ เท่านั้นเท่านี้, ถ้าเป็นไปได้ ใช้งานขณะเสียบชาร์จได้ จงทำครับ
เพราะ แบตมีการใช้งานเป็นวงรอบ หรือ Cycle, ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า[ ชาร์จหนึ่งที นับเป็นหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการนับที่ผิด
การนับหนึ่งครั้ง หมายความว่า ชาร์จจาก 0% ไปถึง 100% ครับ, ถ้าชาร์จ 50% ถึง 100% เค้านับเป็น ครึ่งรอบครับ ไม่ใช่หนึ่งรอบ
อุปกรณ์สำหรับชาร์จแบต รวมถึงวงจรป้องกันแบตเตอรี่ ในปัจจุบันปัจจุบัน (เอาที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ของจีนห่วย ๆ นะครับ)
มันชาร์จเต็มแล้วก็หยุดจนแรงดันตกถึงค่า threshold หนึ่ง จึงชาร์จใหม่
ไม่มีหรอกครับที่เสียบทิ้งไว้แล้วจะชาร์จเต็มแล้วเต็มอีกจนระเบิด
อ่านที่ผมพิมพ์ ไม่ต้องเชื่อผม, ลอง Google ค้นคว้าบทความในเน็ตดูครับ
kw: charge cycle, Depth of Discharge, Memory Effect
ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.mpoweruk.com/life.htm (ถ้าขี้เกียจอ่าน อ่านตรง DoD อย่างเดียวก็ได้ครับ)
แสดงความคิดเห็น
การชาร์จแบตมือถือแบบไหนที่จะยืดอายุได้มากที่สุด
จากนั้นก็มีข้อสงสัยอีกข้อหนึ่ง ระหว่างการชาร์จแบตโดยวิธีต่อไปนี้
- ผ่าน USB ของ Computer
- wall charge
- ผ่าน USB จาก powerbank
การชาร์จแบบไหนที่จะยืดอายุแบตเตอรี่ได้มากที่สุดครับ
อย่างเช่นการชาร์จ iphone ผ่าน wall charge ของแท้จาก APPLE ที่จ่ายกระแส 1 Amp. ที่ 5 V.
กับการชาร์จผ่าน USB 2.0 ที่จ่ายกระแส 0.5 Amp. ที่ 5 V.
การชาร์จผ่าน USB จะช้ากว่าแน่นอน แต่ก็ทำให้แบตเตอรี่มีความร้อนน้อยกว่าการใช้ wall charge อย่างเห็นได้ชัด
เช่นนี้จะถือได้ไหมครับว่าการชาร์จผ่าน USB ของ computer จะสามารถยืดอายุของแบตเตอรี่มือถือได้มากกว่าการใช้ wall charge