หมายเหตุ : ผมไม่ได้มีปัญหากับนักเตะ,trainer และสโมสรบาเยิร์น มิวนิคนะครับ เชียร์ด้วยซ้ำ (ในเยอรมัน เชียร์รองจากดอร์ทมุนด์ทีมเดียว) แต่ไม่ค่อยชอบผู้บริหาร (รุมเมนิเกเก้ที่เป็น CEO และซามเมอร์ที่เป็น ผู้อำนวยการกีฬา) สักเท่าไหร่
เมื่อวันอาทิตย์ เวลา 23.30 น. ทางช่อง 3 ได้ถ่ายทอดสดบาเยิร์น มิวนิคพบโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถ้าใครได้ดูจะทราบว่า บาเยิร์น ฟูลทีม (นอกจาก นอยเออร์ ประตู ได้รับบาดเจ็บครึ่งหลัง) แถมเล่นในบ้าน แต่แพ้ดอร์ทมุนด์ที่ขาดผู้เล่นตัวหลักที่เจ็บมากมาย (ชเมลเซอร์ แบ็ค, ซูโบคิช เซ็นเตอร์, กุนโดกัน กลางรับ และให้เลวานนอฟสกี้เป็นตัวสำรอง) ไปถึง 0-3 (ความจริงใน UCL ซีซั่นนี้ ถ้าไม่มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ ดอร์ทมุนด์ก็อาจผ่านรีล มาดริคก็ได้ หลังจากซีซั่นก่อนโค่นรีล มาดริคช่วงที่มีมูริญโญ่คุมทีมเข้าชิง UCL มาแล้ว)
อาจจะบอกว่า บาเยิร์นได้แชมป์บุนเดสลีกาไปแล้วจึงขาดแรงจูงใจ แต่สกอร์ 0-3 จากทีมดอร์ทมุนด์ที่มีผู้เล่นตัวสำรองมากมายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
บางคนอาจไม่ทราบว่า หลายๆ สถาบันยกให้บาเยิร์น เป็นทีมอันดับ 1 ของฟุตบอลปัจจุบัน (ใน UCL แม้จับฉลากเจอรีล มาดริค ก็ยังเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าถ้วยหูกางใบนี้)
ซึ่งตรงนี้ต้องให้ credit trainer เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของเสือเหลืองไปเต็มๆ (ถ้าได้ดูดอร์ทมุนด์เล่นบ่อยๆ จะทราบว่า class ของคล๊อปป์ไม่ด้อยกว่าผู้จัดการของทีมใหญ่ใน EPL และของสโมสรใดในโลกแน่ๆ จากผลงานของทีม 3 ซีซั่นที่ผ่านมาและซีซั่นปัจจุบันที่นักเตะหลักๆ ได้รับบาดเจ็บมากมาย)
เมื่อซีซั่น 2010-11 และ 11-12 ดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์บุนเดสฯ จนบาเยิร์นต้องทุ่มทุน 50-70 ล้านยูโรฯ ซื้อนักเตะ จนเทรนเนอร์จุ๊ปป์ ไฮเกซพาทีมคว้า 3 แชมป์มาครอง แต่ก็มีปัญหาเรื่อง 'ดึง' ตัววนักเตะ เมื่อบาเยิร์นซื้อตัวเกิทเซ่จากดอร์ทมุนด์ด้วยค่าฉีกสัญญา 37 ล้านยูโรฯ ในช่วงที่ใกล้จะต้องเจอกันใน UCL นอกจากนั้น ในนัดชิง เกิทเซ่ (ที่ยังอยู่กับดอร์ทมุนด์) มีปัญหาอาการบาดเจ็บจนลงไม่ได้ แต่เสือเหลืองก็แพ้ไปเพียง 1-2 เท่านั้น
และซีซั่นหน้าบาเยิร์นก็จะรับตัวเลวานนอฟสกี้ที่หมดสัญญามาอีก เทรนเนอร์ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเป๊ปทำทีมบาเยิร์นมีหน้าเดี่ยว นอกจากมาซูคิซที่เก่งไม่ด้อยกว่าเลวานนอฟสกี้แล้ว หลายครั้งยังให้เกิธเซ่ หรือ มุลเลอร์เล่นแทน (ศัพท์ฟุตบอลเรียกว่า false 9) จึงยังไม่รู้เลยว่า ซีซั่นหน้าเลวานนอฟสกี้จะลงได้สักกี่นัด
จากความพ่ายแพ้ในบุนเดสฯ และถ้าอดได้แชมป์ DFB โพคาลในซีซั่นนี้อีก (ดอร์ทมุนด์เพิ่งเข้ารอบชิงเมื่อชนะโวล์ฟบวร์กเมื่อคืนวันอังคาร) ก็น่าสนใจว่า 2 ผู้บริหารบาเยิร์นจะทำอย่างไรกับสโมสรคู่แข่งบารมีนี้ยังไงอีก
ที่เขียนมานี่นอกจากตำหนิ 2 ผู้บริหารบาเยิร์นแล้ว ยังอยากให้พวกเราในห้องศุภฯ ที่มักจะติดตามแต่ EPL ได้ดูลีกอื่นๆ บ้าง โดยเฉพาะบุนเดสลีกา และลาลีก้า ที่ความสามารถและผลงานของหลายๆ สโมสรกำลังแซง EPL ไปแล้ว
หมายเหตุ : อนึ่งต้องให้ credit ผู้บริหารดอร์ทมุนด์ วัคเค่ CEO กับ ซอร์ค ผู้จัดการทั่วไป ที่หา มาติคายาน มาเป็น play maker แทนเกิซเซ่ และกำลังหากองหน้ามาแทนเลวานนอฟสกี้ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
หมายเหตุ : ที่เขียนการดึงนักเตะของบาเยิร์น ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับแฟนเสือใต้ดีๆ นะครับ แต่ต้องการนำข้อเท็จจริงมาให้เห็นกัน
วันอาทิตย์ช่อง 3 ถ่ายทอดบาเยิร์นvดอร์ทมุนด์ แต่พวกเราสนใจแต่ EPL จึงไม่รู้ class ของคล็อปป์+ทำไมบาเยิร์น’ดึง’คนจากดอร์ท
เมื่อวันอาทิตย์ เวลา 23.30 น. ทางช่อง 3 ได้ถ่ายทอดสดบาเยิร์น มิวนิคพบโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถ้าใครได้ดูจะทราบว่า บาเยิร์น ฟูลทีม (นอกจาก นอยเออร์ ประตู ได้รับบาดเจ็บครึ่งหลัง) แถมเล่นในบ้าน แต่แพ้ดอร์ทมุนด์ที่ขาดผู้เล่นตัวหลักที่เจ็บมากมาย (ชเมลเซอร์ แบ็ค, ซูโบคิช เซ็นเตอร์, กุนโดกัน กลางรับ และให้เลวานนอฟสกี้เป็นตัวสำรอง) ไปถึง 0-3 (ความจริงใน UCL ซีซั่นนี้ ถ้าไม่มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ ดอร์ทมุนด์ก็อาจผ่านรีล มาดริคก็ได้ หลังจากซีซั่นก่อนโค่นรีล มาดริคช่วงที่มีมูริญโญ่คุมทีมเข้าชิง UCL มาแล้ว)
อาจจะบอกว่า บาเยิร์นได้แชมป์บุนเดสลีกาไปแล้วจึงขาดแรงจูงใจ แต่สกอร์ 0-3 จากทีมดอร์ทมุนด์ที่มีผู้เล่นตัวสำรองมากมายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
บางคนอาจไม่ทราบว่า หลายๆ สถาบันยกให้บาเยิร์น เป็นทีมอันดับ 1 ของฟุตบอลปัจจุบัน (ใน UCL แม้จับฉลากเจอรีล มาดริค ก็ยังเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าถ้วยหูกางใบนี้)
ซึ่งตรงนี้ต้องให้ credit trainer เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของเสือเหลืองไปเต็มๆ (ถ้าได้ดูดอร์ทมุนด์เล่นบ่อยๆ จะทราบว่า class ของคล๊อปป์ไม่ด้อยกว่าผู้จัดการของทีมใหญ่ใน EPL และของสโมสรใดในโลกแน่ๆ จากผลงานของทีม 3 ซีซั่นที่ผ่านมาและซีซั่นปัจจุบันที่นักเตะหลักๆ ได้รับบาดเจ็บมากมาย)
เมื่อซีซั่น 2010-11 และ 11-12 ดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์บุนเดสฯ จนบาเยิร์นต้องทุ่มทุน 50-70 ล้านยูโรฯ ซื้อนักเตะ จนเทรนเนอร์จุ๊ปป์ ไฮเกซพาทีมคว้า 3 แชมป์มาครอง แต่ก็มีปัญหาเรื่อง 'ดึง' ตัววนักเตะ เมื่อบาเยิร์นซื้อตัวเกิทเซ่จากดอร์ทมุนด์ด้วยค่าฉีกสัญญา 37 ล้านยูโรฯ ในช่วงที่ใกล้จะต้องเจอกันใน UCL นอกจากนั้น ในนัดชิง เกิทเซ่ (ที่ยังอยู่กับดอร์ทมุนด์) มีปัญหาอาการบาดเจ็บจนลงไม่ได้ แต่เสือเหลืองก็แพ้ไปเพียง 1-2 เท่านั้น
และซีซั่นหน้าบาเยิร์นก็จะรับตัวเลวานนอฟสกี้ที่หมดสัญญามาอีก เทรนเนอร์ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเป๊ปทำทีมบาเยิร์นมีหน้าเดี่ยว นอกจากมาซูคิซที่เก่งไม่ด้อยกว่าเลวานนอฟสกี้แล้ว หลายครั้งยังให้เกิธเซ่ หรือ มุลเลอร์เล่นแทน (ศัพท์ฟุตบอลเรียกว่า false 9) จึงยังไม่รู้เลยว่า ซีซั่นหน้าเลวานนอฟสกี้จะลงได้สักกี่นัด
จากความพ่ายแพ้ในบุนเดสฯ และถ้าอดได้แชมป์ DFB โพคาลในซีซั่นนี้อีก (ดอร์ทมุนด์เพิ่งเข้ารอบชิงเมื่อชนะโวล์ฟบวร์กเมื่อคืนวันอังคาร) ก็น่าสนใจว่า 2 ผู้บริหารบาเยิร์นจะทำอย่างไรกับสโมสรคู่แข่งบารมีนี้ยังไงอีก
ที่เขียนมานี่นอกจากตำหนิ 2 ผู้บริหารบาเยิร์นแล้ว ยังอยากให้พวกเราในห้องศุภฯ ที่มักจะติดตามแต่ EPL ได้ดูลีกอื่นๆ บ้าง โดยเฉพาะบุนเดสลีกา และลาลีก้า ที่ความสามารถและผลงานของหลายๆ สโมสรกำลังแซง EPL ไปแล้ว
หมายเหตุ : อนึ่งต้องให้ credit ผู้บริหารดอร์ทมุนด์ วัคเค่ CEO กับ ซอร์ค ผู้จัดการทั่วไป ที่หา มาติคายาน มาเป็น play maker แทนเกิซเซ่ และกำลังหากองหน้ามาแทนเลวานนอฟสกี้ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
หมายเหตุ : ที่เขียนการดึงนักเตะของบาเยิร์น ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับแฟนเสือใต้ดีๆ นะครับ แต่ต้องการนำข้อเท็จจริงมาให้เห็นกัน