สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ผมจบวิศวะมอรัฐ เกรดก็
F ไม่มากไม่มาย 6-7 ตัวมั้ง
D อื้อขี้เกียจนับ
C อื้อ ขี้เกียจนับ
B ก็มีบ้าง
A มีอยู่ซัก 7 ตัวได้มั้ง
เกรดตอนจบ 2.04 วิศวไฟฟ้า สาขาสื่อสาร เรียน 5 ปีด้วย
เกรดต่ำสุดที่เคยได้ 0.78 สูงสุดที่เคยได้ 3.4 ติดโปรจนเกือบไทร์ สมัครงาน เค้าถามประโยคแรก
"ทำไมเกรดน้องมันสวิงอย่างนี้ล่ะครับ"
"มันอยู่ที่ผมตั้งใจไม่ตั้งใจครับ ถ้าตั้งใจอะไรผมก็ทำได้" นี่คือคำตอบของผม
แล้วผมก็ได้งานเลย (แฮะๆ โชคดีไป) ทำงานเงินเดือนเริ่มต้น 12.500 บาท (ได้ภาษาอังกฤษด้วย) ทำได้ 1 ปี
ออกมาผาดโผนยุทธภพเอง เพราะรู้สึกว่าฟิลด์ลูกจ้างไม่เหมาะกับเรา (อยากรวยอ่ะ) เวลาก็ผ่านมากว่า 16 ปีแล้ว
ก็มีบ้าน มีรถ มีหลายอย่างที่เคยอยากได้ แต่ยังขาดอีกหลายอย่างที่อยากได้ ก็ดิ้นกันไป
เกรดมันเกี่ยวตอนสมัครครับ แต่ตอนทำงาน มันอยู่ที่ความตั้งใจ คติของผมคือ "ตั้งใจแล้วทำไป ตะบี้ตะบันทำไป ได้ก็ดี ถึงไม่ได้แต่เราทำเต็มที่แล้ว"
เอาไปคิดดูนะ
F ไม่มากไม่มาย 6-7 ตัวมั้ง
D อื้อขี้เกียจนับ
C อื้อ ขี้เกียจนับ
B ก็มีบ้าง
A มีอยู่ซัก 7 ตัวได้มั้ง
เกรดตอนจบ 2.04 วิศวไฟฟ้า สาขาสื่อสาร เรียน 5 ปีด้วย
เกรดต่ำสุดที่เคยได้ 0.78 สูงสุดที่เคยได้ 3.4 ติดโปรจนเกือบไทร์ สมัครงาน เค้าถามประโยคแรก
"ทำไมเกรดน้องมันสวิงอย่างนี้ล่ะครับ"
"มันอยู่ที่ผมตั้งใจไม่ตั้งใจครับ ถ้าตั้งใจอะไรผมก็ทำได้" นี่คือคำตอบของผม
แล้วผมก็ได้งานเลย (แฮะๆ โชคดีไป) ทำงานเงินเดือนเริ่มต้น 12.500 บาท (ได้ภาษาอังกฤษด้วย) ทำได้ 1 ปี
ออกมาผาดโผนยุทธภพเอง เพราะรู้สึกว่าฟิลด์ลูกจ้างไม่เหมาะกับเรา (อยากรวยอ่ะ) เวลาก็ผ่านมากว่า 16 ปีแล้ว
ก็มีบ้าน มีรถ มีหลายอย่างที่เคยอยากได้ แต่ยังขาดอีกหลายอย่างที่อยากได้ ก็ดิ้นกันไป
เกรดมันเกี่ยวตอนสมัครครับ แต่ตอนทำงาน มันอยู่ที่ความตั้งใจ คติของผมคือ "ตั้งใจแล้วทำไป ตะบี้ตะบันทำไป ได้ก็ดี ถึงไม่ได้แต่เราทำเต็มที่แล้ว"
เอาไปคิดดูนะ
ความคิดเห็นที่ 17
ผิดกับเพื่อนผม ที่เกรดห่วยๆ แต่จบมาได้แบบเฉียดฉิว
ส่วนใหญ่ตอนนี้รวยกันหมดแล้ว
เพราะอะไรนะหรือ
อย่างที่บอกจบมาด้วยเกรดเฉียดฉิว จะหวังเงินเดือนสูงๆนะเหรอยาก
จบมา ก็เงินเดือนน้อยนิด บางคนตกงาน เลยเป็นแรงบีบ ให้ต้องหาอะไรทำเอง ทีนี้อย่างว่า คนมันเคยเกเร แต่ก็เอาตัวรอดตอนเรียนมาได้
พอจบมา มันก็เอาตัวรอดเก่ง แต่ละคo เริ่มจากเล็กๆ ค้าขาย ขายข้าวตามสั่ง พอเริ่มมีเงินบ้าง ก็หันมาซื้ออสังหาปล่อยเช่าไปเรื่อย จาก 1 ห้อง เป็น 2 3 4 ห้องตามมา จาก
เคยเป็น พนง ในไลน์การผลิต เงินเดือน 6000 ออกมาค้าขายอาหารตามสั่ง ก็เริ่มเก็บเงิน พอเริ่มค้าขายมันจะเห็นทางเอง จากขายข้าว เริ่มมีของชำ เริ่มรับจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เริ่มมาเป็นเขียนหวยส่งให้เจ้ามือต่อ ขยับมาเรื่อย ตอนนี้ แต่ละคนที่ว่า มีเงินกันไม่ต่ำกว่า 10 ล. ทุกคัน (3-4 คนนะ)
ส่วนพวกที่เรียนเก่ง ของรุ่น บางคนก็ต่อโท ต่อเอก ตกงาน หรือไม่ก็เป็น พนง กินเงินเดือน 2-3 หมื่นไต่กันไป บางคนก็สอบรับราชการ ก็ว่ากันไป แต่ถ้าเทียบกันเรื่องเงิน อันนี้บอกได้เลย ว่าคนที่จบมาเกรดไม่ดี ไปได้ไกลว่าคนอื่นมากๆ
ด้วย 1 ไม่เก่ง แต่เอาตัวรอดเก่ง
2. สถานการณ์บังคับ บ้านไม่รวย ไม่เก่งอีก คืนเกเรอีก มีหวังอดตาย แต่ละคนที่คุยด้วย มันว่า ไม่มีอะไรจะเสีย ดีกว่างอมืองอเท้า
ส่วนใหญ่ตอนนี้รวยกันหมดแล้ว
เพราะอะไรนะหรือ
อย่างที่บอกจบมาด้วยเกรดเฉียดฉิว จะหวังเงินเดือนสูงๆนะเหรอยาก
จบมา ก็เงินเดือนน้อยนิด บางคนตกงาน เลยเป็นแรงบีบ ให้ต้องหาอะไรทำเอง ทีนี้อย่างว่า คนมันเคยเกเร แต่ก็เอาตัวรอดตอนเรียนมาได้
พอจบมา มันก็เอาตัวรอดเก่ง แต่ละคo เริ่มจากเล็กๆ ค้าขาย ขายข้าวตามสั่ง พอเริ่มมีเงินบ้าง ก็หันมาซื้ออสังหาปล่อยเช่าไปเรื่อย จาก 1 ห้อง เป็น 2 3 4 ห้องตามมา จาก
เคยเป็น พนง ในไลน์การผลิต เงินเดือน 6000 ออกมาค้าขายอาหารตามสั่ง ก็เริ่มเก็บเงิน พอเริ่มค้าขายมันจะเห็นทางเอง จากขายข้าว เริ่มมีของชำ เริ่มรับจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เริ่มมาเป็นเขียนหวยส่งให้เจ้ามือต่อ ขยับมาเรื่อย ตอนนี้ แต่ละคนที่ว่า มีเงินกันไม่ต่ำกว่า 10 ล. ทุกคัน (3-4 คนนะ)
ส่วนพวกที่เรียนเก่ง ของรุ่น บางคนก็ต่อโท ต่อเอก ตกงาน หรือไม่ก็เป็น พนง กินเงินเดือน 2-3 หมื่นไต่กันไป บางคนก็สอบรับราชการ ก็ว่ากันไป แต่ถ้าเทียบกันเรื่องเงิน อันนี้บอกได้เลย ว่าคนที่จบมาเกรดไม่ดี ไปได้ไกลว่าคนอื่นมากๆ
ด้วย 1 ไม่เก่ง แต่เอาตัวรอดเก่ง
2. สถานการณ์บังคับ บ้านไม่รวย ไม่เก่งอีก คืนเกเรอีก มีหวังอดตาย แต่ละคนที่คุยด้วย มันว่า ไม่มีอะไรจะเสีย ดีกว่างอมืองอเท้า
แสดงความคิดเห็น
มนุษย์เงินเดือนท่านใดสมัยเรียนมหา'ลัยเคยติด F หรือเกรดห่วยๆ บ้าง?
อารมณ์ว่าจบมาด้วยเกรดห่วยๆ (เลขนำหน้าจุดทศนิยม ไม่ใช่ 3)
ตอนที่ได้ F หรือเกรดร่วงหนักๆ มันมีผลกระทบให้ชีวิตคุณมีทัศนคติ/การกระทำที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร?
แล้วตอนจบมาคุณเคยท้อในการหางานหรือไม่ ?
เคยคิดแอบน้อยใจคนที่มีเกรดดีๆในทรานสคริปต์กันมั่งไหม และจัดการอารมณ์นั้นยังไง?
อีกคำถามคือ ตอนนี้ทำงานอะไรกันบ้าง?
เล่าก่อนว่าที่ถามถึงเรื่องหน้าที่การงาน เพราะว่าผมเห็นหลายคน
เช่น พวกรุ่นพี่ที่เกรดไม่ค่อยดี ผมเห็นเขาจบไปก็ไปทำกิจการส่วนตัวกันแทบทั้งหมด เนื่องด้วยส่วนใหญ่พวกนี้พื้นเพเบื้องหลังมีครอบครัวคนมีเงินหรือเปิดบริษัททำธุรกิจอยู่แล้ว ไปถามเขา เขาก็บอกไม่สนเกรดเท่าไหร่ ตอนเรียนก็เน้นเอาให้ผ่านๆ ไม่ซีเรียว เพราะเขาจบมาก็ได้สานต่อกิจการของทางบ้านต่ออยู่ดี เรียนเอาวุฒิให้เป็นหน้าตาครอบครัวก็พอ...
อืม ผมคิดดูแล้ว มันก็จริงของเขานะครับ
แต่.... มันไม่ใช่สำหรับผมแน่ๆ ไอ้การที่จบมาแล้วจะมีงานของโคตรเหง้าตระกูลมารองรับ มาให้สานต่อมันไม่ใช่สำหรับผม
เพราะผมไม่ใช่ลูกเจ้าของกิจการ ผมก็คนธรรมดาๆ ที่พ่อแม่ส่งเสียให้เรียนจบป.ตรีได้ ครอบครัวก็ไม่ได้ทำกิจการอะไรใหญ่โตทั้งนั้น
ครั้นคิดจะเอาเงินมาเปิดธุรกิจกับเขาก็หยุดคิดซะ จะเอาทุนจากไหนล่ะครับ เกรงใจที่บ้านครับ
เหตุเพราะพ่อแม่ผมมีลูกเยอะครับ เงินตอนนี้ก็เอาไปลงให้น้องๆ เรียน (ผมเป็นลูกคนโตครับ)
ฉะนั้นด้วยข้อจำกัดตรงนี้ ก็เลยเป็นไฟท์บังคับว่า ผมต้องก้าวเข้าสู่วัฏจักรของมนุษย์เงินเดือน อย่างแน่นอน
แต่กระนั้น
พอเรียนจบมาแล้ว มองดูในใบผลการเรียน เห็นเกรดก็อนาถใจ ดูแล้วมันต่ำต้อยเพียงนี้ (ขนาดเจ้าของเกรดยังอนาถ แล้วบรรดาท่าน HR ที่เคารพจะยังแลเหลียวกันไหมนี่)
แต่ทว่า โชคดีอย่างนึงนะครับ ที่ผมเป็นคนที่ยอมรับความเป็นจริงได้ดีมากๆ และเข้าใจได้ว่าเกรดมันเป็นผลของการกระทำของตัวผมเอง เท่านั้น (โทษตัวเองไว้ก่อน) ...
ไหนๆ ก็ไหนๆ งั้นผมขออนุญาตเล่าเรื่องของผมไปเลยแล้วกันครับ
ตัวผมนั้น เพิ่งจบ ป.ตรี หมาดๆ จากมหาลัยของรัฐของประเทศไทย
ได้ยื่นใบสมัครงานหลายที่ แต่ยังไม่ได้มี hr ที่ไหนเรียกหรอก (สงสัยเห็นเกรด 2.5 แล้วขยำลงถังทิ้งหมดก็เป็นได้ ฮ่าๆ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกเรื่องที่ผมจะบอกคือ ผมเพิ่งรู้ว่าเกรดนี่มีผลต่อการสมัครงานอย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
แต่ผมก็มีเรื่องนึงจะมาเล่า เผื่อมีคนที่เคยคิดเมือนกันกับผม คือ
ผมได้ไปรู้จักกับเพื่อนอีกคณะหนึ่ง เขาบอกว่าคณะเขามีวิชาเก็บเกรดเยอะพอสมควร คนก็แห่ไปลงกัน เกรดมันก็เลยดีขึ้นมาได้
เขาก็ชวนผมไปลองลงเรียนดู แต่สาขาที่ผมเรียนอยู่มันไม่มีตารางที่วันเวลาว่างตรงกับวิชานั้นเลยอดเรียน อีกอย่างผมไม่ได้สนใจวิชาพวกนั้นอยู่แล้วด้วย คิดว่าเรียนไปแล้วจะเอาไปใช้อะไร ผมขออนุฐาตไม่บอกชื่อวิชาและเนื้อหาการเรียนนะครับ เดี๋ยวจะฮากัน (เอาเป็นว่ามันเหมาะแล้วล่ะที่จะเป็นวิชาเก็บเกรด)
เพราะฉะนั้น จากการที่เพื่อนต่างคณะพูดถึงเรื่องการเก็บเกรด
ผมเลยมีความคิดว่าบางที "GPA มันใช้วัดได้เพียงแค่ ใครเก่งกว่าใครในระดับ section นั้นๆ" เท่านั้น
ไม่ควรนำมาเทียบกับคนที่เรียนต่าง section คนละสาขาวิชา (หรืออาจารย์คนละคนสอน ที่โหดกว่า กดเกรดกว่า แม้จะสอนวิชาเดียวกัน)
ดังนั้น มันก็ไม่แฟร์แล้ว แม้จะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่แค่เกรดมีเครื่องหมายบวก (+) ต่อท้ายนี่ก็ทำให้จุดทศนิยมขยับได้นะครับ ถ้าเลือกได้ใครๆก็อยากเรียนกับอาจารย์ที่ให้เกรดสวยๆ จริงไหมล่ะครับ บางท่านอาจคิดว่า "ก็คนเก่งเรียน ไปเรียนกับอาจารย์คนไหนมันก็รู้เรื่อง เข้าใจได้ ทำข้อสอบได้" ผมไม่ขอแก้ต่างตรงนี้ ...แต่ผมขอเสนอว่า แล้วถ้าคนเก่งๆเข้าไปอยู่ในระบบการประเมินผลที่แปลกๆ ล่ะ . . .
นี่เพียงแค่พูดถึงการเอาเกรดมาวัดแล้วชี้ว่าใครเก่งกว่าใครในระดับคณะเดียวกันนะครับ ถ้าหากจะนำไปวัดในระดับต่างคณะ ก็คงวัดไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้มีเกณฑ์มาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเอาไปวัดกับคนที่อยู่คนละมหาวิทยาลัย ได้เกรดจากอาจารย์คนละคน ก็ยิ่งไม่รู้ว่าเทียบกันให้เที่ยงตรงกันทุก ม. ได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ บางครั้งผมจึงคิดว่าบางที ชีวิตก็ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ ที่ผล GPA ของเราอาจจะต่ำเพราะถูกกดเกรดไว้ แต่ที่มหาลัยอื่นดีกว่า เพราะอาจารย์ใจดีกว่า ระบบการวัดผลมันโอเค ทำให้บางสถาบัน บางวิชา น.ศ.เรียนแล้วได้มดเต็มเลย, รองลงมาได้นก, ให้ต่ำสุดคือแมว แต่ไม่มีใครได้เลี้ยงหมา กล่าวคืออาจารย์ไม่ได้ให้เกรดแบบโค้งระฆังคว่ำ ที่จะคนเรียนจะต้องไปป่องตรงกลางๆ ช่วง B, C+ หรืออะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ สรุปคือ เกรดที่เด็กแต่ละคนได้ แต่ละมหาลัย มันต่างกัน
สุดท้าย ผมเลยสงสัยอยู่ตลอดในช่วงที่กำลังหางานว่าทำไม คนไปตัดสินความเก่งความขยันในการทำงานของบุคคลโดยดูตรงที่ตัวเลข "เกรด" ซึ่งอยู่ในตอนช่วงที่เรียน (อาจเพราะเราอยู่ในยุคที่คนส่วนใหญ่ยังมองว่าผู้ได้รับเกรดเฉลี่ยสูงๆจะเป็นคนที่จะประสบความสำเร็จและเหมารวมไปถึงอนาคตการทำงานว่าคงต้องดีแน่ๆ) ... ทว่ามีผมคนนึงที่จะไม่ยอมให้เกรดเน่าๆมาทำลายอนาคตผมแน่นอนครับ
ยังไงก็ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คนที่เกรดไม่สวย หรือเคยตก เคยติด F นะครับ
ผมเข้าใจความรู้สึกของท่านดี จุ๊บๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้